วันพฤหัสบดีที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2568

(มีคลิป) ชาวบ้านนับร้อยไล่ผู้ใหญ่บ้าน เหตุไม่โปร่งใส 10 ข้อ ผู้ใหญ่บ้านลั่นไม่ลาออก เพราะต้องการพิสูจน์ความจริง ต่างฝ่ายต่างไม่มีใครยอมถอย

จากกรณีชาวบ้านทรายทองพัฒนา หมู่ 10 ต.บ้านเสด็จ อ.เมืองลำปาง  ได้เข้าร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมอำเภอเมืองลำปาง  ขอให้ไล่นายปกรณ์ ธรรมสิทธิ์ ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 10 ให้พ้นจากตำแหน่ง  เนื่องจากไม่ให้ความร่วมมือกับชาวบ้าน และทำงานไม่โปร่งใส  โดยมีการยื่นเรื่องร้องเรียนทั้งหมด 10 เรื่องด้วยกัน  ซึ่งทางอำเภอได้ให้แจ้งให้ทางผู้ใหญบ้านชี้แจงตามประเด็นต่างๆ


ล่าสุดวันที่ 28 ส.ค.68 ที่ศาลาประชาคม วัดทรายทองพัฒนา หมู่ 10 ต.บ้านเสด็จ นายธนารัฐ สายเทพ นายอำเภอเมืองลำปาง พร้อมปลัดอำเภอ เจ้าหน้าที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บ้านเสด็จ กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ต.บ้านเสด็จ  ร่วมกันประชุมชี้แจงข้อร้องเรียนระหว่าง นายปกรณ์ ธรรมสิทธิ์ ผู้ใหญ่บ้านทรายทองพัฒนา และชาวบ้านทรายทองพัฒนา ที่ได้มาร่วมรับฟังคำชี้แจงว่า 200 คน  

          โดยนายอำเภอให้ทางนายปกรณ์ ธรรมสิทธิ์ ผู้ใหญ่บ้านทรายทองพัฒนาได้ชี้ประเด็นข้อร้องเรียนทั้งหมด 10 ข้อด้วยกัน ประกอบด้วย 

1.เรื่องการไม่ให้ความร่วมมือกับชุมชน ไม่ร่วมกิจกรรมงานวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง   นายปกรณ์ชี้แจงว่าไม่มีหนังสือแจ้งอย่างเป็นทางการให้เข้าร่วมกิจกรรมจาก อบต.บ้านเสด็จ  ทราบเรื่องผ่าน ส.อบต.ว่าขอให้จัดชาวบ้านร่วมหมู่บ้านละ 10 คน  ประกอบกับวัดทรายเหนือ อยู่ หมู่ 3 การไม่เข้าร่วมจึงไม่ใช่เรื่องผิด  มีกำนัน และผู้ใหญ่บ้านอื่นๆ ก็ไม่ได้เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว

2.เรื่องความไม่โปร่งใสและการแทรกแซงการเงินการบริหารประปาหมู่บ้าน และปัญหาน้ำไม่สะอาด  นายปกรณ์ชี้แจง  เดือน ม.ค.67  มีการส่งมอบเงินจากคณะกรรมการประปาชุดเดิมให้กับคณะกรรมการชุดใหม่ ซึ่งมีการนับเงินสดและถ่ายภาพเป็นหลักฐาน จำนวนเงิน 157,872 บาท และมีมติให้กรรมการ 3 คน ไปเปิดบัญชีธนาคารเพื่อถอนเงินประปาหมูบ้าน  มีการจดบันทึกรายรับรายจ่ายทุกเดอืน  และมีการประชุมชี้แจงยอดเงินในที่ประชุมหมู่บ้านทุก 6 เดือน 

ส่วนเรื่องน้ำประปาไม่สะอาด เนื่องจากประปาก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2540  มีอายุเก่าแก่ ระบบท่อเมนมีการชำรุดเสียหายบางส่วน มีตะกรันสะสมในท่อ มีการซ่อมแซมบำรุงรักษามาโดยตลอด สามารถใช้น้ำได้ปกติ จะมีน้ำขุ่นบ้างช่วงที่ไฟฟ้าตัด

3.แทรกแซงการเงินสมาชิกฌาปนกิจของหมูบ้าน  ผู้ใหญ่บ้าน กล่าวว่า การประชุมประจำเดือน ธ.ค. 66  ได้ขอมติที่ประชุมให้เหรัญญิก ชี้แจงเรื่องเงินสมาชิกในการประชุมของเดือน ม.ค. 67   ซึ่งนายไพบูลย์ เหรัญญิกกลุ่มฌาปนกิจของหมู่บ้าน ได้ชี้แจงยอดเงินสมาชิกที่เก็บไว้ จำนวน 122,028 บาท  และไม่เห็นด้วยที่จะนำเงินสมาชิกไปฝากธนาคาร เพราะความไม่สะดวกในการจ่ายเงินเมื่อมีสมาชิกเสียชีวิต แต่มติที่ประชุมเห็นชอบให้มีการนำเงินไปฝากธนาคาร หลังจากนั้นตนก็ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับกลุ่มสมาชิกฌาปนกิจอีกเลย

4. การประชุมหมู่บ้านแต่ละครั้งมีชาวบ้านเข้าร่วมน้อยกว่า 20%   ในฐานะผู้ใหญ่บ้านได้มีการประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านเข้าร่วมประชุมก่อน 1 วัน ผ่านเสียงตามสายของหมู่บ้าน ช่วง 18.00 น. ซึ่งตนไม่สามารถบังคับให้ชาวบ้านมาร่วมประชุมได้  ส่วนใหญ่ชาวบ้านจะมากันมาก หากได้รับสิทธิจากภาครัฐ  สรุปผู้เข้าร่วมประชุมเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 41-75 คน หรือคิดเป็นประมาณ 15-20% ของครัวเรือนทั้งหมด

5.การพกอาวุธปืนเข้าในที่ประชุม ซึ่งเป็นพฤติกรรมไม่เหมาะสม  ยืนยันว่าไม่เคยพกพาอาวุธไปในที่ประชุม มีเพียงวิทยุสื่อสารเท่านั้นที่จะพกไป

 6.ไม่มีการประชาสัมพันธ์ข่าวสารต่างๆภายในหมู่บ้านไม่ทั่วถึง    ในเรื่องนี้พยานฝ่ายผู้ใหญ่บ้านยืนยันว่ามีการประชาสัมพันธ์เสียงตามสายอย่างสม่ำเสมอ หากบางเรื่องที่ไม่ได้แจ้ง เป็นเพราะเอกสารมาไม่ถึงผู้ใหญ่บ้าน อาจเป็นการกลั่นแกล้งจากฝ่ายตรงข้าม 

7.ไม่อำนวยความสะดวก เรื่องการขอรับรองความประพฤติของบุตรหลานหรือคนในหมู่บ้าน   นายปกรณ์กล่าวว่า การรับรองต่างๆเป็นไปตามอำนาจหน้าที่ เช่นการรับรองเยาวชนปรกอบขอทุนการศึกษา ซึ่งได้ดำเนินการทันที  แต่การรับรองความประพฤติ จะยึดหยักพิจารณาจากพฤติกรรม และการมีจิตสาธารณะเป็นหลัก เพราเกรงจะส่งผลกระทบกับนายจ้างและสังคม

 8.ผู้ใหญ่บ้านนำดินที่ขุดจากคลองชลประทานไปถมที่ดินของตัวเอง  ผู้ใหญ่บ้าน กล่าวว่า ไม่ใช่เศษดินที่เหลือจากการขุดคลองแต่เป็นเศษปูนที่ขุออกจากลำเหมืองเพื่อก่อสร้างใหม่ ซึ่งดำเนินการเมื่อเดือน ก.ย.- ต.ค. 67  เมื่อสร้างเสร็จผู้รับเหมาได้นำปูนวางทิ้งไว้รอบขอบลำเหมือง ติดกับบ้านของประชาชนเกรงจะเดือดร้อน จึงได้ให้ทางผู้รับเหมานำเศษปูนไปทิ้งบริเวณที่ดินข้างสวนของมารดาตนเอง ประมาณ 10 คันรถ  ไม่ได้มีการเรียกรับผลประโยชน์และค่าตอบแทนจากผู้รับเหมาแต่อย่างใด  ต่อมามีการร้องเรียน ทางผู้รับเหมาได้แจ้งขอนำเศษปูนดังกล่าวกลับไปไว้บริเวณจุดทำโครงการที่เดิมแล้ว

9.ปฏิเสธและขัดขวางการรับงบประมาณต่างๆ เข้ามาพัฒนาในหมู่บ้าน  เช่น โครงการเจาะบ่อบาดาลของ อบจ.ลำปาง   นายปกรณ์กล่าวว่า ปลายปี 66 ตนได้ขอใช้ที่สาธารณะประโยชน์ของหมู่บ้านเพื่อดำเนินโครงการดังกล่าว  ร่วมกับ อบต.บ้านเสด็จขอใบอนุญาตเจาะบ่อบาดาล และได้รับใบอนุญาตเรียบร้อยแล้ว ต่อมาเดือน พ.ย.-ธ.ค.66 มีเจ้าหน้าที่จากสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดลำปาง เข้ามาตรวจสอบพื้นที่ แจ้งว่า ไม่สามารถดำเนินการได้เนื่องจากอยู่ติดกับบ่อเกรอะ  โครงการจึงยุติไป

10. ไม่ยินยอมให้ อบต.บ้านเสด็จดำเนินโครงการถนนลาดยางในหมู่บ้าน เนื่องจากการดำเนินการไม่เป็นไปตามระเบียบกฎหมาย เนื่องจากขายระยะทางลาดยางอีกประมาณ 48 เมตร  และทางอบต. แจ้งให้ตนเสนอแผนพัฒนาเพิ่มเติมเพื่อลาดยางส่วนที่เหลือให้ครบ  โดยส.อบต.ในพื้นที่ไม่ได้ร่วมชี้แจงเหตุที่ต้องเสนอแผนเพิ่มเติม และเห็นว่ายังมีโครงการพัฒนาอื่นในหมู่บ้าน ที่มีความสำคัญและจำเป็นกว่าโครงการดังกล่าว   

หลังจากผู้ใหญ่บ้านชี้แจงครบทั้งหมดแล้ว ทางนายอำเภอเมืองลำปาง ได้สอบถามความติดเห็นจากทางผู้ใหญ่บ้าน และชาวบ้าน ว่ามีความต้องการอย่างไร ซึ่งทางชาวบ้านยืนยันว่าให้ทางผู้ใหญ่บ้านลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากไม่สามารถทำงานร่วมกับชาวบ้านได้ สร้างความแตกแยกในหมู่บ้าน  ขณะที่ทางผู้ใหญ่บ้าน ยืนยันว่าจะไม่ลาออก เพราะต้องการจะพิสูจน์ความถูกต้องของตนเอง  ทำให้เกิดการโต้เถียงกันขึ้นช่วงหนึ่ง โดยชาวบ้านได้ตะโกนไล่ให้ผู้ใหญ่บ้านออกไป

ทางด้านนายอำเภอ จึงชี้แจงว่า เมื่อผู้ใหญ่บ้านไม่ลาออกด้วยตัวเอง ทางอำเภอไม่สามารถไล่ผู้ใหญ่บ้านออกได้ ตอนนี้ถือว่าผู้ใหญ่บ้านยังไม่มีความผิด  จึงต้องมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง ว่าผู้ใหญ่บ้านมีความผิดจริงหรือไม่ ในประเด็นใดบ้าง หากมีความผิดก็ต้องให้ออกตามกระบวนการ  แต่หากสอบสวนแล้วไม่ผิดก็ต้องยอมรับในส่วนนี้

อย่างไรก็ตาม ทางชาวบ้านยังคงยืนยันว่า ต้องการให้นายปกรณ์ ธรรมสิทธิ์ ผู้ใหญ่บ้านทรายทองพัฒนา ออกจากตำแหน่งทันที  หลังจากเลิกประชุมแล้ว จึงได้พากันรวมตัวไปยังศาลากลางจังหวัดลำปาง เพื่อเรียกร้องผ่านทางผู้ว่าราชการจังหวัดต่อไป 


Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์