วันเสาร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
ทัวร์ต่างชาติพลิกคว่ำกลางดอยขุนตาล 38 ชีวิตระทึก! เจ็บระนาว ถนนลื่นน้ำมัน
วันศุกร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
กระบะครอบครัวเสียหลักตกข้างทาง! พ่อแม่เจ็บ–ลูกสาวสาหัสหมดสติ
เมื่อเวลา 08.40 น. วันที่ 8 พฤศจิกายน 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจ
สภ.งาว ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถกระบะส่วนบุคคลเสียหลักตกข้างทาง
มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย เหตุเกิดบริเวณเลยโรงเรียนบ้านปางหละ ขาเข้างาว
อำเภองาว จังหวัดลำปาง จึงประสานเจ้าหน้าที่สมาคมกู้ภัยอำเภองาว เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ
พบรถยนต์กระบะมิตซูบิชิ สีบรอนด์เงิน
พลิกตะแคงอยู่ในพงหญ้าข้างทาง โดยมีผู้บาดเจ็บ
3 ราย เป็นพ่อแม่ลูกมากับรถคันดังกล่าว โดยชายอายุประมาณ 52 ปี ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ส่วนหญิงอายุประมาณ 47 ปี
มีอาการศีรษะบวมโน รู้สึกตัวดี ขณะที่บุตรสาวอายุประมาณ 18
ปี อาการสาหัส มีบาดแผลบริเวณใบหน้าและคาง เลือดไหลออกทางปากและจมูก
หมดสติแต่ยังมีชีพจร
เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้ให้การช่วยเหลือปฐมพยาบาลเบื้องต้น
ก่อนนำผู้บาดเจ็บทั้งหมดส่งโรงพยาบาล โดยผู้บาดเจ็บหญิงอายุ 18 ปี นำเปลี่ยนถ่ายกับรถโรงพยาบาลงาว บริเวณจุดเปลี่ยนถ่ายที่วัดบ้านโป่ง
เพื่อเข้ารับการรักษาอย่างเร่งด่วนต่อไป.
ภาพ สมาคมกู้ภัยอำเภองาว
STeP ผสานกำลังทุกภาคส่วน เดินหน้า เสนอจัดตั้ง “มูลนิธิพัฒนาลำปางเพื่อความยั่งยืน” มุ่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจลำปางสู่การเติบโตอย่างต่อเนื่อง
จากกรณีที่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) แม่เมาะ อุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่(STeP) และ หอการค้าจังหวัดลำปาง ได้ผนึกกำลังศึกษาและจัดตั้ง องค์กรนิติบุคคล เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจังหวัดให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อรองรับผลกระทบจากการที่เหมืองถ่านหินแม่เมาะ ซึ่งสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจถึง 17% ของจังหวัด และถ่านหินจะหมดลงตามแผนในปี 2585 โดยมีการประชุมเมื่อช่วงเดือนกันยายน 2568 ที่ผ่านมา โดยทาง ผศ.ดร.เกษมศักดิ์ อุทัยชนะ รองผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ระบุว่า การจัดตั้งนิติบุคคลกลางนี้คาดว่าจะเกิดขึ้นจริงภายในระยะสั้นไม่เกิน 6 เดือน
ความคืบหน้าในเรื่องนี้
เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2568 ที่ผ่านมา อุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (STeP) ร่วมกับ
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) แม่เมาะ และหอการค้าจังหวัดลำปาง ได้มีการประชุมรายงานผลการศึกษา
“โครงการการศึกษารูปแบบการจัดตั้งนิติบุคคลเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจจังหวัดลำปางอย่างยั่งยืน”
เพื่อเสริมสร้างกลไกการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจังหวัดลำปางให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง
โดยจัดการประชุมนำเสนอผลการศึกษารูปแบบการจัดตั้งนิติบุคคล
และรับฟังความคิดเห็นต่อ (ร่าง)
แผนงานและแนวทางการดำเนินงานนิติบุคคลเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจจังหวัดลำปางอย่างยั่งยืน
ณ ห้องประชุมธาราบอลรูม โรงแรมทรีธารา จังหวัดลำปาง โดยมีผู้แทนจากภาครัฐ ภาคเอกชน
ภาคการศึกษา และภาคประชาชน
เข้าร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและให้ข้อเสนอแนะต่อแนวทางการดำเนินงาน
ผศ.ดร.เกษมศักดิ์ อุทัยชนะ รองผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นำเสนอผลการศึกษาการจัดตั้ง “มูลนิธิพัฒนาลำปางเพื่อความยั่งยืน” ซึ่งมุ่งพัฒนาโครงสร้างเศรษฐกิจของลำปางให้เข้มแข็งด้วยพลังความร่วมมือของทุกภาคส่วน โดยมูลนิธิฯ มี วิสัยทัศน์ “สนับสนุนการพัฒนาจังหวัดลำปางให้เป็นศูนย์กลางการลงทุนด้านพลังงานสะอาด ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยระบบนิเวศนวัตกรรม และการพัฒนาทุนมนุษย์เพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ และสังคมอย่างยั่งยืน”
มีวัตถุประสงค์ เพื่อ ส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะของจังหวัดลำปาง
, ส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาระบบนิเวศของวิสาหกิจเพื่อสังคม วิสาหกิจชุมชน
วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และ สตาร์ทอัพ , ส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาทุนมนุษย์และแรงงานในจังหวัดลำปาง
, ส่งเสริมและสนับสนุนการบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาครัฐ
ภาคเอกชน ภาคการศึกษา ภาคประชาสังคม และเครือข่ายต่าง ๆ ในการดำเนินกิจกรรมที่เป็นประโยชน์สาธารณะ
และ จัดสรรและบริหารทรัพย์สินเพื่อประโยชน์สาธารณะ ทั้งด้านการศึกษา วิทยาศาสตร์
ศิลปะ ศาสนา กีฬา การกุศล และกิจการสาธารณประโยชน์อื่น ๆ
รวมถึงการทำนุบำรุงทรัพย์สินของมูลนิธิ
ซึ่งได้กำหนดพันธกิจหลัก 4 ด้าน เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ได้แก่ 1. ส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดอย่างยั่งยืน เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานและพัฒนา แม่เมาะสู่ต้นแบบเมืองพลังงานสะอาดของประเทศ 2. ส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมอนาคต ที่สอดคล้องกับศักยภาพของจังหวัด เพื่อยกระดับโครงสร้างเศรษฐกิจให้แข่งขันได้ในระยะยาว 3. สร้างระบบนิเวศธุรกิจเพื่อผู้ประกอบการอาชีพในพื้นที่ ทั้งรายเดิมและรายใหม่ให้เติบโตอย่างมั่นคงและเชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมท้องถิ่น 4. พัฒนาทุนมนุษย์และแรงงานลำปางให้พร้อมต่อเศรษฐกิจใหม่ สร้างโอกาสให้แรงงานรุ่นใหม่กลับมาทำงานและพัฒนาบ้านเกิดอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ มูลนิธิฯ
ตั้งเป้าหมายให้จังหวัดลำปางสามารถ “ดึงดูดและรักษากำลังแรงงานรุ่นใหม่”
ให้อยู่ร่วมพัฒนาและสร้างอนาคตของจังหวัดอย่างต่อเนื่อง
พร้อมผลักดันให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด (GPP) เติบโตเฉลี่ย ร้อยละ 5 ต่อปี ภายใน 40 ปี (พ.ศ. 2610)
เพื่อสร้างเศรษฐกิจฐานใหม่ที่เข้มแข็งและยั่งยืน
ภายในงานได้รับเกียรติจาก
นายวิบูรณ์ แววบัณฑิต ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง กล่าวว่า “การมีนิติบุคคลจะเชื่อมโยงความร่วมมือของทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน
ภาคการศึกษา และภาคประชาชน อีกทั้งยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของจังหวัด
เปิดโอกาสการลงทุนใหม่ และสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจในระยะยาวของลำปาง”
นายพีระรักษ์
พิชญกุล ประธานหอการค้าจังหวัดลำปาง กล่าวแสดงเจตนารมณ์ของภาคเอกชนว่า “หอการค้าจังหวัดลำปางพร้อม และยินดีสนับสนุนการพัฒนาจังหวัดลำปางด้วยโมเดลใหม่นี้
ซึ่งคาดว่าจะช่วยดึงดูดการสนับสนุนทั้งในระดับชาติและระดับนานาชาติเข้ามาร่วมพัฒนาลำปางให้เข้มแข็ง
ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม” ขณะที่
นายสุชาติ
ตุ่นแก้ว ผู้ช่วยผู้ว่าการเหมืองแม่เมาะ
กล่าวถึงศักยภาพของพื้นที่แม่เมาะในการขับเคลื่อนพลังงานสะอาด โดยเน้นว่า “กฟผ.แม่เมาะ พร้อมดำเนินแผนการเปลี่ยนผ่านพลังงาน
เพื่อช่วยให้แม่เมาะและจังหวัดลำปาง พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต”
ผลการศึกษาในครั้งนี้
สะท้อนถึง “พลังแห่งความร่วมมือ” ของทุกภาคส่วนในจังหวัดลำปาง ที่ได้ร่วมกันกำหนดทิศทางการพัฒนาเชิงพื้นที่อย่างรอบด้าน
เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเปลี่ยนผ่านทางเศรษฐกิจและสังคมในอนาคต
โดยมูลนิธิฯ
จะทำหน้าที่เป็นกลไกกลางเชื่อมโยงการมีส่วนร่วมของประชาชน หน่วยงานในพื้นที่
และเครือข่ายภาคีความร่วมมือ ภายใต้โครงสร้างการบริหารจัดการที่โปร่งใส ยึดหลักธรรมาภิบาล
และดำเนินงานโดยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากหลากหลายสาขา เพื่อร่วมกันวางแผนและติดตามการดำเนินงานให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม
มูลนิธิฯ
จะมีบทบาทสำคัญในการผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจจังหวัดลำปางในอนาคต
โดยมุ่งส่งเสริมและสนับสนุนการลงทุนในพื้นที่ สร้างโอกาสการจ้างงาน
ดึงดูดและรักษาแรงงานทักษะสูง
พร้อมทั้งขยายความร่วมมือและการสนับสนุนจากทั้งระดับชาติและนานาชาติ เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านโครงสร้างเศรษฐกิจของจังหวัดให้เติบโตอย่างมีกลยุทธ์
เป็นระบบ และสอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่ อันจะนำไปสู่การสร้าง “การเติบโตใหม่อย่างยั่งยืน” และยกระดับลำปางให้เป็นจังหวัดต้นแบบของการพัฒนาในระดับประเทศ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
3 องค์กรใหญ่ผนึกกำลัง ตั้ง “นิติบุคคล” https://www.lannapost.net/2025/09/3.html
กฟผ.แม่เมาะ ตั้ง War Room ติดตามสถานการณ์ใกล้ชิดเหตุดินสไลด์บริเวณที่ทิ้งดินเหมืองแม่เมาะ
พบมวลดินยังมีการเคลื่อนตัว
ติดตั้งเครื่องมือตรวจวัดเพิ่มเติม
ขณะที่การติดตั้งแนวท่อและเครื่องสูบน้ำคลองผันน้ำแม่เมาะ-ห้วยทราย
มีความคืบหน้าคาดการณ์เริ่มสูบน้ำผันเข้าเขื่อนแม่ขามได้ 9 พ.ย. 68 นี้
นายสุชาติ ตุ่นแก้ว
ผู้ช่วยผู้ว่าการเหมืองแม่เมาะ (ชชม.)
เปิดเผยความคืบหน้าเหตุการณ์ดินสไลด์บริเวณพื้นที่ทิ้งดินฝั่งตะวันตกด้านใต้ (SW
Dump) ว่า มวลดินยังมีการเคลื่อนตัวและบางส่วนไหลลงมาในพื้นที่บ่อเหมือง บริเวณ Sump 1NW
ซึ่งเป็นบ่อดินถม ทำให้ดินเดิมถูกดันและเกิดการเคลื่อนตัว
ส่งผลกระทบกับระบบสายพานลำเลียงดินของบริษัทผู้รับจ้างสัญญาจ้างเหมาขุด-ขนดินและถ่านที่เหมืองแม่เมาะ
สัญญาที่ 9 และเครื่องโม่ดิน ได้รับความเสียหายบางส่วน ทั้งนี้
ได้สั่งการให้เคลื่อนย้ายเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่สามารถดำเนินการออกจากพื้นที่ได้เป็นการเร่งด่วน
และให้คำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุดเป็นสำคัญ
ขณะเดียวกัน ยังได้ตั้ง
War Room ประชุมติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อให้การบริหารจัดการต่างๆ
เป็นไปด้วยความรวดเร็ว และได้ติดตั้งเครื่องมือตรวจวัดเพิ่มเติมทั้ง RTK-LandMos
ควบคู่กับการแจ้งเตือน RTK-IoT Landslide เพื่อติดตามการเคลื่อนตัวของมวลดิน
พร้อมกันนี้
ยังได้ออกประกาศผู้รักษาบริเวณการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) แม่เมาะ จ.ลำปาง
ปิดพื้นที่ทิ้งดินฝั่งตะวันตกด้านใต้ของเหมืองแม่เมาะ (SW Dump)
และปิดกั้นเส้นทางเข้าถึงพื้นที่ที่มีความเสี่ยง โดยห้ามมิให้บุคคลใดเข้าพื้นที่โดยเด็ดขาด
เว้นแต่ได้รับอนุญาต ซึ่งได้แจ้งผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงบริษัทผู้รับจ้างสัญญาที่
8 และสัญญาที่ 9 รับทราบอย่างเป็นทางการอีกครั้ง
หลังจากที่ได้มีการปิดกั้นพื้นที่ไปแล้วเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2568 ที่ผ่านมา
สำหรับการบริหารจัดการระบบระบายน้ำบริเวณคลองผันน้ำแม่เมาะ-ห้วยทราย ที่ถูกดินสไลด์ปิดทับ อยู่ระหว่างการติดตั้งแนวท่อและเครื่องสูบน้ำขนาด 1,200 ลูกบาศก์เมตรต่อชั่วโมง จำนวน 4 ตัว บริเวณสถานีสูบน้ำเขื่อนแม่ขาม คาดการณ์ว่าจะสามารถเริ่มสูบน้ำผันเข้าเขื่อนแม่ขามได้ภายในวันอาทิตย์ที่ 9 พฤศจิกายน 2568 เพื่อบรรเทาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับพื้นที่ข้างเคียง และได้มอบหมายให้โครงการแม่เมาะเมืองน่าอยู่ (หก-มน.) ร่วมกับศูนย์ลิกไนต์เหมืองแม่เมาะ เป็นศูนย์กลางประสานความช่วยเหลือหากชุมชนใกล้เคียงได้รับผลกระทบ
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2568 นางเกษศิรินทร์ แปงเสน หัวหน้าโครงการแม่เมาะเมืองน่าอยู่ (หก-มน.) เป็นผู้แทน กฟผ.แม่เมาะ ประชุมชี้แจงเหตุการณ์ดินสไลด์พื้นที่ที่ทิ้งดินเหมืองแม่เมาะ ในการประชุมคณะกรรมการการมีส่วนร่วมดำเนินการด้านสิ่งแวดล้อม ต.บ้านดง ครั้งที่ 2/2568 โดยมี นายเลอสันต์ วงศ์เปี้ย นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านดง (อบต.บ้านดง) พร้อมด้วยผู้นำชุมชน เข้าร่วมประชุม โดย กฟผ.แม่เมาะ ได้แสดงความห่วงใยต่อชีวิตและทรัพย์สิน โดยเฉพาะการป้องกันไม่ให้เกิดการสูญเสียชีวิต ภายหลังเกิดเหตุการณ์ได้ทำหนังสือแจ้งผู้นำชุมชนและผู้ใหญ่บ้าน ขอให้แจ้งเตือนชาวบ้านไม่ให้เข้าใกล้เขตพื้นที่ทิ้งดินและบริเวณบ่อเหมือง หากสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติจะมีการแจ้งให้ทราบต่อไป
วันพฤหัสบดีที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
สืบสวน สภ.เกาะคา เปิดปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติด ตามจับเครือข่ายค้ายา รวบหนุ่มวัย 33 พร้อมของกลางยาบ้า 202 เม็ด ซุกซองขนมในรถบรรทุกพ่วง หลังรับสารภาพซื้อมาขายหวังกำไร
วันที่ 6 พฤศจิกายน
2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เกาะคา นำโดย
ร.ต.อ.อุทิศ ล้านสม รอง สว.สส.สภ.เกาะคา พร้อมชุดสืบสวน สภเกาะคา จับกุมนายนายแม็ก อายุ 33 ปี
ที่อยู่ หมู่ 4 ตำบลชมพู
อำเภอเมืองลำปาง พร้อมยาบ้ารวมทั้งสิ้น 202 เม็ด โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง
ก่อนจับกุม
เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เกาะคา ได้ทำการจับกุมนายชวลิต ที่อยู่ ม.3 ต.ศาลา
อ.เกาะคา จ.ลำปาง (ผู้ต้องหาแยกอีกคดีหนึ่ง) ได้ซัดทอดว่ามีการติดต่อซื้อขายยาเสพติดกับ นายแม็ก
จำนวน 200 เม็ด ในราคา 4,000 บาท ซึ่งนายแม็กและนายชวลิต
ได้ทำงานอยู่ในที่เดียวกันโดยได้นัดหมายกันไว้แล้ว
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เข้าตรวจสอบตามข้อมูลที่ได้รับแจ้ง โดยอาศัยเหตุจำเป็นเร่งด่วน
เมื่อมาถึงจุดนัดหมาย
เขตติดต่อ อ.เกาะคา – อ.แม่ทะ ต.น้ำโจ้ อ.แม่ทะ จ.ลำปาง
เจ้าหน้าที่ตำรวจ พบนายแม็ก อยู่ภายในรถบรรทุกพ่วง เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ได้แสดงท่าทีพิรุธคล้ายกับมีสิ่งผิดกฎหมายอยู่กับตัว
เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวขอทำการตรวจค้นตัวและภายในรถบรรทุกคันดังกล่าว กระทั่งพบยาบ้าจำนวน
202 เม็ด บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกสีน้ำเงินแบบรูดปิดเปิดปากอยู่ในซองขนม
วางอยู่หน้าคอนโซลรถ
นายแม็ก ได้ยอมรับว่าตนเพิ่งเสพยาบ้ามาจำนวน
2 เม็ด ที่ได้รับแบ่งจากการซื้อ-ขาย และให้การว่า ยาบ้านี้ ตนซื้อมาจากชายคนหนึ่ง
อยู่บ้าน ม.11 ต.ปงแสนทอง อ.เมืองลำปาง ในราคา 3,000 บาท เฉลี่ยราคาเม็ดละ 15 บาท โดยโอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร
และได้นัดกันนำยาบ้ามาวางไว้ให้กับตน
เมื่อได้ยาแล้วจึงนำยาบ้ามาจำหน่ายต่อให้กับนายชวลิต ในราคา 4,000 บาท
เพื่อหวังผลกำไร ตนจะได้กำไรจำนวน 1,000 บาท จนกระทั่งถูกเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นจับกุมตัวดังกล่าว
จากการตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์พบว่า
นายแม็กได้ลบข้อมูลการสนทนาการซื้อขายยาบ้าไปแล้ว
แต่ยังมีการสนทนามาเพื่อขอทำการซื้อยาผ่านทางช่องทางแอพพลิเคฃั่นไลน์ เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อกล่าวหา
"จำหน่ายยาเสพติดให้โทษชนิดร้ายแรงประเภทที่ 1 (ยาบ้า) โดยมีไว้เพื่อจำหน่าย
อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า
ก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและเสพยาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 (ยาบ้า)
โดยผิดกฎหมาย" และนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.แม่ทะ จว.ลำปาง
ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
สืบเขลางค์นคร ร่วมฝ่ายปกครองเมืองลำปาง บุกสองจุด รวบหนุ่มใหญ่สายเมาและเฒ่าวัย 63 พร้อมยาบ้ารวมเกือบ 300 เม็ด หลังสืบทราบเบาะแสลักลอบค้ายาในพื้นที่เมืองลำปาง
วันที่
6 พฤศจิกายน 2568 เจ้าหน้าที่ตำรวจ
สภ.เขลางค์นคร ภายใต้การอำนวยการสั่งการของ พ.ต.อ.ภูชิชย์ ตรียัมปราย
ผกก.สภ.เขลางค์นคร เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม
นำโดย พ.ต.ท.สิงห์แก้ว มูลฟู สว.สส.สภ.เขลางค์นคร พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ร่วมกันจับกุมตัว นายนคร
หรือ ปิว อายุ 45 ปี ชาวบ้าน ม.7 บ้านชมพู ต.ชมพู อ.เมืองลำปาง
พร้อมของกลางยาบ้าจำนวน 141 เม็ด
ก่อนทำการจับกุมในคดี เจ้าหน้าที่ได้ติดตามหาข่าว
และได้รับแจ้งจากสายข่าวภาคประชาชนว่า ว่า นายนคร หรือ ปิว มีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด
ต่อมาชุดจับกุมจึงเดินทางไปตรวจสอบ ที่บ้านพักตามที่ได้รับแจ้ง ภายในหมู่บ้านชมพู
ต.ชมพู อ.เมืองลำปาง ซึ่งพบนายนคร
ยืนอยู่ภายในบ้าน ลักษณะท่าทางมีพิรุธคล้ายคนเมายาบ้า เจ้าหน้าที่จึงแสดงตัวขอทำการตรวจค้น
ผลการตรวจค้นพบยาบ้าบรรจุในถุงซิปล็อคใสอยู่ในกระเป๋ากางเกงของนายนครจำนวนหนึ่ง และยังพบยาบ้าจำนวน 105 เม็ด บรรจุถุงซิปล็อคสีน้ำเงิน
ใส่ในถุงพลาสติกสีเทาที่วางอยู่ในตู้ชั้นวางของภายในบ้าน รวมทั้งหมด 141 เม็ด
จากการสอบถามนายนคร
ให้การรับสารภาพว่า เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2568 นายอารึ ไม่ทราบชื่อจริง-นามสกุล
ได้มาหาเสนอขายยาบ้าให้ตนจำนวน 1 ถุง (200 เม็ด) ราคา 2,000 บาท เมื่อได้ยาบ้าก็นำมาเสพเรื่อยมา
และเสพครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2568 จำนวน 10 เม็ด จนกระทั่งถูกจับกุม เจ้าหน้าที่ทำการตรวจปัสสาวะพบมีผลเป็นบวก จากนั้นจึงนำตัว
นายนคร พร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.เขลางค์นคร เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
และในวันเดียวกัน
เจ้าหน้าที่จับกุมชุดดังกล่าว ยังได้จับกุมตัว นายจันทร์ติ๊บ อายุ 63 ปี ที่อยู่ ม.4
ต.กล้วยแพะ อ.เมืองลำปาง จ.ลำปาง ในข้อหา “มียาเสพติดให้โทษประเภท
1 (เมทแอมเฟตามีน) ไว้ในครอบครองเพื่อการค้าโดยผิดกฎหมาย” พร้อมของกลางยาบ้า 150
เม็ด
สีบเนื่องจากชุดจับกุมได้ออกปฏิบัติการกวาดล้างยาเสพติด
(Re
X.ray) โดยการตรวจค้น/จับกุม ผู้กระทำความผิด.ตามพ.ร.บ. ยาเสพติดฯ โดยได้รับแจ้งเบาะแสว่ามีผู้เสพ
และมีการลักลอบจำหน่ายยาเสพติด ในบ้านหลังดังกล่าว โดยนายธนารัฐ สายเทพ นายอำเภอเมืองลำปาง ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอเมืองลำปาง
นำโดยนายภูมิทัศน์ พิศไทย ปลัดอำเภอ นำกำลัง อส. กองร้อย อ.เมืองลำปางที่ 1
ลงพื้นที่ตรวจสอบตามที่ได้รับแจ้ง พบนายจันทร์ตี้บ
อาศัยอยู่ที่บ้านหลังดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงแสดงตนขอทำการตรวจค้น กระทั่งพบของกลางยาบ้า ซุกซ่อนยาไว้ในพาลเลทไม้บริเวณข้างบ้าน
เจ้าหน้าที่จึงได้จับกุมผู้ต้องหาพร้อมยาบ้าของกลาง
นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เขลางค์มคร เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
วันพุธที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
ดินสไลด์ซ้ำซากเหมืองแม่เมาะ! เครือข่ายสิทธิผู้ป่วยฯ จี้ กฟผ. ทบทวน "มาตรฐาน" หวั่นอันตรายถึงชุมชน
จากกรณีที่เกิดเหตุการณ์ดินสไลด์บริเวณพื้นที่ทิ้งดินของเหมืองแม่เมาะ
พื้นที่ ต.บ้านดง อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง เมื่อวันที่ 4 พ.ย.68
ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นจุดทิ้งดินขนาดใหญ่ มีความสูงกว่า 500
เมตร ส่งผลให้อาคารสำนักงานบริษัทผู้รับจ้างและทรัพย์สินได้รับความเสียหายในพื้นที่ประมาณ
1 ตารางกิโลเมตร แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตแต่อย่างใด
นางมะลิวรรณ
นาควิโรจน์ ประธานเครือข่ายสิทธิผู้ป่วยแม่เมาะ
ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นอย่างหนักแน่น
โดยตั้งคำถามถึงการตรวจสอบและเกณฑ์วัดมาตรฐานในพื้นที่ทิ้งดิน
เนื่องจากเห็นว่าเหตุการณ์ดินสไลด์นี้ไม่ใช่ครั้งแรก แต่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ
หลายครั้งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
"เหตุใดจึงยังคงมีเหตุการณ์ดินสไลด์เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง" นางมะลิวรรณกล่าว พร้อมตั้งข้อสังเกตว่า หากการสร้างเหมืองได้ดำเนินการตามมาตรฐานสากลจริงดังที่ กฟผ. กล่าวอ้าง การเกิดเหตุซ้ำ ๆ เช่นนี้อาจแสดงให้เห็นว่า มาตรฐานที่กล่าวอ้างนั้นไม่มีอยู่จริง ไม่มีประสิทธิภาพ หรือไม่มีมาตรการป้องกันเลย
ห่วงชุมชนขอบเหมืองเสี่ยงอันตราย
ประธานเครือข่ายฯ
ได้แสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่โดยรอบเหมืองรัศมี
5 กิโลเมตร โดยเฉพาะชุมชนที่อาศัยอยู่บริเวณขอบเหมือง เช่น บ้านห้วยคิง
และตั้งคำถามถึงความรับผิดชอบหากเกิดเหตุการณ์ดินสไลด์จนทำให้บ้านเรือนเสียหายและมีผู้เสียชีวิต
ว่า "ใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ? หรือแก้ปัญหาด้วยการจ่ายเงินแล้วก็จบไป?"
นอกจากนี้
ยังตั้งข้อสังเกตถึงการมีสิ่งปลูกสร้างของบริษัทรับเหมาขุดขนหน้าดินตั้งอยู่จนคล้ายเป็นชุมชนขนาดใหญ่ในพื้นที่เหมือง
ซึ่งถือเป็นเรื่องผิดสังเกตเมื่อเทียบกับชุมชนที่อาศัยอยู่บริเวณขอบเหมือง
เรียกร้องผู้บริหาร
"ยอมรับและแก้ไขปัญหาอย่างตรงไปตรงมา"
นางมะลิวรรณ
ได้เรียกร้องให้ผู้บริหารเหมืองและผู้ที่เกี่ยวข้อง
"ยอมรับและแก้ไขปัญหาอย่างตรงไปตรงมา"
เนื่องจากเหมืองแม่เมาะเป็นเหมืองขนาดใหญ่ของเอเชีย และเป็นหน่วยงานรัฐที่ต้องมีกฎหมายกำกับอย่างชัดเจน
"วิศวกร
ผู้จัดการเหมือง และผู้บริหารเหมือง
จะกล่าวอ้างว่าไม่ทราบหรือไม่รู้เรื่องไม่ได้" พร้อมกับเน้นย้ำว่า ความรับผิดชอบหลักคือการดำเนินการทุกอย่างให้ครบถ้วนตามเงื่อนไขแนบท้ายประทานบัตร
หรือตามรายงานที่ขออนุญาตการเปิดเหมือง ซึ่งหากมีการปฏิบัติตามอย่างครบถ้วน
ปัญหาก็จะไม่เกิดขึ้น และชาวบ้านก็จะไม่มีข้อโต้แย้งกับ กฟผ.
ขณะที่
กฟผ. แม่เมาะ ได้ออกแถลงการณ์ 2 ฉบับ
ชี้แจงว่าพื้นที่เกิดเหตุได้รับอนุญาตให้ดำเนินการทำเหมืองและทิ้งมูลดินทราย
และไม่ส่งผลกระทบกับชุมชนโดยรอบ
รวมถึงไม่กระทบต่อการจ่ายกระแสไฟฟ้าในพื้นที่ภาคเหนือ อย่างไรก็ตาม กฟผ.
จะดำเนินการเก็บข้อมูลการเคลื่อนตัวเพิ่มเติมเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงของเหตุการณ์ในครั้งนี้ต่อไป
วันอังคารที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
จ.ลำปาง จัดประเพณี “ล่องสะเปาจาวละกอน” ประจำปี 2568 ร่วมจุดเทียนถวายอาลัย พระบรมราชชนนีพันปีหลวง พร้อมจัดแสดงม่านน้ำพุ "ธ สถิตในดวงใจไทยนิรันดร์"
ช่วงเย็นวันที่ 4 พฤศจิกายน 2568 นายวิบูรณ์ แววบัณฑิต ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง นางสุดารัตน์ แววบัณฑิต นายกเหล่ากาชาดจังหวัดลำปาง/ประธานแม่บ้านมหาดไทยจังหวัดลำปาง พร้อมด้วย นายปุณณสิน มณีนันทน์ นายกเทศมนตรีนครลำปาง คณะผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการเทศบาลนครลำปาง หัวหน้าส่วนราชการจังหวัดลำปาง องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ เข้าร่วมงานล่องสะเปาจาวละกอน” ประจำปี 2568 ค่ำคืนแรก
โดยเริ่มพิธีถวายผางประทีปบูชาพระเจ้าตนหลวง ภายในวิหารวัดบุญวาทย์วิหาร พิธีถวายผางประทีปบูชาหลวงพ่อเกษมเขมโก ถวายผางประทีปบูชาศาลหลักเมืองลำปาง ถวายผางประทีปบูชาหลวงพ่อดำ ฟังเทศน์ "อานิสงส์ผางประทีป" สะเดาะเคราะห์ในสะเปาหลวง จากนั้น ปล่อยขบวนแห่ล่องสะเปาจาวละกอน ตามรอยเจ้าหลวง จากลานศาลหลักเมืองลำปาง ไปยังท่าน้ำสิงห์ชัยเพื่อล่องสะเปาหลวงลงสู่แม่น้ำวัง พร้อมร่วมรับชมการแสดงม่านน้ำผสานน้ำพุกลางแม่น้ำวัง และสื่อผสมมัลติมีเดีย “ธ สถิตในดวงใจไทยนิรันดร์” สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และสืบสานฮีตฮอย ป๋าเวณีล่องสะเปาจาวละกอน
สำหรับงานประเพณีล่องสะเปาจาวละกอน จัดขึ้นระหว่างวันที่ 4-6 พฤศจิกายน 2568 โดยมีกิจกรรมหลากหลาย อาทิ ร่วมลงนามถวายความอาลัย และชมนิทรรศการเทิดพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง , ชมม่านน้ำผสานน้ำพุกลางแม่น้ำวัง ชมสื่อผสมมัลติมีเดีย “ธ สถิตในดวงใจไทยนิรันดร์” , ลานวัฒนธรรมสร้างสรรค์ DIY ผางประทีป โคมสาย สะเปาเล็ก งานศิลปะ การประกวดสะเปาเล็ก , การประกวดสะเปารถใหญ่ 15 ขบวน เป็นต้น





























_0.jpg)





