จากกรณีชาวบ้านทรายทองพัฒนา หมู่ 10 ต.บ้านเสด็จ อ.เมืองลำปาง ได้เข้าร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมอำเภอเมืองลำปาง ขอให้ไล่นายปกรณ์ ธรรมสิทธิ์ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 10 ให้พ้นจากตำแหน่ง เนื่องจากไม่ให้ความร่วมมือกับชาวบ้าน และทำงานไม่โปร่งใส โดยมีการยื่นเรื่องร้องเรียนทั้งหมด 10 เรื่องด้วยกัน ซึ่งทางอำเภอได้ให้แจ้งให้ทางผู้ใหญบ้านชี้แจงตามประเด็นต่างๆ
ล่าสุดวันที่
28 ส.ค.68 ที่ศาลาประชาคม วัดทรายทองพัฒนา หมู่ 10
ต.บ้านเสด็จ นายธนารัฐ สายเทพ นายอำเภอเมืองลำปาง พร้อมปลัดอำเภอ
เจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านเสด็จ กำนัน
ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ต.บ้านเสด็จ ร่วมกันประชุมชี้แจงข้อร้องเรียนระหว่าง
นายปกรณ์ ธรรมสิทธิ์ ผู้ใหญ่บ้านทรายทองพัฒนา และชาวบ้านทรายทองพัฒนา
ที่ได้มาร่วมรับฟังคำชี้แจงว่า 200 คน
โดยนายอำเภอให้ทางนายปกรณ์ ธรรมสิทธิ์
ผู้ใหญ่บ้านทรายทองพัฒนาได้ชี้ประเด็นข้อร้องเรียนทั้งหมด 10 ข้อด้วยกัน ประกอบด้วย
1.เรื่องการไม่ให้ความร่วมมือกับชุมชน ไม่ร่วมกิจกรรมงานวันเฉลิมพระชนมพรรษา
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง นายปกรณ์ชี้แจงว่าไม่มีหนังสือแจ้งอย่างเป็นทางการให้เข้าร่วมกิจกรรมจาก
อบต.บ้านเสด็จ ทราบเรื่องผ่าน
ส.อบต.ว่าขอให้จัดชาวบ้านร่วมหมู่บ้านละ 10 คน ประกอบกับวัดทรายเหนือ อยู่ หมู่ 3 การไม่เข้าร่วมจึงไม่ใช่เรื่องผิด
มีกำนัน และผู้ใหญ่บ้านอื่นๆ ก็ไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว
2.เรื่องความไม่โปร่งใสและการแทรกแซงการเงินการบริหารประปาหมู่บ้าน และปัญหาน้ำไม่สะอาด นายปกรณ์ชี้แจง เดือน ม.ค.67 มีการส่งมอบเงินจากคณะกรรมการประปาชุดเดิมให้กับคณะกรรมการชุดใหม่
ซึ่งมีการนับเงินสดและถ่ายภาพเป็นหลักฐาน จำนวนเงิน 157,872
บาท และมีมติให้กรรมการ 3 คน ไปเปิดบัญชีธนาคารเพื่อถอนเงินประปาหมูบ้าน
มีการจดบันทึกรายรับรายจ่ายทุกเดอืน
และมีการประชุมชี้แจงยอดเงินในที่ประชุมหมู่บ้านทุก 6
เดือน
ส่วนเรื่องน้ำประปาไม่สะอาด เนื่องจากประปาก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2540 มีอายุเก่าแก่ ระบบท่อเมนมีการชำรุดเสียหายบางส่วน มีตะกรันสะสมในท่อ มีการซ่อมแซมบำรุงรักษามาโดยตลอด สามารถใช้น้ำได้ปกติ จะมีน้ำขุ่นบ้างช่วงที่ไฟฟ้าตัด
3.แทรกแซงการเงินสมาชิกฌาปนกิจของหมูบ้าน
ผู้ใหญ่บ้าน กล่าวว่า การประชุมประจำเดือน
ธ.ค. 66 ได้ขอมติที่ประชุมให้เหรัญญิก
ชี้แจงเรื่องเงินสมาชิกในการประชุมของเดือน ม.ค. 67 ซึ่งนายไพบูลย์ เหรัญญิกกลุ่มฌาปนกิจของหมู่บ้าน
ได้ชี้แจงยอดเงินสมาชิกที่เก็บไว้ จำนวน 122,028 บาท และไม่เห็นด้วยที่จะนำเงินสมาชิกไปฝากธนาคาร
เพราะความไม่สะดวกในการจ่ายเงินเมื่อมีสมาชิกเสียชีวิต
แต่มติที่ประชุมเห็นชอบให้มีการนำเงินไปฝากธนาคาร หลังจากนั้นตนก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับกลุ่มสมาชิกฌาปนกิจอีกเลย
4. การประชุมหมู่บ้านแต่ละครั้งมีชาวบ้านเข้าร่วมน้อยกว่า 20% ในฐานะผู้ใหญ่บ้านได้มีการประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านเข้าร่วมประชุมก่อน
1 วัน ผ่านเสียงตามสายของหมู่บ้าน ช่วง 18.00 น.
ซึ่งตนไม่สามารถบังคับให้ชาวบ้านมาร่วมประชุมได้
ส่วนใหญ่ชาวบ้านจะมากันมาก หากได้รับสิทธิจากภาครัฐ สรุปผู้เข้าร่วมประชุมเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 41-75 คน หรือคิดเป็นประมาณ 15-20% ของครัวเรือนทั้งหมด
5.การพกอาวุธปืนเข้าในที่ประชุม ซึ่งเป็นพฤติกรรมไม่เหมาะสม
ยืนยันว่าไม่เคยพกพาอาวุธไปในที่ประชุม
มีเพียงวิทยุสื่อสารเท่านั้นที่จะพกไป
6.ไม่มีการประชาสัมพันธ์ข่าวสารต่างๆภายในหมู่บ้านไม่ทั่วถึง
ในเรื่องนี้พยานฝ่ายผู้ใหญ่บ้านยืนยันว่ามีการประชาสัมพันธ์เสียงตามสายอย่างสม่ำเสมอ
หากบางเรื่องที่ไม่ได้แจ้ง เป็นเพราะเอกสารมาไม่ถึงผู้ใหญ่บ้าน
อาจเป็นการกลั่นแกล้งจากฝ่ายตรงข้าม
7.ไม่อำนวยความสะดวก เรื่องการขอรับรองความประพฤติของบุตรหลานหรือคนในหมู่บ้าน
นายปกรณ์กล่าวว่า
การรับรองต่างๆเป็นไปตามอำนาจหน้าที่ เช่นการรับรองเยาวชนปรกอบขอทุนการศึกษา
ซึ่งได้ดำเนินการทันที แต่การรับรองความประพฤติ
จะยึดหยักพิจารณาจากพฤติกรรม และการมีจิตสาธารณะเป็นหลัก
เพราเกรงจะส่งผลกระทบกับนายจ้างและสังคม
8.ผู้ใหญ่บ้านนำดินที่ขุดจากคลองชลประทานไปถมที่ดินของตัวเอง
ผู้ใหญ่บ้าน กล่าวว่า
ไม่ใช่เศษดินที่เหลือจากการขุดคลองแต่เป็นเศษปูนที่ขุออกจากลำเหมืองเพื่อก่อสร้างใหม่
ซึ่งดำเนินการเมื่อเดือน ก.ย.- ต.ค. 67
เมื่อสร้างเสร็จผู้รับเหมาได้นำปูนวางทิ้งไว้รอบขอบลำเหมือง
ติดกับบ้านของประชาชนเกรงจะเดือดร้อน จึงได้ให้ทางผู้รับเหมานำเศษปูนไปทิ้งบริเวณที่ดินข้างสวนของมารดาตนเอง
ประมาณ 10 คันรถ
ไม่ได้มีการเรียกรับผลประโยชน์และค่าตอบแทนจากผู้รับเหมาแต่อย่างใด ต่อมามีการร้องเรียน
ทางผู้รับเหมาได้แจ้งขอนำเศษปูนดังกล่าวกลับไปไว้บริเวณจุดทำโครงการที่เดิมแล้ว
9.ปฏิเสธและขัดขวางการรับงบประมาณต่างๆ เข้ามาพัฒนาในหมู่บ้าน เช่น โครงการเจาะบ่อบาดาลของ อบจ.ลำปาง นายปกรณ์กล่าวว่า
ปลายปี 66 ตนได้ขอใช้ที่สาธารณะประโยชน์ของหมู่บ้านเพื่อดำเนินโครงการดังกล่าว ร่วมกับ อบต.บ้านเสด็จขอใบอนุญาตเจาะบ่อบาดาล
และได้รับใบอนุญาตเรียบร้อยแล้ว ต่อมาเดือน พ.ย.-ธ.ค.66
มีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดลำปาง
เข้ามาตรวจสอบพื้นที่ แจ้งว่า ไม่สามารถดำเนินการได้เนื่องจากอยู่ติดกับบ่อเกรอะ โครงการจึงยุติไป
10. ไม่ยินยอมให้ อบต.บ้านเสด็จดำเนินโครงการถนนลาดยางในหมู่บ้าน เนื่องจากการดำเนินการไม่เป็นไปตามระเบียบกฎหมาย
เนื่องจากขายระยะทางลาดยางอีกประมาณ 48 เมตร และทางอบต. แจ้งให้ตนเสนอแผนพัฒนาเพิ่มเติมเพื่อลาดยางส่วนที่เหลือให้ครบ โดยส.อบต.ในพื้นที่ไม่ได้ร่วมชี้แจงเหตุที่ต้องเสนอแผนเพิ่มเติม
และเห็นว่ายังมีโครงการพัฒนาอื่นในหมู่บ้าน ที่มีความสำคัญและจำเป็นกว่าโครงการดังกล่าว
หลังจากผู้ใหญ่บ้านชี้แจงครบทั้งหมดแล้ว
ทางนายอำเภอเมืองลำปาง ได้สอบถามความติดเห็นจากทางผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้าน
ว่ามีความต้องการอย่างไร ซึ่งทางชาวบ้านยืนยันว่าให้ทางผู้ใหญ่บ้านลาออกจากตำแหน่ง
เนื่องจากไม่สามารถทำงานร่วมกับชาวบ้านได้ สร้างความแตกแยกในหมู่บ้าน ขณะที่ทางผู้ใหญ่บ้าน ยืนยันว่าจะไม่ลาออก
เพราะต้องการจะพิสูจน์ความถูกต้องของตนเอง
ทำให้เกิดการโต้เถียงกันขึ้นช่วงหนึ่ง
โดยชาวบ้านได้ตะโกนไล่ให้ผู้ใหญ่บ้านออกไป
ทางด้านนายอำเภอ
จึงชี้แจงว่า เมื่อผู้ใหญ่บ้านไม่ลาออกด้วยตัวเอง ทางอำเภอไม่สามารถไล่ผู้ใหญ่บ้านออกได้
ตอนนี้ถือว่าผู้ใหญ่บ้านยังไม่มีความผิด จึงต้องมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง
ว่าผู้ใหญ่บ้านมีความผิดจริงหรือไม่ ในประเด็นใดบ้าง หากมีความผิดก็ต้องให้ออกตามกระบวนการ แต่หากสอบสวนแล้วไม่ผิดก็ต้องยอมรับในส่วนนี้
อย่างไรก็ตาม
ทางชาวบ้านยังคงยืนยันว่า ต้องการให้นายปกรณ์ ธรรมสิทธิ์ ผู้ใหญ่บ้านทรายทองพัฒนา
ออกจากตำแหน่งทันที หลังจากเลิกประชุมแล้ว
จึงได้พากันรวมตัวไปยังศาลากลางจังหวัดลำปาง เพื่อเรียกร้องผ่านทางผู้ว่าราชการจังหวัดต่อไป
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น