วันอังคารที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2568

ประกาศ! ห้ามเผาป่าและพื้นที่โล่ง ยกเว้นพื้นที่ตามแผนการบริหารจัดการเชื้อเพลิง


ประกาศจังหวัดลําปาง เรื่อง ห้ามเผาป่าและพื้นที่โล่ง ยกเว้นพื้นที่ตามแผนการบริหารจัดการเชื้อเพลิง

        ด้วยปรากฏว่าในห้วงฤดูแล้งในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนเมษายนของทุกปี มักเกิดไฟป่าขึ้น เป็นประจํา ทั้งในเขตพื้นที่ป่าอนุรักษ์ ป่าสงวนแห่งชาติ พื้นที่ป่าชุมชน พื้นที่เขต ส.ป.ก. พื้นที่การเกษตร พื้นที่ริมทาง พื้นที่ราชพัสดุ รวมทั้งในพื้นที่ชุมชนเอง ทําให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า เกิดปัญหาไฟป่า หมอกควันปกคลุมพื้นที่ ทั้งยังเป็นสาเหตุทําให้เกิดค่าปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) เกินค่ามาตรฐาน37.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งเป็นอันตรายส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน และส่งผลกระทบต่อ เศรษฐกิจ สังคม การคมนาคม และการท่องเที่ยว ทําให้รัฐต้องสูญเสียรายได้ และสูญเสียงบประมาณ ในการระดม กําลังเจ้าหน้าที่ อุปกรณ์ และยานพาหนะ ในการดับไฟป่าเป็นจํานวนมาก สาเหตุของการเกิดไฟป่าที่สําคัญ เกิดจากมนุษย์ทั้งสิ้น คือเกิดจากการเผากําจัดวัชพืช เศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อเตรียมพื้นที่เพาะปลูก ของเกษตรกรที่อยู่ในหรือใกล้พื้นที่ป่า โดยไม่มีการทําแนวกันไฟหรือการควบคุม และการลักลอบเผาพื้นที่ป่า เพื่อการบุกรุกพื้นที่ เพื่อเก็บหาของป่า และการล่าสัตว์ป่า ทําให้เกิดปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ส่งผลกระทบ ต่อสุขภาพของประชาชนโดยตรง
           จังหวัดลําปาง พิจารณาแล้ว พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ พื้นที่ป่าอนุรักษ์ พื้นที่ป่าชุมชน พื้นที่โครงการ จัดที่ดินทํากินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล (คทช.) พื้นที่ ส.ป.ก. พื้นที่การเกษตรพื้นที่ริมทาง พื้นที่ชุมชน มีกฎหมายในการควบคุมการเผาของแต่ละหน่วยงานเป็นการเฉพาะ ตลอดจนนโยบายของรัฐได้ห้ามการเผา ในพื้นที่โล่งทุกประเภท เพื่อป้องกันการเกิดสถานการณ์ไฟป่า หมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก ส่งผลกระทบ ต่อสุขภาพประชาชน เศรษฐกิจ และสังคม ตลอดจนการท่องเที่ยวของจังหวัดลําปาง และตามพระราชบัญญัติ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 มาตรา 15 ได้บัญญัติให้ผู้อํานวยการจังหวัด รับผิดชอบ ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในเขตจังหวัด ประกอบกับแผนการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ พ.ศ. 2564 –2570 และแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดลําปาง พ.ศ.2564 –2570

        จึงอาศัยอํานาจ ตามมาตรา 15 มาตรา 21และมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย พ.ศ. 2550 ประกาศกําหนดให้ทั้ง 13 อําเภอ ในทุกพื้นที่ของจังหวัดลําปาง งดเว้นการเผาป่า เผาวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เผาขยะ เผาเศษไม้ใบไม้ การเผาวัชพืชสองข้างทาง การเผาในพื้นที่ชุมชน และการเผาในพื้นที่โล่งแจ้งทุกกรณี ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึงวันที่ 15 พฤษภาคม 2568 ยกเว้นพื้นที่ตามแผนการบริหารจัดการเชื้อเพลิง ตามหลักวิชาการ ซึ่งดําเนินการโดยพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา 19 แห่ง พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 มาตรา 18 แห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 มาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติ สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 โดยต้องมีการทําแนวกันไฟและได้รับการพิจารณาอนุญาตจากพนักงาน เจ้าหน้าที่ที่ดูแลพื้นที่ก่อนดําเนินการทุกครั้งทุกราย ผู้ใดฝ่าฝืนมีความผิดตามเอกสารแนบท้ายประกาศนี้

   โดยให้ทุกหน่วยงานดําเนินการ ดังนี้
        1) ให้ทุกหน่วยงานสนธิกําลังทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ประชาสัมพันธ์ ลาดตระเวน ป้องกัน ไม่ให้มีการลักลอบเผาในพื้นที่ทุกประเภท (ยกเว้นพื้นที่กําหนดไว้ให้เป็นพื้นที่บริหารจัดการเชื้อเพลิงในห้วงเวลา ที่กําหนด) หากพบการลักลอบเผาให้ดําเนินการตามอํานาจหน้าที่และระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด
        2) จัดชุดรณรงค์ประชาสัมพันธ์แบบเคาะประตูบ้าน รณรงค์ประชาสัมพันธ์ ไม่ให้ดําเนินการ เผาในพื้นที่โล่งทุกชนิด สําหรับอําเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กํานัน ผู้ใหญ่บ้าน กรรมการหมู่บ้าน ซึ่งเป็นหน่วยงานและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ให้ประชาสัมพันธ์และกํากับดูแลราษฎรในชุมชนเขตการปกครองตนเอง มิให้มีการเผา ในพื้นที่โล่งทุกประเภทด้วย
        3) การบริหารจัดการเชื้อเพลิงในเขตพื้นที่ป่า ให้เป็นไปตามหลักวิชาการ และแผนงานที่ได้รับอนุมัติ จากหน่วยงานกํากับดูแลพื้นที่แล้วเท่านั้น โดยให้มีการจัดทําแนวกันไฟป้องกันการลุกลามไปในพื้นที่ป่าใกล้เคียง ภายใต้การควบคุมของพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ หากมีสถานการณ์ไฟป่าหมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) รุนแรงในพื้นที่ ให้หยุดดําเนินการจนกว่าสถานการณ์เหมาะสม
        4) สําหรับพื้นที่การเกษตร ตามโครงการจัดที่ดินทํากินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาล (คทช.) ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2561 และพื้นที่ทํากินในเขตป่าอนุรักษ์ ตามพระราชบัญญัติ อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 และพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 ยังคงถือเป็นพื้นที่ป่า ตามกฎหมาย หากมีความจําเป็นอย่างยิ่งยวดในการเตรียมพื้นที่การเกษตร ที่ไม่สามารถดําเนินการโดยวิธีการ อื่นใดได้แล้ว ให้ดําเนินการขึ้นทะเบียนได้ที่ศูนย์ปฏิบัติการฉุกเฉิน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (War Room ระดับตําบล) เพื่อบริหารจัดการเชื้อเพลิงตามหลักวิชาการ และมีการจัดทําแนวกันไฟป้องกันการลุกลาม เข้าพื้นที่ป่า และจะดําเนินการได้ก็ต่อเมื่อได้รับการอนุมัติจากหน่วยงานที่กํากับดูแลพื้นที่แล้วเท่านั้น
        5) ตามข้อ 4 ผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามประกาศนี้ ถือเป็นการกระทําที่ขัดต่อกฎหมาย และเงื่อนไข การอนุญาตให้อยู่อาศัยทํากิน ให้หน่วยงานที่กํากับดูแลพื้นที่ตรวจสอบพิกัดข้อมูลแผนที่ และบัญชีรายชื่อกับ ทางของหน่วยงาน เพื่อดําเนินการตามระเบียบและขั้นตอนของกฎหมายตามลําดับต่อไป
        6) การดําเนินการตามข้อ 1 ถึงข้อ 5 หากเกิดปัญหา อุปสรรค ให้ศูนย์ติดตามสถานการณ์ (War Room ระดับอําเภอ) เร่งรัดแก้ไขปัญหา หากเกินขีดความสามารถให้รายงานให้ศูนย์ติดตามสถานการณ์ (War Room ระดับจังหวัด) ทราบโดยด่วน เพื่อบูรณาการแก้ไขปัญหาต่อไป
ประกาศ ณ วันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2567
Share:

วันจันทร์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2568

17 จังหวัดภาคเหนือประกาศเจตนารมณ์สู้หมอกควัน ตั้งเป้าลดพื้นที่ไฟไหม้ป่า 25% และเมืองปฏิบัติตามกฎหมาย 100%

 

วันที่ 14 มกราคม 2568 เวลา 09.00 น. ดร.สุทธิพล เอี่ยมประเสริฐกุล รองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ เป็นประธานพิธีเปิดกิจกรรมเวทีวิชาการ "สร้างการรับรู้ สู้หมอกควัน" โดยมี นางสาวนิติยา พงษ์พานิช รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง กล่าวต้อนรับ นายสรายุธ บุญขัน ผู้อำนวยการสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 2 กล่าวรายงานฯ พร้อมด้วยผู้แทน 17 จังหวัดภาคเหนือ หัวหน้าส่วนราชการ และประชาชน เข้าร่วมกิจกรรมฯ ณ ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้าอุตสาหกรรมภาคเหนือ อ.เกาะคา จ.ลำปาง



โดยกรมควบคุมมลพิษ ร่วมกับสำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 2 จัดกิจกรรมเวทีวิชาการ"สร้างการรับรู้ สู้หมอกควัน" เพื่อสื่อสารเผยแพร่องค์ความรู้และนวัตกรรมในการป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควัน และฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 และแลกเปลี่ยนเรียนรู้สร้างความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาดังกล่าว



ดร.สุทธิพล เอี่ยมประเสริฐกุล  รองอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กล่าวว่า ในช่วงนี้พื้นที่ภาคเหนือของประเทศไทย เริ่มประสบปัญหาไฟป่าหมอกควัน และฝุ่น PM2.5 กระทบต่อสุขภาพของประชาชน โดยทางรัฐมนตรีว่าการกระทวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เน้นย้ำให้ทำงานเชิงรุกเข้าถึงพื้นที่ให้มากขึ้น สร้างความตระหนักและสื่อสารการเรียนรู้และนวัตกรรมในการแก้ปัญหาดังกล่าว 

ดังนั้น กรมควบคุมมลพิษ และ 17 จังหวัดภาคเหนือ จึงได้มีการประกาศเจตนารมณ์ร่วมมือป้องกันแก้ไขปัญหาไฟป่าหมอกควัน และฝุ่นละออง PM 2.5 ในพื้นที่  โดยการสื่อสารประชาสัมพันธ์  สร้างการรับรู้สถานการณ์ฝุ่นและผลกระทบของฝุ่น ให้ประชาชนได้ป้องกันสุขภาพ ขณะเกียวกันได้สร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน และ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ในการส่งเสริมชุมชนบริหารจัดการเชื้อเพลิง หรือชุมชนปลอดการเผาในเขตชุมชนเมือง 



ซึ่งในปี 2568 นี้ ได้ตั้งเป้าลดพื้นที่เผาไหม้ในพื้นที่ป่าร้อยละ 25 พื้นที่ทางการเกษตรร้อยละ 30 เมื่อเทียบกับปี 2567 มีการปฏิบัติตามกฎหมาย 100%  เพื่อให้ผลลัพธ์คุณภาพอากาศในช่วงวิกฤต ค่าฝุ่นละออง ลดลงร้อยละ 15 ค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมงสูงสุดไม่เกิน 150 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร จำนวนวันที่เกิดมาตรฐานลดลง ร้อยละ 10 เมื่อเทียวกับปี 2567 

ดังนั้นจึงคาดหวังว่าการจัดประชุมวิชาการในครั้งนี้ จะนำไปสู่ความร่วมมือ ยกระดับการสื่อสารข้อมูลฝุ่นละออง ไปปฎิบัติในระดับพื้นที่ให้ฟ้าใสไร้หมอกควันในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ ตามเจตนารมณ์ร่วมกัน







Share:

กฟภ.ลำปาง ประกาศแผนดับไฟฟ้า วันที่ 20-26 มกราคม 68

 

วันจันทร์ที่  20  มกราคม  2568

  • ปรับปรุงระบบจำหน่ายแรงสูง เปลี่ยนขนาดเสา และเพิ่มวงจรการจ่ายไฟ บริเวณ ปากทางเข้าหมู่บ้านพรเกษม  เวลา 09.00 – 16.30 น. พื้นที่ไฟฟ้าดับ  หมู่บ้านพรเกษม   หมู่บ้านเกษมนิมิต  หมู่บ้านกลาง และร้าน Start Up Coffee


วันอังคารที่  21  มกราคม  2568 

  • ปรับปรุงระบบจำหน่ายแรงสูง ย้ายแนวระบบจำหน่าย กีดขวางงานขยายถนนและรุกล้ำเข้าพื้นที่ส่วนบุคคล บ้านห้วยทราย   เวลา 09.00 – 13.00 น.  พื้นที่ไฟฟ้าดับ  ประกอบด้วย บ้านห้วยทราย เจดีย์ซาว  บ้านโป่งฟาน  โรงงานรับซื้อของเก่า บ้านห้วยทราย  และโรงฆ่าสัตว์ บ้านห้วยทราย


วันศุกร์ที่  24  มกราคม  2568

  • ปรับปรุงระบบจำหน่ายแรงสูง เปลี่ยนขนาดเสา และเพิ่มวงจรการจ่ายไฟ  เวลา 08.30 – 16.30 น. พื้นที่ไฟฟ้าดับ หมู่บ้านพรเกษม  หมู่บ้านเกษมนิมิต  และหมู่บ้านกลาง


  • ปรับปรุงระบบจำหน่ายแรงสูง รื้อถอนเสาไฟฟ้าแรงสูง  เวลา 08.30 17.00 น. พื้นที่ไฟฟ้าดับ  บริเวณถนนสายลำปาง - ห้างฉัตร (สายเก่า) ตั้งแต่ ปั๊มบางจาก บ่อแฮ้ว ถึง ตลาดสดบ้านท่าขัว , โครงการหมู่บ้านพชรพล , หมู่บ้าน รพช.  และ บังอรรีไซเคิล


    ทั้งนี้ หากพื้นที่บริเวณที่ดับกระแสไฟฟ้าปฏิบัติงาน มีผู้ป่วยติดเตียงต้องการใช้กระแสไฟฟ้าสำหรับเครื่องมือทางการแพทย์ โปรดแจ้ง PEA ลำปาง ก่อนล่วงหน้า เพื่อติดตั้งเครื่องสำรองไฟฟ้า หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เบอร์ 054-251102

Share:

กฟภ.ลำปาง ประกาศแผนดับไฟฟ้า วันที่ 14-19 มกราคม 68

 

วันอังคารที่  14  มกราคม  2568 

  • ปรับปรุงระบบจำหน่ายแรงสูง ย้ายแนวระบบจำหน่าย กีดขวางงานขยายถนนและรุกล้ำเข้าพื้นที่ส่วนบุคคล บ้านห้วยทราย   เวลา 09.0013.00 น.  พื้นที่ไฟฟ้าดับ  ประกอบด้วย บ้านห้วยทราย เจดีย์ซาว  บ้านโป่งฟาน  โรงงานรับซื้อของเก่า บ้านห้วยทราย  และโรงฆ่าสัตว์ บ้านห้วยทราย

 


วันเสาร์ที่ 18 มกราคม  2568

  • ปรับปรุงระบบจำหน่ายแรงต่ำ เปลี่ยนขนิดสายตัวนำ หน้าเทศบาลต้นธงชัย เวลา 09.00 – 16.00 น. พื้นที่ไฟฟ้าดับ  บ้านนาป้อใต้ ฝั่งเทศบาลต้นธงชัย

 


วันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม  2568

  • ปรับปรุงระบบจำหน่ายแรงสูง รื้อถอนเสาไฟฟ้าแรงสูง  เวลา 08.30 – 17.00 น. พื้นที่ไฟฟ้าดับ บริเวณถนนสายลำปาง - ห้างฉัตร (สายเก่า) ตั้งแต่ ธนาคารออมสิน สาขาน้ำโท้ง ถึง ปั๊มบางจาก บ่อแฮ้ว , บ้านน้ำโท้ง  , บ้านกล้วยไม้ ต.บ่อแฮ้ว  และหมู่บ้าน The Great Home น้ำโท้งอุทุมพร

 

ทั้งนี้ หากพื้นที่บริเวณที่ดับกระแสไฟฟ้าปฏิบัติงาน มีผู้ป่วยติดเตียงต้องการใช้กระแสไฟฟ้าสำหรับเครื่องมือทางการแพทย์ โปรดแจ้ง PEA ลำปาง ก่อนล่วงหน้า เพื่อติดตั้งเครื่องสำรองไฟฟ้า หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เบอร์ 054-251102

Share:

อ.เจษฎา เผย ไทยเข้าสู่สภาวะ 'ลานีญา' อากาศหนาวถึงกลางเดือน ก.พ.


อ.เจษฎา เผย ไทยเข้าสู่สภาวะ ‘ลานีญา’ อากาศหนาวเย็นไปจนถึงกลางเดือน ก.พ. ขณะที่ช่วงฤดูร้อน จะไม่ร้อนเหมือนปีก่อน ๆ เหตุมีฝนฟ้าคะนองเข้ามา

13 ม.ค. 2568 ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความแสดงความคิดเห็นเรื่อง “ลานีญา” พร้อมระบุว่า จะทำให้หน้าร้อนประเทศไทยปีนี้ ไม่ร้อนจัด

จากที่เมื่อวานผมโพสต์ข่าวดี ว่าตอนนี้ทางหน่วยงาน NOAA ของประเทศสหรัฐอเมริกา ได้คอนเฟิร์มแล้วว่า เราเข้าสู่สภาวะ “ลานีญา La Nina” อย่างอ่อน ๆ แล้ว ตั้งแต่เดือน ธ.ค. ที่ผ่านมา

ล่าสุด ทางกรมอุตุนิยมวิทยา ได้โพสต์ให้ข้อมูลถึงพยากรณ์อากาศของไทย ที่จะได้รับผลกระทบจากสภาวะลานีญานี้ โดยสรุปคร่าว ๆ คือ จะทำให้ฤดูร้อนปีนี้ ไม่ร้อนจัดรุนแรงเหมือนปีก่อน ๆ (แต่ก็ต้องคอยอัปเดตเรื่อยๆ)

โดยสรุปได้ดังนี้

1. ตอนนี้ แม้ว่าจะหนาวน้อยลง แต่อากาศจะยังหนาวเย็นไปจนถึงกลางเดือน ก.พ.

2. จากนั้นจะเข้าสู่ฤดูร้อน โดยในช่วงเดือน ก.พ. – พ.ค. จะได้รับผลกระทบจากสภาวะ ลานีญา อ่อน ๆ หรือไม่ก็อยู่ค่ากลาง Neutral กระแสลมที่พัดปกคลุมประเทศ จะเปลี่ยนเป็นลมใต้ ลมตะวันออกเฉียงใต้มากขึ้น

3. ช่วงเดือน ก.พ. – พ.ค. จะมีความชื้นอยู่บ้าง มีโอกาสเกิดฝนฟ้าคะนองเป็นระยะ

4. ช่วงเดือน มี.ค. – เม.ย. จะเป็นช่วงฤดูร้อน (อุณหภูมิเฉลี่ยสูงสุดจะอยู่ในช่วงนี้) แต่จะไม่ร้อนแรง ไม่ร้อนจัดติดต่อกันหลายวันเหมือนปีก่อน เนื่องจากมีฝนฟ้าคะนองและมีความชื้นสูง (แต่อาจมีอากาศร้อนจัดเป็นช่วง ๆ)

5. คาดว่าฝนจะค่าสูงกว่าปกติ โดยเฉพาะในช่วงเดือน เม.ย. – พ.ค. แต่จะต่ำกว่าค่าปกติได้ ในเดือน มิ.ย. โดยอาจมีฝนทิ้งช่วง ดังนั้น ต้องมาติดตาม และลุ้นช่วงกลางปี ว่าจะเปลี่ยนแปลงไปในทางทิศใด

 ที่มา : ข่าวสด

 


Share:

นับถอยหลังเลือกตั้ง อบจ.ลำปาง ผู้สมัครต่างลงพื้นที่หาเสียงคึกคัก ลุยเดินตลาด ลงชุมชนใกล้ชิดชาวบ้าน

 


          บรรยากาศการหาเสียงเลือกตั้งนายก และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำปาง ในหลายพื้นที่ มีความคึกคักมากขึ้น หลังจากที่ผู้สมัครนายก และสมาชิกสภาฯ ได้รับการรับรองจากผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำ อบจ.ลำปาง เป็นที่เรียบร้อย ทำให้แต่ละคนต่างพร้อมใจกันเดินออกหาเสียงได้อย่างเต็มที่  รวมไปถึงการติดตั้งป้ายหาเสียง และรถแห่ต่างๆ ให้ประชาชนได้เห็นกันอย่างหนาตา


นายดาชัย เอกปฐพี ผู้สมัครนายก อบจ.ลำปาง เบอร์ 1  ซึ่งถือว่าเป็นคู่แข่งอันดับต้นๆของน.ส.ตวงรัตน์ก็ว่าได้ แม้ว่าการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา คะแนนจะทิ้งห่างไปมากถึง 176,410 คะแนน แต่ชื่อของดาชัยก็ยังมีอยู่ในกระแสตลอดเวลา ตั้งแต่ก่อนจะมีการเลือกตั้งจนมาถึงปัจจุบัน  ในครั้งนี้ดาชัยยังมาแนวเงียบสงบ สยบความเคลื่อนไหว โพสต์นโยบายหาเสียงผ่านสื่อโซเชียลมีเดียอย่างต่อเนื่อง  เน้นใช้สื่อให้เป็นประโยชน์  พร้อมมีป้ายหาเสียงติดตั้งให้เห็นเน้นพื้นหลังสีดำ เบอร์ 1 สีแดง ส่งให้ภาพผู้สมัครและเบอร์ โดดเด่นทั่วเมือง


โดยดาชัย ได้เน้นนำเสนอนโยบาย สนับสนุนงบประมาณผู้สูงอายุ มีกองทุนช่วยเหลือผู้สูงอายุ 2 ล้านบาท ทุกอำเภอ และมีศูนย์ใส่ใจ๋ดูแลผู้สูงอายุ 24 ชั่วโมง  นอกนั้นยังมีนโยบายสร้างสรรค์สังคม สนับสนุนให้มีศูนย์ประสานงานแก้ไขปัญหาหนี้สินเกษตรกรทุกอำเภอ  สนับสนุนให้มีที่ปรึกษานายก อบจ.ด้านเศรษฐกิจการค้า ท่องเที่ยว สาธารณสุข สิ่งแวดล้อมฯลฯ ในทุกอำเภอ  เป็นต้น  ส่วนนโยบายการศึกษาเด็กและเยาวชน ยกตัวอย่างเช่น สนับสนุนให้มีโรงเรียน3ภาษา ไทย จีน อังกฤษ  โรงเรียน อบจ.ลำปาง  สถานบันกวดวิชาออนไลน์ โดยอบจ.ลำปาง พร้อมทุนการศึกษา 2 แสนบาท ในทุกอำเภอ เป็นต้น

ขณะที่  น.ส.ตวงรัตน์ โล่ห์สุนทร ผู้สมัครนายก อบจ.ลำปาง  เบอร์ 2  ที่ลงสมัครในนามพรรคเพื่อไทย  แม้จะเป็นที่รู้จักของชาวบ้านในนามอดีตนายกอบจ.ลำปาง สมัยที่ผ่านมาและมีผลงานต่างๆไม่น้อย  แต่ยังคงเดินลงพื้นที่อย่างหนักหน่วงนำเสนอนโยบายสานต่องานให้กับชาวบ้าน  พร้อมกับติดตั้งป้ายหาเสียงสีขาวสะอาดตา ชูสองนิ้วเป็นสัญลักษณ์เบอร์ 2  และบ่งบอกถึงสัญลักษ์สู้ๆ ไปทั่วทุกอำเภอ


ตวงรัตน์ ได้นำเสนอนโยบายหลากหลาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการสานงานเดิม  นโยบายด้านการดูแลผู้สูงอายุให้มีโอกาสได้รับความช่วยเหลือ มีคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างเท่าเทียม เช่น  การจัดตั้งกองทุนฟื้นฟูสมรรถภาพจังหวัดลำปาง ตั้งแต่ปี 2564  ส่งเสริมการอบรมให้ความรู้ และพัฒนาอาชีพแก่ผู้สูงวัยผ่านศูนย์พัฒนาคุณภาพชีวิตและส่งเสริมอาชีพผู้สูงอายุ อบจ.ลำปางและโครงการส่งเสริมการออกกำลังกาย ที่ชักชวนชาวลำปางทุกกลุ่มทุกช่วงวัยในทุกอำเภอ  , นโยบ้านด้านการเกษตร  สนับสนุนเปลี่ยนเกษตรกรลำปาง ให้มีความมั่นคงทางรายได้ เท่าทันความเปลี่ยนแปลงของโลกยุค 5G โดยการผสานเทคโนโลยี Smart Farming เข้ากับภูมิปัญญาท้องถิ่น และความอุดมสมบูรณ์ของผืนดิน จะช่วยให้เกิดการพัฒนาสร้างความเติบโตแบบก้าวกระโดดของภาคเกษตร เพิ่มผลผลิต สร้างมูลค่า เพิ่มรายได้ที่ยั่งยืน  , ด้านเด็กและเยาวชน ต่อยอดความสำเร็จ สร้างเด็ก เก่ง ดี มีความสุข โดยการวางรากฐานการพัฒนาเด็กและเยาวชนลำปางอย่างเป็นระบบ ผ่านโครงการ Fa EF  และจะขยายผลให้ครอบคลุมทั่วจังหวัด เป็นต้น 



          ด้านผู้สมัครนายก อบจ.ลำปาง เบอร์ 3 นายอธิวัฒน์  ศรีไชยานุพันธ์  ก็ได้มีการติดตั้งป้ายหาเสียงไปทั่วทุกพื้นที่เช่นกัน หลังจากที่มีการเปิดตัวว่าจะลงสมัครเป็นคนแรกก็ว่าได้  และเน้นเดินลงพื้นที่หาเสียง พบปะใกล้ชิดกับชาวบ้าน  มาพร้อมกับความมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยนแปลงลำปาง เปิดหูเปิดตาชาวบ้าน เปลี่ยนประวัติศาสตร์ลำปาง ลำปางต้องดีกว่าเดิม



          สำหรับ ผู้สมัครนายก อบจ.ลำปาง เบอร์ 4 ดร.อุ๋ย ปกิตตา ตั้งชนินทร์ ที่ทาง กกต.ลำปาง มีประกาศไม่รับสมัคร  เนื่องจากพบว่าทางเอกสารสำคัญที่ใช้ประกอบการลงสมัครขาดไป  ซึ่งอยู่ระหว่างการยื่นอุทธรณ์คำสั่ง กกต.ลำปาง และรอทาง กกต.กลางพิจารณาอยู่นั้น   ทางผู้สมัครยังคงหาเสียงได้จนกว่า กกต.จะชี้ขาด  ทาง ดร.อุ๋ย พร้อมทีมงานยังลงพื้นที่พบปะกับชาวบ้านอย่างต่อเนื่อง  ตามสโลแกน ดร.อุ๋ย ลุยอาสาเพื่อชาวลำปาง

          เหลือเพียงอีก 15 วัน ก็จะถึงวันเลือกตั้งนายก และ สมาชิกสภา อบจ. แล้ว เชิญชวนประชาชนออกมาใช้สิทธิ์กันให้มาก เพื่อเลือกคนดีมีความสามารถเข้ามาบริหารท้องถิ่นลำปาง  โดยบัตรเลือกตั้งนายก อบจ. สีเหลือง และ บัตรเลือกตั้งสมาชิก สภา อบจ. สีม่วง 

วันเสาร์ที่ 1 ก.พ.68 นี้ ตั้งแต่เวลา 08.00 น. – 17.00 น. เข้าคูหากาเบอร์ที่ชอบ


ขอบคุณภาพผู้สมัคร จากเพจและเฟซบุ๊ก  ดาชัย เอกปฐพี , ตวงรัตน์ โล่ห์สุนทร , ต่อ อธิวัฒน์ ศรีไชยานุพันธ์  และ ดร.อุ๋ย ลุยอาสาเพื่อชาวลำปาง 

Share:

วันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2568

แจ้งเหตุจำเป็นที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้ง อบจ.ได้ ผ่านช่องทางออนไลน์

วันที่  13 ม.ค. 68 – กกต. เผยผู้มีสิทธิเลือกตั้งใดที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้ เนื่องจากมีเหตุอันสมควร ให้แจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งต่อนายทะเบียนอำเภอ หรือนายทะเบียนท้องถิ่นที่ตนมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน โดยทำเป็นหนังสือซึ่งต้องระบุเลขประจำตัวประชาชน และที่อยู่ตามหลักฐานทะเบียนบ้าน ภายใน 7 วันก่อนวันเลือกตั้ง หรือภายใน 7 วันนับแต่วันเลือกตั้ง สามารถแจ้งด้วยตัวเอง หรือมอบหมายให้ผู้อื่นไปยื่นแทน หรือจัดส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียน

แจ้งเหตุที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ผ่านทางเว็บไซต์ แจ้งเหตุจำเป็นที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือผ่านทางแอปพลิเคชัน Smart Vote

เหตุจำเป็นที่ไม่อาจไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้
มีกิจธุระจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องเดินทางไปพื้นที่ห่างไกล
เจ็บป่วยและไม่สามารถเดินทางไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้
เป็นคนพิการหรือทุพพลภาพ หรือผู้สูงอายุและไม่สามารถเดินทางไปใช้สิทธิเลือกตั้งได้
เดินทางออกนอกราชอาณาจักร
มีถิ่นที่อยู่ห่างไกลจากที่เลือกตั้งเกินกว่า 100 กิโลเมตร
ได้รับคำสั่งจากทางราชการให้ไปปฏิบัติหน้าที่นอกเขตเลือกตั้ง
มีเหตุสุดวิสัยหรือเหตุอื่นที่ กกต. กำหนด
กรณีที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้แจ้งเหตุไว้แล้ว หากในวันเลือกตั้งเหตุดังกล่าวได้สิ้นสุดลง ผู้มีสิทธิเลือกตั้งสามารถไปใช้สิทธิเลือกตั้งที่หน่วยเลือกตั้งที่ตนมีสิทธิเลือกตั้งได้

หากไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้งจะถูกจำกัดสิทธิ ดังนี้
สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) หรือสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น (สถ./ผถ.) หรือสมัครรับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา (สว.)
สมัครรับเลือกเป็นกำนันและผู้ใหญ่บ้าน
เข้าชื่อร้องขอให้ถอดถอนสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น (สถ./ผถ.)
ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมือง และข้าราชการรัฐสภาฝ่ายการเมือง
ดำรงตำแหน่งรองผู้บริหารท้องถิ่น เลขานุการผู้บริหารท้องถิ่น ผู้ช่วยเลขานุการผู้บริหารท้องถิ่น ประธานที่ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่น ที่ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่น หรือคณะที่ปรึกษาผู้บริหารท้องถิ่น
การถูกจำกัดสิทธิ กำหนดเวลาครั้งละ 2 ปี นับแต่วันเลือกตั้ง

 


Share:

มวลอากาศเย็นกำลังแรง ปกคลุมไทยตอนบน ลมหนาวพัดแรง อุณหภูมิลดลง 2-4 องศา


เช้าวันนี้ (13 ม.ค.68) มวลอากาศเย็นกำลังแรง ยังแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้ลมหนาวยังคงพัดแรง อุณหภูมิยังลดลงได้ อาจลดลงไปถึงภาคใต้ตอนบน โดยภาคเหนือ ลดลง 2-4 ซ. ภาคอีสานลดลง 1-2 ซ. อากาศหนาวหลายพื้นที่ หนาวจัดยังคงเกิดขึ้นได้บริเวณยอดภู ยอดดอย ต้องเฝ้าระวังอากาศที่เปลี่ยนแปลง ระวังลมแรงและอากาศหนาวเย็น ส่วนภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้นบ้างและตกหนักบางแห่งบริเวณภาคใต้ตอนล่าง (ปัตตานี ยะลา นราธิวาส) คลื่นลมแรงขึ้น ระวังคลื่นซัดฝั่ง ชาวเรือต้องเฝ้าระวังเรือเล็กงดออกจากฝั่งโดยเฉพาะบริเวณอ่าวไทย

14 -15 ม.ค.68 มวลอากาศเย็นที่แผ่ลงมาปกคลุมมีกำลังอ่อนลงบ้าง ทำให้อุณหภูมิจะอุ่นขึ้น
16 - 18 ม.ค.68 ยังมีมวลอากาศเย็นกำลังค่อนข้างแรงเสริมลงมาอีกครั้ง ทำให้ทางตอนบนยังมีอากาศเย็นถึงหนาว ฤดูหนาวยังไม่สิ้นสุด ยังสามารถสัมผัสอากาศหนาวเย็นถึงหนาวได้ต่อเนื่องบริเวณภาคเหนือ ภาคอีสานตอนบน ถึงปลายเดือนมกราคม
ส่วนภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง ช่วง 15 - 17 ม.ค.68 และช่วงหลัง 19 -27 ม.ค.68 มวลอากาศเย็นที่แผ่ลงมาปกคลุมจะเริ่มมีกำลังอ่อนลง อุณหภูมิจะเริ่มอุ่นขึ้นแล้ว ทิศทางลมมีเปลี่ยนทิศทาง
(ข้อมูลนี้อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ ตามข้อมูลนำเข้าและประมวลผลใหม่ ใช้เป็นแนวทางประกอบการตัดสินใจและติดตามสภาพอากาศ)

Share:

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์