วันศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

กฟผ.เผยแผน PDP ดันโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก (SMR) ภายในปี 2580 พร้อมเร่งสร้างความเข้าใจประชาชน – คุมเข้มมาตรฐานความปลอดภัยสากล

 


กฟผ. ดัน "โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก (SMR)" เข้าสู่แผนพลังงานประเทศ ตั้งเป้าใช้งานภายในปี 2580 เพื่อทดแทนการพึ่งพาเชื้อเพลิงหลักและเสริมความมั่นคงของระบบไฟฟ้าควบคู่พลังงานหมุนเวียน พร้อมเน้นย้ำว่า การพัฒนา SMR จะต้องใช้เวลาในการเตรียมบุคลากรและกฎระเบียบความปลอดภัยที่เข้มงวดตามมาตรฐานสากล โดยเริ่มกระบวนการศึกษาและเตรียมพร้อมตั้งแต่ปี 2570 พร้อมชี้แจงพื้นที่ตั้งยังไม่กำหนดแน่นอน แต่เน้นใกล้น้ำและสามารถพิจารณาพื้นที่ที่มีศักยภาพ เช่น แม่เมาะ ซึ่งมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบถ้วน

  • กฟผ. เผยแผนรับมือการเปลี่ยนผ่านพลังงาน

นายสุทธิพงษ์ เฉลิมเกียรติ ผู้ช่วยผู้ว่าการผลิตไฟฟ้า 2 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (ตำแหน่งขณะให้สัมภาษณ์ ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง ผู้ช่วยผู้ว่าการผลิตไฟฟ้า 1)  เปิดเผยถึงทิศทางการผลิตไฟฟ้าของประเทศว่า ปัจจุบันไทยยังพึ่งพาโรงไฟฟ้าแบบดั้งเดิม (Conventional) คือถ่านหินและก๊าซธรรมชาติเป็นหลัก แต่เมื่อสัดส่วนถ่านหินลดลง ความต้องการไฟฟ้าในอนาคตจำเป็นต้องหาแหล่งพลังงานใหม่มาทดแทน ทั้งพลังงานหมุนเวียนควบคู่เทคโนโลยีกักเก็บพลังงาน เช่น แบตเตอรี่ขนาดใหญ่ และโรงไฟฟ้าสูบกลับ เพื่อเพิ่มความมั่นคงของระบบไฟฟ้าในวันที่ไม่มีแดดหรือไม่มีลม

  • โซลาร์ฟาร์มแม่เมาะคืบหน้า

ด้านโครงการพลังงานทดแทน กฟผ.แม่เมาะ มีโซลาร์ฟาร์มในพื้นที่ ขนาด 50 เมกะวัตต์ มีความคืบหน้าเกิน 80% และเตรียมจ่ายไฟเพื่อใช้ในกิจกรรมของเมืองแม่เมาะในเร็ว ๆ นี้ ช่วยลดการพึ่งพาไฟฟ้าจากถ่านหินลงอย่างเป็นรูปธรรม

  • เดินหน้าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก -SMR

อย่างไรก็ตาม เพื่อรองรับความต้องการไฟฟ้าในระยะยาว รัฐบาลมีนโยบายผลักดันเทคโนโลยี โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก (Small Modular Reactor : SMR)” โดยมอบให้ กฟผ. เป็นหน่วยงานนำร่อง โดยขั้นตอนสำคัญก่อนการก่อสร้าง คือ การสร้างความเข้าใจและความเชื่อมั่นให้ประชาชน เน้นให้ความรู้ด้านความปลอดภัย และชี้แจงหลักเกณฑ์กำกับดูแลที่ต้องสอดคล้องมาตรฐานสากล 

  • แผน PDP มีไฟฟ้าจากนิวเคลียร์ในปี 2580

นายสุทธิพงษ์ ระบุว่า การพัฒนาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ต้องใช้เวลาทั้งการเตรียมบุคลากร การอบรม การสอบ License ผู้ควบคุมเครื่อง รวมถึงการจัดทำกฎหมายและกฎระเบียบด้านความปลอดภัย ซึ่งเป็นข้อกำหนดที่เข้มงวดจากองค์กรกำกับดูแลระดับนานาชาติ โดยแผน PDP ของประเทศตั้งเป้ามีไฟฟ้าจากนิวเคลียร์ใช้งานภายในปี 2580 ทำให้ต้องเริ่มกระบวนการศึกษาและเตรียมความพร้อมตั้งแต่ปี 2570 เป็นต้นไป ขณะนี้ กฟผ. ได้เริ่มดำเนินการแล้ว ทั้งการให้ความรู้ การปรับปรุงศูนย์เรียนรู้ และจัดทำพื้นที่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับ SMR

  • ชี้ทำเลตั้ง SMR แม่เมาะมีความเป็นไปได้

สำหรับสถานที่ตั้งยังไม่ได้กำหนด แต่องค์ประกอบหลักคือ จะต้องอยู่ใกล้น้ำ ซึ่งโรงไฟฟ้าSMR จะใช้พื้นที่น้อย ดังนั้นจะอยู่ภาคไหนของประเทศก็ได้  แต่ถ้าให้ดีควรจะอยู่ในพื้นที่มีพลังงานทดแทนอื่นร่วมด้วยเพื่อมาเสริมกัน 

“พื้นที่ของแม่เมาะก็เหมาะสม เพราะว่าเรามีพื้นที่  เรามีน้ำ เรามีสิ่งอำนวยความสะดวกครบ หากถามว่ามีความเป็นไปได้ไหม ก็มีความเป็นไปได้”  นายสุทธิพงษ์ กล่าว

  • ยืนยันมาตรฐานความปลอดภัย

ผู้ช่วยผู้ว่าการผลิตไฟฟ้า 2  กล่าวย้ำว่า  กฟผ. ในฐานะหน่วยงานรัฐ ดำเนินงานภายใต้กฎหมายและมาตรฐาน ISO ครบทุกด้าน ทั้งสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัย และคุณภาพ พร้อมเปิดให้หน่วยงานภาครัฐและ Third Party เข้าตรวจสอบเป็นประจำทุกปี จึงขอให้ประชาชนลำปางมั่นใจว่า โรงไฟฟ้าแม่เมาะและโครงการต่าง ๆ ดำเนินการภายใต้มาตรฐานสากล และจะไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพและความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่




Share:

โรงไฟฟ้าแม่เมาะผ่านการตรวจประเมินระบบมาตรฐาน ISO จาก สรอ. โดยไม่พบข้อบกพร่อง


สถาบันรับรองมาตรฐานไอเอสโอ(สรอ.) แจ้งโรงไฟฟ้าแม่เมาะผ่านการตรวจประเมินการคงไว้ซึ่งการรับรองระบบมาตรฐานการจัดการทั้ง 3 ระบบ ซึ่งประกอบด้วย 1.ระบบบริหารงานคุณภาพ มอก.9001-2559(ISO 9001:2015) 2.ระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม มอก.14001-2559 (ISO 14001: 2015) และ 3.ระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย มอก.45001-2561(ISO 45001:2018) โดยไม่พบข้อบกพร่อง


เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2568 ณ ห้องมุ่งงานเลิศ นายอลงกรณ์ พุ่มรักธรรม ผู้ช่วยผู้ว่าการผลิตไฟฟ้า 2 เป็นประธานสรุปผลการตรวจประเมินระบบมาตรฐานการจัดการโดยสถาบันรับรองมาตรฐานไอเอสโอ(สรอ.) ได้เข้าตรวจประเมินระบบมาตรฐานการจัดการคุณภาพ ระบบมาตรฐานการจัดการสิ่งแวดล้อม และระบบมาตรฐานการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย โดยมี น.ส.เพ็ญประภา เลิศล้ำไตรภพ หัวหน้าคณะผู้ตรวจประเมิน พร้อมด้วย น.ส.ศิโรรัตน์ ศรีเกษเพ็ชร์, นายพัฒนพงศ์ บำรุงสุข, นายจิตติพงษ์ สุจิตต์ และ น.ส.สุคนธรวรรณ หวานแก้ว เข้าตรวจประเมินระบบ

น.ส.เพ็ญประภา เลิศล้ำไตรภพ หัวหน้าคณะผู้ตรวจประเมิน กล่าวยืนยันผลการตรวจประเมินว่า โรงไฟฟ้าแม่เมาะสามารถดำรงการรับรองมาตรฐานทั้ง 3 ระบบ โดยไม่พบข้อบกพร่อง ทั้งนี้ยังได้ชื่นชมความมุ่งมั่นของผู้บริหารและบุคลากรทุกระดับที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบการจัดการอย่างต่อเนื่อง มีการกำหนดนโยบายและเป้าหมายที่ชัดเจน พร้อมผลักดันกิจกรรมปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อาทิ การนำเทคโนโลยีใหม่เข้ามาประยุกต์ใช้ การดำเนินโครงการด้านความปลอดภัย และการส่งเสริมวัฒนธรรมความปลอดภัยในการทำงานอย่างต่อเนื่อง โดยคณะผู้ตรวจฯ ได้เสนอข้อสังเกตและโอกาสในการปรับปรุงจำนวน 12 ประเด็น เพื่อใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาระบบให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น


นายอลงกรณ์ พุ่มรักธรรม ผู้ช่วยผู้ว่าการผลิตไฟฟ้า 2 กล่าวว่า การตรวจประเมินครั้งนี้ช่วยให้โรงไฟฟ้าแม่เมาะได้เห็นจุดที่ต้องปรับปรุง และแนวทางในการยกระดับมาตรฐานการดำเนินงานให้ดียิ่งขึ้น ข้อเสนอแนะและข้อสังเกตทั้ง 12 รายการที่ได้รับ จะได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการปรับปรุงและติดตามผล เพื่อให้ระบบการจัดการของโรงไฟฟ้าแม่เมาะมีความครบถ้วน สอดคล้องกับข้อกำหนด และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น



สถาบันรับรองมาตรฐานไอเอสโอ(สรอ.) ได้เข้าตรวจประเมินการคงไว้ซึ่งการรักษาระบบมาตรฐานการจัดการครั้งที่ 2 ของระบบบริหารงานคุณภาพ มอก.9001 - 2559(ISO 9001 : 2015), ระบบการจัดการสิ่งแวดล้อม มอก.14001 - 2559 (ISO 14001 : 2015) และตรวจประเมินการคงไว้ซึ่งการรักษาระบบมาตรฐานการจัดการครั้งที่ 1 ของระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย มอก.45001 - 2561(ISO 45001 : 2018) ระหว่างวันที่ 11 – 13 พฤศจิกายน 2568 โดยครอบคลุมการดำเนินงานผลิตกระแสไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าแม่เมาะ เครื่องที่ 8 - 14 ด้วยการ สัมภาษณ์ผู้บริหารระดับสูง และระดับปฎิบัติ การตรวจสอบเอกสารการดำเนินงาน รวมทั้งการตรวจสอบการทำงานจากสถานที่ปฏิบัติงานจริง
Share:

วันพุธที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

กฟผ.แม่เมาะ ทุ่ม 25,000 ล้าน เดินหน้าปรับปรุงใหญ่โรงไฟฟ้าเครื่องที่ 12–13 แทน MMRP2 ยกระดับสิ่งแวดล้อม–คุมมลพิษ เข้มรับกฎหมายใหม่ ปี 2575

  • ยุติโครงการ MMRP2ปรับกลยุทธ์ ซ่อมแทนสร้าง

นายสุทธิพงษ์ เฉลิมเกียรติ ผู้ช่วยผู้ว่าการผลิตไฟฟ้า 2 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า โครงการโรงไฟฟ้าแม่เมาะทดแทนเครื่องที่ 8-9 (MMRP2) ได้ยุติการดำเนินการแล้ว หลังไม่สามารถหาผู้พัฒนาโครงการได้ โดย กฟผ.จึงทำหนังสือขอยกเลิกมติคณะรัฐมนตรีที่อนุมัติให้ดำเนินการก่อสร้างโครงการดังกล่าว

ทั้งนี้ เพื่อคงกำลังการผลิตไฟฟ้าในพื้นที่ไว้ที่ 1,200 เมกะวัตต์ กฟผ.จึงตัดสินใจปรับปรุงโรงไฟฟ้าเก่าหน่วยที่ 12 และ 13 จากเดิมหน่วยละ 300 เมกะวัตต์ ให้สามารถเดินเครื่องผลิตได้ต่อเนื่องอีกระยะ รวมกำลังผลิต 600 เมกะวัตต์  ใช้ระยะเวลาดำเนินงานรวมประมาณ 6 ปี

  • รับมือกฎหมายสิ่งแวดล้อมฉบับใหม่ ปี 2575

สาเหตุหลักในการปรับปรุง เนื่องจากกฎหมายสิ่งแวดล้อมฉบับใหม่ที่จะมีผลบังคับใช้ในปี 2575 กำหนดให้โรงไฟฟ้าทุกแห่งต้องควบคุมค่ามลสารให้อยู่ในระดับที่เข้มงวดกว่าเดิม โดยค่ากำมะถัน (SO₂) ต้องลดจาก 320 ppm เหลือ 150 ppm, ไนโตรเจนออกไซด์ (NOₓ) จาก 500 เหลือ 200 ppm และฝุ่นละอองจาก 180 เหลือเพียง 30 มิลลิกรัมต่อลูกบาศก์เมตร รวมถึงเพิ่มข้อกำหนดใหม่เรื่องสารปรอทไม่เกิน 0.03 มิลลิกรัมต่อลูกบาศก์เมตร

เราจะใช้เทคโนโลยีเดิม ปรับปรุงเฉพาะส่วนระบบควบคุมมลพิษ เพื่อให้ผ่านตามกฎหมายใหม่ ประสิทธิภาพการผลิตยังใกล้เคียงของเดิม การใช้ถ่านหินเท่าเดิม เพียงแต่ปล่อยมลพิษลดลงกว่าครึ่งนายสุทธิพงษ์ กล่าว

 


  • แผนดำเนินงาน 6 ปี ทดแทนหน่วย 8 และ 11

โครงการปรับปรุงใช้เวลารวมประมาณ 6 ปี แบ่งเป็นช่วงศึกษาความเป็นไปได้และจัดทำรายงาน EHIA ประมาณ 2 ปีครึ่ง และช่วงก่อสร้างปรับปรุงจริงราว 3 ปีครึ่ง  ระหว่างดำเนินการ กฟผ.ได้เลื่อนการปลดระวาง หน่วย 8 และ 11 ออกไป เพื่อให้ผลิตไฟฟ้าทดแทนได้ต่อเนื่องจนกว่า 12 และ 13 จะปรับปรุงเสร็จสมบูรณ์

ผู้ช่วยผู้ว่าการผลิตไฟฟ้า 2 ระบุว่า  ณ เวลานี้เราผลิตอยู่ 2400 เมกะวัตต์ พอ 1มกรา ปีหน้ามันจะเหลือแค่ 1200 เมกะวัตต์  ก็คือ ปริมาณถ่านที่เรามีสำรองลดลง จำเป็นจะต้องลดกำลังการผลิตลงด้วยตามปริมาณถ่านที่มี

  •  งบลงทุน 25,000 ล้าน ประหยัดกว่าครึ่งจากโครงการเดิม

งบประมาณในการปรับปรุงโรงไฟฟ้าครั้งนี้อยู่ที่ประมาณ 25,000 ล้านบาท น้อยกว่าการสร้างโรงไฟฟ้าใหม่ (MMRP2) ที่เคยวางไว้กว่า 45,000 ล้านบาท นอกจากจะลดต้นทุนแล้ว ยังช่วยยืดอายุการใช้งานเครื่องจักรที่ได้รับการบำรุงรักษาอย่างต่อเนื่องมากว่า 36 ปี

 


  • ค่ามลพิษน้ำต่ำกว่ามาตรฐาน ปลอดภัยต่อชุมชน

ด้านสิ่งแวดล้อม ในเรื่องน้ำ กฟผ.แม่เมาะยืนยันว่าไม่มีผลกระทบต่อชุมชน โดยค่ามาตรฐานหลัก 4 รายการต่ำกว่ากฎหมายกำหนดมาก ได้แก่ TDS (ของแข็งละลายรวม) ต่ำกว่า 1,000 ppm จากเกณฑ์ 3,000 ppm   COD (ค่าออกซิเจนที่ใช้ได้) ประมาณ 2040 มก./ลิตร จากเกณฑ์ 120   Suspended Solids ต่ำกว่า 10 มก./ลิตร จากเกณฑ์ 50   และค่า pH อยู่ระหว่าง 78 ถือเป็นกลางและปลอดภัย ทั้งนี้ ปริมาณน้ำที่ใช้และปล่อยออกจะลดลงตามกำลังการผลิตที่ลดลงด้วย

  • ผลกระทบต่อกองทุนพัฒนาไฟฟ้า

ปัจจุบัน กฟผ.แม่เมาะมีกำลังผลิต 2,400 เมกะวัตต์ สร้างรายได้เข้ากองทุนพัฒนาไฟฟ้าราว 350360 ล้านบาทต่อปี  เมื่อกำลังผลิตลดลงครึ่งหนึ่ง เงินกองทุนอาจลดเหลือราว 180 ล้านบาทต่อปี แต่ยังถือเป็นงบก้อนใหญ่เพื่อใช้พัฒนาชุมชนรอบโรงไฟฟ้า ทั้งในด้านสิ่งแวดล้อม การศึกษา และอาชีพ

และเพื่อให้ชุมชนมีความยั่งยืนหลังยุคถ่านหิน กฟผ.ได้จัดตั้งโครงการ แม่เมาะสมาร์ทซิตี้ เป็นศูนย์กลางส่งเสริมอาชีพ พัฒนาทักษะ และสร้างรายได้ให้ชุมชนหลังจากโรงไฟฟ้าและเหมืองปิดดำเนินการ เพื่อให้คนแม่เมาะยังคงมีชีวิตและอาชีพมั่นคง


  • เดินหน้าสู่นโยบาย คาร์บอนนิวทรัล

การปรับปรุงโรงไฟฟ้าครั้งนี้เป็นหนึ่งในแนวทางลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO₂) สอดคล้องกับนโยบาย Carbon Neutrality 2050 ของประเทศและของ กฟผ. นอกจากลดกำลังผลิตลงครึ่งหนึ่งแล้ว กฟผ.ยังวิจัยนวัตกรรมดักจับคาร์บอนจากวัสดุเหลือใช้ เช่น นำน้ำขี้เถ้ามาใช้ดักจับ CO  นำขี้เถ้าก้นเตามาผลิตวัสดุก่อสร้างชนิดใหม่ จีโอพอลิเมอร์” (Geopolymer) ซึ่งสามารถดูดซับ CO₂ จากก๊าซไอเสีย

 การปรับปรุงโรงไฟฟ้าแม่เมาะหน่วยที่ 1213 ไม่เพียงต่ออายุการเดินเครื่อง แต่ยังยกระดับมาตรฐานสิ่งแวดล้อมให้เทียบเท่าสากล และเดินหน้าไปพร้อมกับเป้าหมายพลังงานสะอาดของประเทศผู้ช่วยผู้ว่าการผลิตไฟฟ้า 2 กล่าวทิ้งท้าย.

 

 

Share:

กองปราบฯ ลุยจับหนุ่มแม่ทะ ลำปาง เอี่ยวขบวนการหลอกเทรดคริปโต สูญกว่า 4 ล้าน!

 

กองปราบฯ บุกจับหนุ่มวัย 30 ปี ชาวอำเภอแม่ทะ จังหวัดลำปาง ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดชัยภูมิ หลังร่วมขบวนการหลอกลงทุนเหรียญดิจิทัลเทรดหุ้น สร้างโปรไฟล์ปลอมลวงเหยื่อเจ้าของร้านอะไหล่รถยนต์ สูญเงินกว่า 4 ล้านบาท ผู้ต้องหารับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา

เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผบช.ก. พร้อมคณะผู้บังคับบัญชา และชุดจับกุม กก.4 บก.ป. นำโดย ว่าที่ พ.ต.ต.จิรัฎฐวัฒน์ กิจรุ่งเรืองเดช สว.กก.4 บก.ป. ได้เข้าจับกุม นายภากร (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 30 ปี ชาวบ้านหมู่ 5 ตำบลน้ำโจ้ อำเภอแม่ทะ จังหวัดลำปาง ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดชัยภูมิ ที่ 527/2568 ลงวันที่ 7 พฤศจิกายน 2568  โดยต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยการแสดงตนเป็นบุคคลอื่น และร่วมกันโดยทุจริตนำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ อันเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียหาย รวมถึงสมคบกันฟอกเงิน  เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ที่หน้าบ้านพักในพื้นที่ ต.น้ำโจ้ อ.แม่ทะ เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2568 ที่ผ่านมาโดยนายภากรให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา


คดีนี้สืบเนื่องจากกลุ่มมิจฉาชีพได้สร้างเฟซบุ๊กปลอมชื่อ “Phitchaya Sueksa (กอล์ฟ)แอบอ้างเป็นพนักงานบริษัทเทรดเหรียญดิจิทัลชื่อ “GET IO” แล้วหลอกเหยื่อ ซึ่งเป็นเจ้าของร้านอะไหล่รถยนต์ในจังหวัดชัยภูมิ ให้ร่วมลงทุนเทรดคริปโต โดยอ้างผลตอบแทนสูงและถอนเงินได้จริง

ในระยะแรก ผู้เสียหายลงทุนไป 200,000 บาท และได้รับกำไรเล็กน้อย ก่อนหลงเชื่อลงทุนเพิ่มต่อเนื่องกว่า 1 ปี ระหว่างเดือนมิถุนายน 2566 ถึงสิงหาคม 2567 ยอดรวมกว่า 4,000,000 บาท โดยมีหนึ่งในบัญชีรับโอนเงินเป็นชื่อของนายภากรฯ  


เมื่อไม่สามารถติดต่อผู้ใช้เฟซบุ๊กดังกล่าวได้ ผู้เสียหายจึงเข้าแจ้งความกับกองบังคับการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 3 ก่อนออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องหลายรายทั่วประเทศ  ภายหลังจับกุม เจ้าหน้าที่ได้นำตัวนายภากรส่งพนักงานสอบสวน บก.สอท.3 เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย พร้อมขยายผลหาผู้ร่วมขบวนการเพิ่มเติมต่อไป



Share:

เกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านไม้ เจ้าหน้าที่ระดมรถดับเพลิง 4 คันคุมเพลิงร่วมชั่วโมง เจ้าของบ้านถึงกับเป็นลมล้มพับ ร่ำไห้ ทรัพย์สินถูกเผาวอดไม่เหลืออะไรเลย

 

        เมื่อเวลา 10.45 น. วันที่ 13 พ.ย.68 ศูนย์วิทยุ 191 จ.ลำปาง  ได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุเพลิงไหม้ภายในหมู่บ้านกอกชุม หมู่ 6 ต.พระบาท อ.เมืองลำปาง จ.ลำปาง จึงประสานเจ้าหน้าที่งานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เทศบาลเมืองเขลางค์นคร  ดับเพลิงและกู้ภัย สมาคมกู้ภัยลำปาง  เข้าระงับเหตุ  ต่อมา ร.ต.อ.ณัฐนันทน์ คำสาร รอง สว.(สอบสวน) สภ.เขลางค์นคร ได้เข้าตรวจสอบ

        ในที่เกิเหตุ มีลักษณะเป็นบ้านไม้ยกพื้นสูง เลขที่ 71/1 หมู่ 6  ต.พระบาท  เจ้าหน้าที่พร้อมรถดับเพลิงจำนวน 4 คัน ได้เร่งระดมฉีดน้ำเพื่อควบคุมเพลิงไม่ให้ลุกลามไปยังบ้านใกล้เคียง เนื่องจากบ้านอยู่กลางชุมชน ซึ่งบ้านหลังเกิดเหตุ ถูกไฟไหม้ได้รับความเสียหายทั้งหลัง รวมทั้งมีไก่พื้นบ้านและไก่ชน ที่เคลื่อนย้ายไม่ทันตายไปหลายตัว

        ด้านนางออน เทพนามวงศ์ อายุ 61 ปี เจ้าของบ้าน เมื่อทราบข่าวได้เดินทางมาถึงบ้านได้เป็นลมล้มพับ ทางเพื่อนบ้านต้องมาช่วยประครอง ปฐมพยาบาล และปลอบใจให้อาการดีขึ้น  ซึ่งนางออนได้ร้องไห้อยู่ตลอดเวลา ให้การว่า ตนเองออกไปขายผักที่ตลาดหลักเมืองเป็นประจำทุกวัน และสามีจะอยู่บ้าน แต่วันนี้สามีเอารถไปซ่อม จากนั้นได้ข่าวว่าบ้านไฟไหม้จึงรีบไปรับตนจากตลาด เมื่อกลับมาเห็นบ้านก็ทำใจไม่ได้ ทองรูปพรรณที่เก็บไว้ในบ้านราวๆ 10 บาท ก็คงจะถูกไฟไหม้ไปด้วย ตนไม่เหลืออะไรแล้ว   

        ขณะที่ยายม้วน อายุ 71 ปี เพื่อนบ้านที่เห็นเหตุการณ์เล่าว่า ตนอยู่บ้านติดกันได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้นและได้กลิ่นเหม็นไหม้ จึงออกไปดูก็เห็นควันขโมงขั้นบริเวณช่วงบันไดทางขึ้นบ้าน จากนั้นได้เกิดไฟลุกไหม้อย่างรวดเร็ว ตนได้ตะโกนเรียกชาวบ้านให้มาช่วยเหลือ ก่อนจะมีคนโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ดังกล่าว 

        อย่างไรก็ตาม ทางร้อยเวรสอบสวนได้เข้าตรวจสอบเบื้องต้น  จากนั้นจะได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน 5 ลำปาง เข้าตรวจสอบหาสาเหตุอย่างละเอียดต่อไป 

Share:

รองอธิบดี กพร. เร่ง กฟผ. เสนอแผนจัดการเปลือกดินและแผนจัดการระบายน้ำ ย้ำหลีกเลี่ยงไม่ให้กระทบประชาชน

รองอธิบดี กพร. เร่ง กฟผ.แม่เมาะ เสนอแผนการจัดการเปลือกดินบริเวณจุดทิ้งดินนอกบ่อเหมืองภายใน 90 วัน และแผนจัดการระบายน้ำภายใน 30 วัน รวมถึงตรวจสอบคุณภาพน้ำก่อนระบายลงสู่ลำน้ำสาธารณะ

เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 ที่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) แม่เมาะ นายอานันท์ ฟักสังข์ รองอธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) พร้อมคณะเจ้าหน้าที่ กพร. , สำนักงานอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ เขต 3 เชียงใหม่ (สรข.3 เชียงใหม่) , สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดลำปาง (สอจ.ลำปาง) ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีพื้นที่กองมูลดินทรายโครงการเหมืองแร่ถ่านหิน ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย เกิดการสไลด์และพังทลาย โดยมี นางทวิวรรณ ด่านวิไล รองผู้ว่าการเชื้อเพลิง (รวช.) และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องร่วมให้ข้อมูล จากนั้นได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์


นายอานันท์ ฟักสังข์ รองอธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดินสไลด์ที่เกิดขึ้นผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรมมีความห่วงใย และมอบหมายให้ลงพื้นที่ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยกันหาแนวทางแก้ไขปัญหา และหลีกเลี่ยงไม่ให้มีผลกระทบต่อประชาชนโดยเฉพาะในเรื่องพลังงาน จึงได้สั่งการให้ กฟผ. และบริษัทผู้รับจ้างเร่งเสนอแผนจัดการเปลือกดินในบริเวณจุดทิ้งดินนอกบ่อเหมืองให้มีความปลอดภัยมากขึ้น ตรงตามหลักวิศวกรรมและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยมีวิศวกรควบคุมรับรองให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน เฝ้าระวังและเร่งจัดทำแผนจัดการระบายน้ำโดยเฉพาะบริเวณคลองผันน้ำหลักที่โดนปิดทับให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน รวมถึงให้ติดตามตรวจสอบคุณภาพน้ำ ได้แก่ บริเวณอ่างตกตะกอนห้วยทราย สะพานหางฮุง และอ่างเก็บน้ำแม่เมาะ รายงานให้ กพร. สอจ.ลำปาง และ สรข.3 เชียงใหม่ ทราบเดือนละ 1 ครั้ง จนกว่าคลองผันน้ำหลักที่โดนดินสไลด์ปิดทับจะได้รับการแก้ไขเสร็จสิ้น และหากพบว่าคุณภาพน้ำมีค่าเกินเกณฑ์มาตรฐานห้ามระบายน้ำออกพื้นที่ พร้อมทั้งปรับปรุงคุณภาพน้ำให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานก่อนระบายน้ำออกสู่ทางน้ำธรรมชาติ 

ขณะที่ นายสุชาติ ตุ่นแก้ว ผู้ช่วยผู้ว่าการเหมืองแม่เมาะ (ชชม.) กล่าวว่า พื้นที่เกิดเหตุดินสไลด์เป็นพื้นที่ทิ้งดินฝั่งตะวันตก (SW Dump) ได้รับใบอนุญาตจัดตั้งสถานที่ทิ้งหรือเก็บมูลดินทรายนอกเขตประทานบัตร เหมืองถ่านหินมีระยะห่างจากชุมชนใกล้เคียงประมาณ 5.5-8 กิโลเมตร เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อระบบสายพานลำเลียงดินของบริษัทผู้รับจ้างสัญญาที่ 8 และสัญญาที่ 9 อาคารสำนักงานบริษัทผู้รับจ้างสัญญาที่ 8 คลองระบายน้ำหลักของเหมืองแม่เมาะระยะทางยาวประมาณ 2.5 กิโลเมตร และเสาไฟฟ้าแรงสูง 9 ต้น ส่วนสาเหตุเกิดจากมีฝนต่อเนื่องในพื้นที่ โดยปี  2568 ตั้งแต่เดือนมกราคม-ตุลาคม ปริมาณน้ำฝนสะสม 1,338 มิลลิเมตร เพิ่มขึ้นจากปี 2567 ที่มีปริมาณน้ำฝนสะสมตลอดทั้งปี 1,242 มิลลิเมตร และในปี 2566 มีปริมาณน้ำฝนสะสม 792 มิลลิเมตร และยังพบว่าปีนี้มีปริมาณน้ำฝนสะสมสูงสุดเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยฝนสะสม 20 ปีที่ผ่านมา (ตั้งแต่ปี 2548-2567) 

ทั้งนี้ กฟผ.แม่เมาะ ได้ดำเนินการทิ้งดินตามแผนผังโครงการและมาตรการ EIA เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสำหรับการทิ้งดิน รวมถึงการทำร่องระบายน้ำตามชั้นตะพัก เพื่อป้องการกัดเซาะของน้ำ โดยดึงน้ำจากบริเวณที่ทิ้งดินไปปล่อยลงบ่อดักตะกอน (Settling Pond) ตั้งอยู่ทางทิศเหนือและทิศใต้ของพื้นที่ทิ้งดิน ผ่าน Wetland ก่อนลงสู่คลองผันน้ำหลัก (Main Diversion) และตกตะกอนอีกครั้งที่บ่อตกตะกอนด้านใต้ (Huai Sai Settling Pond) ก่อนระบายลงสู่ลำน้ำสาธารณะ ซึ่ง กฟผ.แม่เมาะ ได้เพิ่มมาตรการตรวจสอบติดตามคุณภาพน้ำเป็นสัปดาห์ละ 2 ครั้ง จากเดิมสัปดาห์ละ 1 ครั้ง 

สำหรับการทิ้งดินบนพื้นที่ทิ้งดินจะดำเนินการโดยบริษัทผู้รับจ้าง กฟผ.จะเป็นผู้บริหารสัญญา ควบคุมผู้รับจ้าง กำหนดแบบแปลนบริเวณ และตรวจสอบการโปรยดินเป็นประจำทุกเดือนด้วยการรังวัด ซึ่งผู้รับจ้างต้องมีเครื่องจักรกลที่ใช้ในการบดอัดตัดยอดกองดินให้ดินอัดแน่นสำหรับบริเวณที่ทิ้งดินที่เริ่ม  อยู่ตัวแล้ว และปรับแต่ง Side Slope โดยเฉพาะ ทั้งรถแทรคเตอร์ รถบดอัดตีนแกะ และรถเกรด เพื่อให้เป็นไปตามแบบแปลนที่กำหนด


 




Share:

เจาะสนามเลือกตั้งลำปาง จับตา 4 พรรค ชิงดำ!

 


            ในเชิงพื้นที่ สนามเลือกตั้งจังหวัดลำปาง เป็นสนามเล็ก คือมี ส.ส. 4 คน ที่อาจไม่ได้มีความหมายมากนัก หากแต่ในเขตเลือกตั้งภาคเหนือ ที่พรรคเพื่อไทยครองพื้นที่โดยส่วนใหญ่ การยึดพื้นที่แม้เพียงเก้าอี้เดียว ก็มีนัยสำคัญอย่างยิ่งต่อเป้าหมายการครองที่นั่งส่วนใหญ่ในสภา ซึ่งจะส่งผลให้พรรคเพื่อไทยได้กลับคืนสู่อำนาจ เป็นรัฐบาลพรรคเดียว หรือเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลอีกครั้ง

            คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ที่ทำให้ “แพรทองธาร ชินวัตร” และรัฐบาลพรรคเพื่อไทย หลุดพ้นจากวงโคจรอำนาจ ในขณะที่พรรคภูมิใจได้ทั้งอำนาจ สถานะรัฐบาล และกระแสสังคม เป็นพลังดูดให้นักการเมืองบ้านใหญ่ บ้านเล็ก เข้าไปอาศัยใบบุญ “อนุทิน ชาญวีรกูล” แม้กระทั่ง “พินิจ จันทรสุรินทร์” บ้านดอยเงิน ก็ประกาศตัวชัดเจนในการสู้ศึกเลือกตั้งในนามพรรคภูมิใจไทย

            พรรคเพื่อไทย ในยุคของจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ แข็งขัน และเปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.อย่างต่อเนื่อง เป้าหมายของเขายังไม่ได้ลดระดับลงจากการเลือกตั้งครั้งก่อน คือการเป็นพรรคการเมืองอันดับหนึ่งให้ได้ และเฉพาะในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ที่อดีต ส.ส.พรรคก้าวไกล หรือพรรคประชาชนในปัจจุบัน กวาดที่นั่ง ส.ส.ไปได้ถึง 7 ใน 10 ที่นั่ง ก็ไม่แตกต่างไปจากพรรคเพื่อไทยในจังหวัดลำปาง ที่ต้องทวงคืนตำแหน่ง ส.ส.ที่เลือกตั้งครั้งก่อนเสียเก้าอี้ให้ ส.ส.พรรคประชาชน เบียดชิงไปได้ 3 ที่นั่ง

            เกือบจะปิดตำนานนักการเมืองบ้านสวน ของ “ไพโรจน์ โล่ห์สุนทร”

            “ลานนาโพสต์เจาะสนามเลือกตั้ง 69 ยังคงให้ความสำคัญกับพรรคประชาชน ซึ่งเมื่อเร็วๆนี้ ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในภาคเหนือ อันดับ 1 ยังหาพรรคการเมืองที่เหมาะสมไม่ได้ แต่อันดับ 2 เป็นพรรคประชาชน และอันดับ 3 พรรคเพื่อไทย ส่วนภูมิใจไทย เป็นอันดับ 4

            แปลว่า กระแสพรรคประชาชนที่แปรรูปมาจากพรรคก้าวไกลยังไม่ตก แต่กว่าจะถึงวันเลือกตั้งพร้อมประชามติแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งคาดว่าจะเป็นวันที่ 29 มีนาคม 2569 โอกาสที่คะแนนนิยมจะผันผวนยังมีอีกมาก โดยเฉพาะคนส่วนใหญ่ในนิด้าโพล “กระแสการเมืองภาคเหนือ” บอกว่า ยังตัดสินใจเลือกพรรคอันดับหนึ่งในดวงใจไม่ได้

            ตัดภาพมาที่สนามเลือกตั้ง ลำปาง ภาพ “ทรงศักดิ์ ทองศรี” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย แกนนำพรรคภูมิใจไทย เปิดตัวผู้สมัครของพรรค อดีตพรรคเพื่อไทย “พินิจ จันทรสุรินทร์” บัญชีรายชื่อ เขต 1 ชวนิต จันทรสุรินทร์ เขต 2 ศรีพรหม หอมยก เขต 3 จรัสฤทธิ์ จันทรสุรินทร์ และเขต 4 ภุมรา จันทรสุรินทร์ เรียกว่า ช่วงชิงยึดพื้นที่ข่าวก่อน ในขณะที่เพื่อไทย ยังเงียบอยู่ แต่เป็นความเงียบ ที่ไม่ต้องประกาศต่อสาธารณะ ก็เป็นที่รับรู้อยู่แล้วว่า ไพโรจน์ โล่ห์สุนทร แห่งบ้านสวน นักการเมืองระดับตำนาน ที่ครองหัวใจคนลำปางอย่างเหนียวแน่น เป็นนักการเมืองแบบยุคโบราณ “ใจถึง พึ่งได้” คือผนังทองแดง กำแพงเหล็ก ที่อาจต้านกระแสภูมิใจไทยได้

            เลือกตั้งครั้งนี้ คนลำปาง มีพรรคการเมืองหลักๆให้เลือก 4 พรรค เพื่อไทย ภูมิใจไทย ประชาชน และกล้าธรรม

            เพื่อไทยกำลังอยู่ในช่วงฟื้นความศรัทธา ขณะที่ภูมิใจไทยได้กระแสอนุทิน ชาญวีรกูล ซึ่งไม่แน่ใจนักว่าจะแผ่วปลายหรือไม่ ส่วนพรรคประชาชน ประชาชนคนลำปางอาจได้เห็นการเมืองแบบใหม่ ที่ไม่ได้ทำพื้นที่แบบนักการเมืองรุ่นเก่า และคงต้องตัดสินใจอีกครั้งว่ายินดีจะยังคงสนับสนุนแนวทางการเมืองแบบนี้หรือไม่ สุดท้ายคือ พรรคกล้าธรรม ที่ควรต้องจับตามอง “ดาชัย เอกปฐพี” นักการเมืองที่เอาการเอางาน มุ่งมั่นและจริงจังอย่างยิ่งในงานการเมือง

            ลานนาโพสต์ เจาะสนามเลือกตั้ง 69  จะเกาะติดและรายงานความเคลื่อนไหวในแวดวงการเมืองท้องถิ่นลำปาง อย่างเข้มข้นมากขึ้นเป็นลำดับจากวันนี้

 

Share:

ตำรวจภูธรจังหวัดลำปาง ตามทรัพย์คืนผู้เสียหาย หลังหญิงชาวอำเภอวังเหนือ โอนเงินกว่า 3.4 แสน ให้แก๊งหลอกเที่ยวต่างประเทศฟรี โชคดีอายัดคืนได้ 1.69 แสน

 

วันที่ 12 พ.ย. 2568  พล.ต.ต.ภูมิปัญญ์ญา นวตระกูลพิสุทธิ์ ผบก.ภ.จว.ลำปาง, พ.ต.อ.กฤษฎา พันธุ์เกษม รอง ผบกฯ, พ.ต.อ.ศักดิ์ศรี ยะปาละ รอง ผบกฯ, พ.ต.อ.ชูวิทย์ กองแก้ว รอง ผบกฯ, พ.ต.อ.อัครินทร์ กาสา รอง ผบกฯ, พ.ต.อ.คมสันต์ สอาดล้วน รอง ผบกฯ  ร่วมกันแถลงข่าวกรณี ตำรวจภูธรจังหวัดลำปาง ติดตามทรัพย์คืนผู้เสียหาย ตามโครงการ Money cash back”   

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 7 พ.ย.2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วังเหนือ รับแจ้งจาก บก.สส.ภ.1 เปิดปฏิบัติการสืบสวนติดตามกลุ่มเครือข่ายคนไทยที่มีลักษณะร่วมกันกระทำความผิดในลักษณะหลอกลวงให้โอนเงินให้กลุ่ม Scam Consumer โดยได้ทำการสืบสวนติดตามจับกุมกลุ่มบุคคลดังกล่าว จำนวนรวม 12 คน พร้อมของกลาง 6 รายการ ประกอบด้วย  เงินสด จำนวน 927,000 บาท บัญชีธนาคาร จำนวน 12 บัญชี บัตรเครดิต จำนวน 2 ใบโทรศัพท์มือถือ จำนวน 12 เครื่อง รถยนต์ จำนวน 1 คัน  และรถจักรยานยนต์ จำนวน 1 คัน


ระหว่างการสืบสวนขยายผล พบธุรกรรมรับโอนเงินต้องสงสัย จำนวน 349,734 บาท คาดว่าเกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงอื่น ๆ ตรวจสอบแล้วพบว่าเป็นธุรกรรมโอนเงินจากบุคคลในพื้นที่ อ.วังเหนือ จ.ลำปาง ทราบข้อมูลภายหลังว่าผู้เสียหายมีภูมิลำเนาอยู่ อ.วังเหนือ จ.ลำปาง  ตำรวจภูธรจังหวัดลำปาง โดยการอำนวยการของ พล.ต.ต.ภูมิปัญญ์ญา นวตระกูลพิสุทธิ์ ผบก.ภ.จว.ลำปาง พร้อมด้วยรองผู้บังคับการฯ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมสืบสวนติดตามกรณีดังกล่าว 


กระทั่งทราบว่า เมื่อวันที่ 7 พ.ย.2568 เวลา 10.00 น. ผู้เสียหายที่โอนเงิน จำนวน 349,734 บาท เข้าบัญชีธนาคาร (ที่ถูกตรวจยึด) เป็นหญิง ชาว อ.วังเหนือ จ.ลำปางจริง  เบื้องต้นทราบว่า ผู้เสียหายเห็นข้อความในเฟซบุ๊กเชิญชวนให้เข้าร่วมกิจกรรมเที่ยวต่างประเทศฟรี  โดยให้โอนเงินสำรองจ่ายค่าตั๋วเครื่องบิน และค่าที่พักไปก่อนแล้วจะมีการคืนเงินให้ในภายหลัง   ซึ่งหลังโอนเงินแล้วก็ไม่สามารถติดต่อกับผู้ใช้เฟซบุ๊กรายนั้นได้อีก


เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วังเหนือ จึงได้ให้ผู้เสียหายทราบว่า การกระทำของผู้ใช้เฟซบุ๊กรายนั้นเป็นการหลอกลวง  และให้หยุดโอนเงินทันที   ซึ่งหลังจากจับกุมบัญชีม้าได้ จึงมีการตรวจสอบและสามารถอายัดบัญชีเงินได้ จำนวน 169,000 บาท ก่อนจะถูกถอนออก  ตำรวจภูธรจังหวัดลำปาง ได้ทำการประสานผู้เสียหายเพื่อคืนทรัพย์สินตามโครงการ Money cash back ต่อไป

Share:

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์