ประกาศจังหวัดลําปาง เรื่อง ห้ามเผาป่าและพื้นที่โล่ง ยกเว้นพื้นที่ตามแผนการบริหารจัดการเชื้อเพลิง
วันอังคารที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2568
ประกาศ! ห้ามเผาป่าและพื้นที่โล่ง ยกเว้นพื้นที่ตามแผนการบริหารจัดการเชื้อเพลิง
วันจันทร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2568
17 จังหวัดภาคเหนือประกาศเจตนารมณ์สู้หมอกควัน ตั้งเป้าลดพื้นที่ไฟไหม้ป่า 25% และเมืองปฏิบัติตามกฎหมาย 100%
วันที่ 14 มกราคม 2568 เวลา 09.00 น. ดร.สุทธิพล เอี่ยมประเสริฐกุล รองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ เป็นประธานพิธีเปิดกิจกรรมเวทีวิชาการ "สร้างการรับรู้ สู้หมอกควัน" โดยมี นางสาวนิติยา พงษ์พานิช รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง กล่าวต้อนรับ นายสรายุธ บุญขัน ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 2 กล่าวรายงานฯ พร้อมด้วยผู้แทน 17 จังหวัดภาคเหนือ หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชน เข้าร่วมกิจกรรมฯ ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้าอุตสาหกรรมภาคเหนือ อ.เกาะคา จ.ลำปาง
โดยกรมควบคุมมลพิษ
ร่วมกับสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 2 จัดกิจกรรมเวทีวิชาการ"สร้างการรับรู้
สู้หมอกควัน"
เพื่อสื่อสารเผยแพร่องค์ความรู้และนวัตกรรมในการป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควัน
และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5
และแลกเปลี่ยนเรียนรู้สร้างความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว
ดร.สุทธิพล
เอี่ยมประเสริฐกุล รองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ
กล่าวว่า ในช่วงนี้พื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทย เริ่มประสบปัญหาไฟป่าหมอกควัน
และฝุ่น PM2.5 กระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยทางรัฐมนตรีว่าการกระทวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ได้เน้นย้ำให้ทำงานเชิงรุกเข้าถึงพื้นที่ให้มากขึ้น
สร้างความตระหนักและสื่อสารการเรียนรู้และนวัตกรรมในการแก้ปัญหาดังกล่าว
ดังนั้น
กรมควบคุมมลพิษ และ 17 จังหวัดภาคเหนือ จึงได้มีการประกาศเจตนารมณ์ร่วมมือป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควัน
และฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่ โดยการสื่อสารประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้สถานการณ์ฝุ่นและผลกระทบของฝุ่น
ให้ประชาชนได้ป้องกันสุขภาพ ขณะเกียวกันได้สร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน และ
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในการส่งเสริมชุมชนบริหารจัดการเชื้อเพลิง
หรือชุมชนปลอดการเผาในเขตชุมชนเมือง
ซึ่งในปี
2568 นี้ ได้ตั้งเป้าลดพื้นที่เผาไหม้ในพื้นที่ป่าร้อยละ 25 พื้นที่ทางการเกษตรร้อยละ
30 เมื่อเทียบกับปี 2567 มีการปฏิบัติตามกฎหมาย 100% เพื่อให้ผลลัพธ์คุณภาพอากาศในช่วงวิกฤต
ค่าฝุ่นละออง ลดลงร้อยละ 15 ค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมงสูงสุดไม่เกิน 150 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
จำนวนวันที่เกิดมาตรฐานลดลง ร้อยละ 10 เมื่อเทียวกับปี 2567
ดังนั้นจึงคาดหวังว่าการจัดประชุมวิชาการในครั้งนี้
จะนำไปสู่ความร่วมมือ ยกระดับการสื่อสารข้อมูลฝุ่นละออง ไปปฎิบัติในระดับพื้นที่ให้ฟ้าใสไร้หมอกควันในพื้นที่
17 จังหวัดภาคเหนือ ตามเจตนารมณ์ร่วมกัน
กฟภ.ลำปาง ประกาศแผนดับไฟฟ้า วันที่ 20-26 มกราคม 68
วันจันทร์ที่ 20 มกราคม 2568
- ปรับปรุงระบบจำหน่ายแรงสูง เปลี่ยนขนาดเสา และเพิ่มวงจรการจ่ายไฟ บริเวณ ปากทางเข้าหมู่บ้านพรเกษม เวลา 09.00 – 16.30 น. พื้นที่ไฟฟ้าดับ หมู่บ้านพรเกษม หมู่บ้านเกษมนิมิต หมู่บ้านกลาง และร้าน Start Up Coffee
วันอังคารที่ 21
มกราคม 2568
- ปรับปรุงระบบจำหน่ายแรงสูง ย้ายแนวระบบจำหน่าย กีดขวางงานขยายถนนและรุกล้ำเข้าพื้นที่ส่วนบุคคล บ้านห้วยทราย เวลา 09.00 – 13.00 น. พื้นที่ไฟฟ้าดับ ประกอบด้วย บ้านห้วยทราย เจดีย์ซาว บ้านโป่งฟาน โรงงานรับซื้อของเก่า บ้านห้วยทราย และโรงฆ่าสัตว์ บ้านห้วยทราย
วันศุกร์ที่ 24 มกราคม 2568
- ปรับปรุงระบบจำหน่ายแรงสูง เปลี่ยนขนาดเสา และเพิ่มวงจรการจ่ายไฟ เวลา 08.30 – 16.30 น. พื้นที่ไฟฟ้าดับ หมู่บ้านพรเกษม หมู่บ้านเกษมนิมิต และหมู่บ้านกลาง
- ปรับปรุงระบบจำหน่ายแรงสูง รื้อถอนเสาไฟฟ้าแรงสูง เวลา 08.30 – 17.00 น. พื้นที่ไฟฟ้าดับ บริเวณถนนสายลำปาง - ห้างฉัตร (สายเก่า) ตั้งแต่ ปั๊มบางจาก บ่อแฮ้ว ถึง ตลาดสดบ้านท่าขัว , โครงการหมู่บ้านพชรพล , หมู่บ้าน รพช. และ บังอรรีไซเคิล
ทั้งนี้
หากพื้นที่บริเวณที่ดับกระแสไฟฟ้าปฏิบัติงาน
มีผู้ป่วยติดเตียงต้องการใช้กระแสไฟฟ้าสำหรับเครื่องมือทางการแพทย์ โปรดแจ้ง PEA
ลำปาง ก่อนล่วงหน้า เพื่อติดตั้งเครื่องสำรองไฟฟ้า
หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เบอร์ 054-251102
กฟภ.ลำปาง ประกาศแผนดับไฟฟ้า วันที่ 14-19 มกราคม 68
วันอังคารที่ 14 มกราคม 2568
- ปรับปรุงระบบจำหน่ายแรงสูง ย้ายแนวระบบจำหน่าย กีดขวางงานขยายถนนและรุกล้ำเข้าพื้นที่ส่วนบุคคล บ้านห้วยทราย เวลา 09.00 – 13.00 น. พื้นที่ไฟฟ้าดับ ประกอบด้วย บ้านห้วยทราย เจดีย์ซาว บ้านโป่งฟาน โรงงานรับซื้อของเก่า บ้านห้วยทราย และโรงฆ่าสัตว์ บ้านห้วยทราย
วันเสาร์ที่ 18 มกราคม 2568
- ปรับปรุงระบบจำหน่ายแรงต่ำ เปลี่ยนขนิดสายตัวนำ หน้าเทศบาลต้นธงชัย เวลา 09.00 – 16.00 น. พื้นที่ไฟฟ้าดับ บ้านนาป้อใต้ ฝั่งเทศบาลต้นธงชัย
วันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม 2568
- ปรับปรุงระบบจำหน่ายแรงสูง รื้อถอนเสาไฟฟ้าแรงสูง เวลา 08.30 – 17.00 น. พื้นที่ไฟฟ้าดับ บริเวณถนนสายลำปาง - ห้างฉัตร (สายเก่า) ตั้งแต่ ธนาคารออมสิน สาขาน้ำโท้ง ถึง ปั๊มบางจาก บ่อแฮ้ว , บ้านน้ำโท้ง , บ้านกล้วยไม้ ต.บ่อแฮ้ว และหมู่บ้าน The Great Home น้ำโท้งอุทุมพร
ทั้งนี้
หากพื้นที่บริเวณที่ดับกระแสไฟฟ้าปฏิบัติงาน
มีผู้ป่วยติดเตียงต้องการใช้กระแสไฟฟ้าสำหรับเครื่องมือทางการแพทย์ โปรดแจ้ง PEA
ลำปาง ก่อนล่วงหน้า เพื่อติดตั้งเครื่องสำรองไฟฟ้า
หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เบอร์ 054-251102
อ.เจษฎา เผย ไทยเข้าสู่สภาวะ 'ลานีญา' อากาศหนาวถึงกลางเดือน ก.พ.
อ.เจษฎา เผย ไทยเข้าสู่สภาวะ ‘ลานีญา’ อากาศหนาวเย็นไปจนถึงกลางเดือน ก.พ. ขณะที่ช่วงฤดูร้อน จะไม่ร้อนเหมือนปีก่อน ๆ เหตุมีฝนฟ้าคะนองเข้ามา
13 ม.ค. 2568 ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นเรื่อง “ลานีญา” พร้อมระบุว่า จะทำให้หน้าร้อนประเทศไทยปีนี้ ไม่ร้อนจัด
จากที่เมื่อวานผมโพสต์ข่าวดี
ว่าตอนนี้ทางหน่วยงาน NOAA ของประเทศสหรัฐอเมริกา
ได้คอนเฟิร์มแล้วว่า เราเข้าสู่สภาวะ “ลานีญา La Nina” อย่างอ่อน
ๆ แล้ว ตั้งแต่เดือน ธ.ค. ที่ผ่านมา
ล่าสุด ทางกรมอุตุนิยมวิทยา ได้โพสต์ให้ข้อมูลถึงพยากรณ์อากาศของไทย ที่จะได้รับผลกระทบจากสภาวะลานีญานี้ โดยสรุปคร่าว ๆ คือ จะทำให้ฤดูร้อนปีนี้ ไม่ร้อนจัดรุนแรงเหมือนปีก่อน ๆ (แต่ก็ต้องคอยอัปเดตเรื่อยๆ)
โดยสรุปได้ดังนี้
1. ตอนนี้ แม้ว่าจะหนาวน้อยลง แต่อากาศจะยังหนาวเย็นไปจนถึงกลางเดือน ก.พ.
2. จากนั้นจะเข้าสู่ฤดูร้อน โดยในช่วงเดือน ก.พ. – พ.ค. จะได้รับผลกระทบจากสภาวะ ลานีญา อ่อน ๆ หรือไม่ก็อยู่ค่ากลาง Neutral กระแสลมที่พัดปกคลุมประเทศ จะเปลี่ยนเป็นลมใต้ ลมตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น
3. ช่วงเดือน ก.พ. – พ.ค. จะมีความชื้นอยู่บ้าง มีโอกาสเกิดฝนฟ้าคะนองเป็นระยะ
4. ช่วงเดือน มี.ค. – เม.ย. จะเป็นช่วงฤดูร้อน (อุณหภูมิเฉลี่ยสูงสุดจะอยู่ในช่วงนี้) แต่จะไม่ร้อนแรง ไม่ร้อนจัดติดต่อกันหลายวันเหมือนปีก่อน เนื่องจากมีฝนฟ้าคะนองและมีความชื้นสูง (แต่อาจมีอากาศร้อนจัดเป็นช่วง ๆ)
5. คาดว่าฝนจะค่าสูงกว่าปกติ
โดยเฉพาะในช่วงเดือน เม.ย. – พ.ค. แต่จะต่ำกว่าค่าปกติได้ ในเดือน มิ.ย.
โดยอาจมีฝนทิ้งช่วง ดังนั้น ต้องมาติดตาม และลุ้นช่วงกลางปี
ว่าจะเปลี่ยนแปลงไปในทางทิศใด
นับถอยหลังเลือกตั้ง อบจ.ลำปาง ผู้สมัครต่างลงพื้นที่หาเสียงคึกคัก ลุยเดินตลาด ลงชุมชนใกล้ชิดชาวบ้าน
บรรยากาศการหาเสียงเลือกตั้งนายก
และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำปาง ในหลายพื้นที่ มีความคึกคักมากขึ้น
หลังจากที่ผู้สมัครนายก และสมาชิกสภาฯ ได้รับการรับรองจากผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำ
อบจ.ลำปาง เป็นที่เรียบร้อย ทำให้แต่ละคนต่างพร้อมใจกันเดินออกหาเสียงได้อย่างเต็มที่ รวมไปถึงการติดตั้งป้ายหาเสียง และรถแห่ต่างๆ
ให้ประชาชนได้เห็นกันอย่างหนาตา
นายดาชัย
เอกปฐพี ผู้สมัครนายก อบจ.ลำปาง เบอร์ 1 ซึ่งถือว่าเป็นคู่แข่งอันดับต้นๆของน.ส.ตวงรัตน์ก็ว่าได้
แม้ว่าการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา คะแนนจะทิ้งห่างไปมากถึง 176,410 คะแนน แต่ชื่อของดาชัยก็ยังมีอยู่ในกระแสตลอดเวลา ตั้งแต่ก่อนจะมีการเลือกตั้งจนมาถึงปัจจุบัน ในครั้งนี้ดาชัยยังมาแนวเงียบสงบ
สยบความเคลื่อนไหว โพสต์นโยบายหาเสียงผ่านสื่อโซเชียลมีเดียอย่างต่อเนื่อง เน้นใช้สื่อให้เป็นประโยชน์ พร้อมมีป้ายหาเสียงติดตั้งให้เห็นเน้นพื้นหลังสีดำ
เบอร์ 1 สีแดง ส่งให้ภาพผู้สมัครและเบอร์ โดดเด่นทั่วเมือง
โดยดาชัย
ได้เน้นนำเสนอนโยบาย สนับสนุนงบประมาณผู้สูงอายุ มีกองทุนช่วยเหลือผู้สูงอายุ 2 ล้านบาท ทุกอำเภอ และมีศูนย์ใส่ใจ๋ดูแลผู้สูงอายุ 24
ชั่วโมง นอกนั้นยังมีนโยบายสร้างสรรค์สังคม
สนับสนุนให้มีศูนย์ประสานงานแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรทุกอำเภอ สนับสนุนให้มีที่ปรึกษานายก
อบจ.ด้านเศรษฐกิจการค้า ท่องเที่ยว สาธารณสุข สิ่งแวดล้อมฯลฯ ในทุกอำเภอ เป็นต้น
ส่วนนโยบายการศึกษาเด็กและเยาวชน ยกตัวอย่างเช่น สนับสนุนให้มีโรงเรียน3ภาษา ไทย จีน อังกฤษ โรงเรียน
อบจ.ลำปาง สถานบันกวดวิชาออนไลน์
โดยอบจ.ลำปาง พร้อมทุนการศึกษา 2 แสนบาท ในทุกอำเภอ เป็นต้น
ขณะที่ น.ส.ตวงรัตน์ โล่ห์สุนทร ผู้สมัครนายก อบจ.ลำปาง
เบอร์ 2 ที่ลงสมัครในนามพรรคเพื่อไทย แม้จะเป็นที่รู้จักของชาวบ้านในนามอดีตนายกอบจ.ลำปาง
สมัยที่ผ่านมาและมีผลงานต่างๆไม่น้อย แต่ยังคงเดินลงพื้นที่อย่างหนักหน่วงนำเสนอนโยบายสานต่องานให้กับชาวบ้าน พร้อมกับติดตั้งป้ายหาเสียงสีขาวสะอาดตา
ชูสองนิ้วเป็นสัญลักษณ์เบอร์ 2 และบ่งบอกถึงสัญลักษ์สู้ๆ ไปทั่วทุกอำเภอ
ตวงรัตน์
ได้นำเสนอนโยบายหลากหลาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการสานงานเดิม นโยบายด้านการดูแลผู้สูงอายุให้มีโอกาสได้รับความช่วยเหลือ
มีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างเท่าเทียม เช่น การจัดตั้งกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดลำปาง
ตั้งแต่ปี 2564 ส่งเสริมการอบรมให้ความรู้
และพัฒนาอาชีพแก่ผู้สูงวัยผ่านศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ อบจ.ลำปางและโครงการส่งเสริมการออกกำลังกาย
ที่ชักชวนชาวลำปางทุกกลุ่มทุกช่วงวัยในทุกอำเภอ
, นโยบ้านด้านการเกษตร สนับสนุนเปลี่ยนเกษตรกรลำปาง
ให้มีความมั่นคงทางรายได้ เท่าทันความเปลี่ยนแปลงของโลกยุค 5G โดยการผสานเทคโนโลยี Smart Farming เข้ากับภูมิปัญญาท้องถิ่น
และความอุดมสมบูรณ์ของผืนดิน จะช่วยให้เกิดการพัฒนาสร้างความเติบโตแบบก้าวกระโดดของภาคเกษตร
เพิ่มผลผลิต สร้างมูลค่า เพิ่มรายได้ที่ยั่งยืน , ด้านเด็กและเยาวชน ต่อยอดความสำเร็จ
สร้างเด็ก เก่ง ดี มีความสุข โดยการวางรากฐานการพัฒนาเด็กและเยาวชนลำปางอย่างเป็นระบบ
ผ่านโครงการ Fa EF และจะขยายผลให้ครอบคลุมทั่วจังหวัด
เป็นต้น
ด้านผู้สมัครนายก อบจ.ลำปาง เบอร์ 3 นายอธิวัฒน์ ศรีไชยานุพันธ์ ก็ได้มีการติดตั้งป้ายหาเสียงไปทั่วทุกพื้นที่เช่นกัน หลังจากที่มีการเปิดตัวว่าจะลงสมัครเป็นคนแรกก็ว่าได้ และเน้นเดินลงพื้นที่หาเสียง พบปะใกล้ชิดกับชาวบ้าน มาพร้อมกับความมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงลำปาง เปิดหูเปิดตาชาวบ้าน เปลี่ยนประวัติศาสตร์ลำปาง ลำปางต้องดีกว่าเดิม
สำหรับ ผู้สมัครนายก อบจ.ลำปาง เบอร์
4
ดร.อุ๋ย ปกิตตา ตั้งชนินทร์
ที่ทาง กกต.ลำปาง มีประกาศไม่รับสมัคร เนื่องจากพบว่าทางเอกสารสำคัญที่ใช้ประกอบการลงสมัครขาดไป
ซึ่งอยู่ระหว่างการยื่นอุทธรณ์คำสั่ง
กกต.ลำปาง และรอทาง กกต.กลางพิจารณาอยู่นั้น
ทางผู้สมัครยังคงหาเสียงได้จนกว่า กกต.จะชี้ขาด ทาง ดร.อุ๋ย พร้อมทีมงานยังลงพื้นที่พบปะกับชาวบ้านอย่างต่อเนื่อง
ตามสโลแกน ดร.อุ๋ย ลุยอาสาเพื่อชาวลำปาง
เหลือเพียงอีก 15 วัน ก็จะถึงวันเลือกตั้งนายก และ สมาชิกสภา อบจ. แล้ว เชิญชวนประชาชนออกมาใช้สิทธิ์กันให้มาก
เพื่อเลือกคนดีมีความสามารถเข้ามาบริหารท้องถิ่นลำปาง โดยบัตรเลือกตั้งนายก อบจ. สีเหลือง และ บัตรเลือกตั้งสมาชิก
สภา อบจ. สีม่วง
วันเสาร์ที่ 1 ก.พ.68 นี้ ตั้งแต่เวลา 08.00 น. – 17.00 น. เข้าคูหากาเบอร์ที่ชอบ
ขอบคุณภาพผู้สมัคร จากเพจและเฟซบุ๊ก ดาชัย เอกปฐพี , ตวงรัตน์ โล่ห์สุนทร , ต่อ อธิวัฒน์ ศรีไชยานุพันธ์ และ ดร.อุ๋ย ลุยอาสาเพื่อชาวลำปาง
วันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2568
แจ้งเหตุจำเป็นที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้ง อบจ.ได้ ผ่านช่องทางออนไลน์
วันที่ 13 ม.ค. 68
– กกต. เผยผู้มีสิทธิเลือกตั้งใดที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้
เนื่องจากมีเหตุอันสมควร
ให้แจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งต่อนายทะเบียนอำเภอ
หรือนายทะเบียนท้องถิ่นที่ตนมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน
โดยทำเป็นหนังสือซึ่งต้องระบุเลขประจำตัวประชาชน และที่อยู่ตามหลักฐานทะเบียนบ้าน
ภายใน 7 วันก่อนวันเลือกตั้ง หรือภายใน 7 วันนับแต่วันเลือกตั้ง สามารถแจ้งด้วยตัวเอง
หรือมอบหมายให้ผู้อื่นไปยื่นแทน หรือจัดส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียน
แจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ผ่านทางเว็บไซต์ แจ้งเหตุจำเป็นที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือผ่านทางแอปพลิเคชัน Smart Vote
เหตุจำเป็นที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้
– มีกิจธุระจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องเดินทางไปพื้นที่ห่างไกล
– เจ็บป่วยและไม่สามารถเดินทางไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้
– เป็นคนพิการหรือทุพพลภาพ
หรือผู้สูงอายุและไม่สามารถเดินทางไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้
– เดินทางออกนอกราชอาณาจักร
– มีถิ่นที่อยู่ห่างไกลจากที่เลือกตั้งเกินกว่า 100 กิโลเมตร
– ได้รับคำสั่งจากทางราชการให้ไปปฏิบัติหน้าที่นอกเขตเลือกตั้ง
– มีเหตุสุดวิสัยหรือเหตุอื่นที่ กกต. กำหนด
กรณีที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้แจ้งเหตุไว้แล้ว
หากในวันเลือกตั้งเหตุดังกล่าวได้สิ้นสุดลง
ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสามารถไปใช้สิทธิเลือกตั้งที่หน่วยเลือกตั้งที่ตนมีสิทธิเลือกตั้งได้
หากไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งจะถูกจำกัดสิทธิ
ดังนี้
– สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.)
หรือสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น (สถ./ผถ.)
หรือสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา (สว.)
– สมัครรับเลือกเป็นกำนันและผู้ใหญ่บ้าน
– เข้าชื่อร้องขอให้ถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น
(สถ./ผถ.)
– ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง และข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมือง
– ดำรงตำแหน่งรองผู้บริหารท้องถิ่น เลขานุการผู้บริหารท้องถิ่น
ผู้ช่วยเลขานุการผู้บริหารท้องถิ่น ประธานที่ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่น
ที่ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่น หรือคณะที่ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่น
การถูกจำกัดสิทธิ กำหนดเวลาครั้งละ 2 ปี
นับแต่วันเลือกตั้ง