วันจันทร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2568

เก๋งชนท้ายซาเล้งจนขาดออกจากมอเตอร์ไซค์รถพังยับ แม่ลูกกระเด็นตกจากรถ ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย

 



 

        เมื่อเวลาประมาณ 19.40 น. วันที่ 14 ก.ย. 68 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เถิน ได้รับแจ้งว่าเกิดอุบัติเหตุรถยนต์เก๋งชนท้ายรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย บริเวณหน้าลานมัน หลักกิโลเมตรที่  4-5  เขตบ้านหวยโจ้  ถนนสายเถิน- ลี้  ต.นาโป่ง อ.เถิน จ.ลำปาง   หลังรับแจ้งจึงประสานร้อยเวรสอบสวน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัยนาโป่ง  สมาคมกู้ภัยลำปาง จุดเถิน เข้าตรวจสอบและให้การช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ 

        เบื้องต้นในที่เกิดเหตุพบผู้บาดเจ็บทั้งหมด 3 ราย รายแรกเป็นหญิงอายุ 44 ปี นอนอยู่ริมถนน มีแผลถลอกปอกเปิกตามร่างกาย  ส่วนอีก 2 ราย เป็นเด็ก อายุ 10 ขวบ และ  6 ขวบ  เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงรีบปฐมพยาบาล และนำทั้งหมดส่งรักษาที่โรงพยาบาลเถิน 

        จากการตรวจสอบพบรถซาเล้งอยู่บริเวณกลางถนน ภายในบรรทุกแตงไทยมาเต็มคัน แตงส่วนหนึ่งตกกระจัดกระจายอยู่บนพื้นถนน ส่วนรถจักรยานยนต์ กระเด็นลงไปอยู่ในพงหญ้าข้างทาง ได้รับความเสียหาย ยางหลังแตก ล้อบิดเบี้ยว ส่วนคู่กรณีเป็นรถยนต์เก๋ง มาสด้า สีเทา ไฟหน้ารถฝั่งได้ซ้าย และไฟเบอร์ด้านข้างแตกได้รับความเสียหาย ส่วนคนขับรถไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด

        เหตุการณ์ทราบว่า 3 แม่ลูกได้ขี่รถจักรยานยนต์พ่วงข้างไปรับแตงไปขาย และได้ขับมาตามเส้นทางดังกล่าว ซึ่งคาดว่ารถยนต์เก๋งที่ขับมาตามหลัง ไม่ทันเห็นรถจักรยานยนต์ของ 3 แม่ลูก เนื่องจากเส้นทางนี้มีไฟส่องสว่างเป็นบางช่วง จึงได้ชนท้ายเข้าอย่างจังดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ทำการสอบสวนสาเหตุอย่างละเอียดเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป



ภาพ ภาณุวัฒน์ วงศ์ยศ

 

Share:

ปภ.ลำปาง รายงานเกิดน้ำป่าหลาก 2 อำเภอ วังเหนือ-แจ้ห่ม ชาวบ้านได้รับผลกระทบ เกือบ 40 หลัง

 


          สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดลำปา รายงานเหตุการณ์น้ำป่าไหลหลาก เมื่อวันที่ 14 ก.ย.68 เวลา 01.00 น. ที่ผ่านมา  ทำให้มีบ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ  2 อำเภอ  3 ตำบล 4 หมู่บ้าน ได้แก่

          อ.วังเหนือ ต.วังซ้าย หมู่ 3 และหมู่ 7  รวมจำนวน 24  หลังคาเรือน และ ต.วังเหนือ หมู่ 5  มีลำเหมืองได้รับความเสียหาย 1 แห่ง   โดยนายทศพล จักรบุญมา นายอำเภอวังเหนือ มอบหมายให้นายเอกศักดิ์ บุญพา ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง พร้อมด้วยสมาชิก อส.กองร้อย อ.วังเหนือที่ 9  ร่วมกับสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดลำปาง สาขาวังเหนือ  , การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคอำเภอวังเหนือ , องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น , กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ  ร่วมตรวจสอบและให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยดังกล่าว  โดยได้มอบถุงยังชีพช่วยเหลือในเบื้องต้น


ขณะที่ อ.แจ้ห่ม ที่ ต.เมืองมาย หมู่ 5 ได้รับผลกระทบ 13 หลังคาเรือน ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าให้การช่วยเหลือในเบื้องต้นแล้วเช่นกัน  ซึ่งอำเภอและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จะได้ดำเนินการสำรวจและให้การช่วยเหลือตามอำนาจหน้าที่ต่อไป

ภาพ ที่ทำการปกครองอำเภอวังเหนือ , ที่ทำการปกครองอำเภอแจ้ห่ม

 

Share:

วันเสาร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2568

ตำรวจด่านกิ่วคอหมา สกัดจับแก๊งค้ายา รวบผู้ต้องหา 2 ราย ยึดเป้สะพาย-ถุงดำซุกยาบ้า 1.9 แสนเม็ด ส่วนอีก 1 รายวิ่งหนีหายเข้าป่า เร่งไล่ล่า

          สภ.แจ้ห่ม  ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.สมภพ สุภาพร  ผกก.สภ.แจ้ห่ม , พ.ต.ท.ปีติกร เพิ่มการ รอง ผกก.ป.ฯ  ชุดจับกุม เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำด่านตรวจกิ่วคอหมา สภ.แจ้ห่ม จว.ลำปาง นำโดย พ.ต.ท.เชี่ยวชาญชัย จิตเร็ว สวป.ฯ ร.ต.ท.ศิวฤทธิ์  มีแก้ว รอง สว.(สส).สภ.แจ้ห่ม, ร.ต.ต.จักริน แต้มดื่ม , ร.ต.ต.นิกร อกผาย , ด.ต.ณัฐวรรธน์ ละมูล , ส.ต.ต.มนตรี ศรีชัย  ร่วมกับจับกุมตัวผู้ต้องหา 2 ราย คือ  นายศรีศุกร์ อายุ 31 ปี นายจะแตะ  อายุประมาณ 40 ปี  รายที่3 คือนายจะหา อายุ 46 ปี  (หลบหนี)  พร้อมของกลาง ยาบ้าทั้งหมด 194,000  เม็ด   รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า เวฟ สีน้ำเงิน    จำนวน 2 คัน โทรศัพท์มือถือ  2 เครื่อง


            เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อวันที่ 12 ก.ย.68 ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 20.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แจ้ห่มฯ ปฏิบัติหน้าที่ด่านตรวจกิ่วคอหมา (ชุดตรวจยึด) ได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีการลักลอบนำยาเสพติด โดยลำเลียงออกมาทางถนนสายบ้านปางตุ้ม – บ้านหนองกอก  หมู่ 2  ต.แม่สุก  อ.แจ้ห่ม  จว.ลำปาง  ซึ่งเป็นทางเลี่ยงด่าน  จึงได้ไปตั้งจุดตรวจจุดสกัดยาเสพติดบนถนนดังกล่าว  ต่อมาเวลาประมาณ  20.10  น. ตรวจพบ แสงไฟจากรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า สีน้ำเงิน ทะเบียน จ.เชียงราย  แล่นผ่านมาโดยมีนายศรีศุกร์  เป็นผู้ขับขี่ จึงได้ให้สัญญาณหยุดรถและขอทำการตรวจค้น 
            ต่อมามีแสงไฟจากรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า สีน้ำเงิน ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ผ่านมาอีกคัน โดยมีชายสองคนขับขี่และซ้อนท้ายกันมา จึงได้ให้สัญญาณหยุดรถเพื่อขอทำการตรวจค้น ชายคนขับรถทราบชื่อภายหลังว่า นายจะหา  ได้เร่งเครื่องรถเพื่อหลบหนี ชุดจับกุมจึงได้คว้าตัวชายคนซ้อนท้ายไว้ได้ ทราบชื่อภายหลังว่าชื่อ นายจะแตะ  สัญชาติเมียนมาร์ จึงควบคุมตัวไว้ได้ พร้อมกระเป๋าเป้สีดำที่สะพายอยู่ที่ด้านหลัง 
             ส่วนผู้ต้องหาอีกคน ทราบชื่อนายจะหา ได้เร่งเครื่องรถจักรยานยนต์หลบหนีไป รถได้แฉลบลงข้างทางจึงได้จอดรถทิ้งไว้ และวิ่งหลบหนีเข้าป่าข้างทางไปได้  จึงไปตรวจสอบบริเวณที่รถจักรยานยนต์ที่ล้มแฉลบลง พบกระเป๋าเป้สีดำ แบบสะพาย จำนวน 1 ใบ และถุงพลาสติกสีดำมัดปากถุง จำนวน 1 ใบ จึงได้ตรวจยึดไว้แล้วนำตัวผู้ต้องหามายังด่านตรวจกิ่วคอหมา 
            จากนั้นได้ตรวจสอบกระเป๋าเป้แบบสะพาย สีดำ ที่นายจะแตะ สะพายที่ด้านหลัง พบยาบ้า ชนิดเม็ดกลมแบน สีส้มและสีเขียว บรรจุในถุงพลาสติกชนิดปิดเปิดถุงสีน้ำเงินและสีดำห่อหุ้มด้วยกระดาษไขสีเหลือง จำนวนประมาณ 74,000 เม็ด น้ำหนักประมาณ 9.1 กก. ส่วนกระเป๋าเป้แบบสะพาย สีดำ อีกใบที่นายจะหา ทิ้งไว้ข้างรถที่แฉลบลงข้างทาง พบยาบ้าชนิดเม็ดกลมแบน สีส้มและสีเขียว บรรจุในถุงพลาสติกชนิดปิดเปิดถุงสีน้ำเงินและสีดำห่อหุ้มด้วยกระดาษไขสีเหลือง จำนวนประมาณ 96,000 เม็ด น้ำหนักประมาณ 11.2 กก. และในถุงพลาสติกสีดำ พบยาบ้าชนิดเม็ดกลมแบน สีแดงและสีเขียว บรรจุในถุงพลาสติกชนิดปิดเปิดถุงสีน้ำเงินและสีดำห่อหุ้มด้วยกระดาษไขสีเหลือง จำนวนประมาณ 24,000 เม็ด น้ำหนักประมาณ 3.2 กก.  รวมเป็นยาบ้าทั้งสิ้นประมาณ  194,000 เม็ด  น้ำหนักประมาณ 23.5 กก. 
           สอบถามผู้ต้องหาทั้งสองคนยอมรับว่าเป็นยาบ้าของพวกตนจริง โดยนายศรีศุกร์ฯฃ และ นายจะแตะได้รับจ้างขนยาบ้าจากนายจะหา คนที่หลบหนีไปได้  ได้ค่าจ้างคนละ 10,000 บาท และ 5,000 บาท ตามลำดับ  จึงได้จับกุมตัวผู้ต้องหาพร้อมของกลาง นำส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
Share:

วันศุกร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2568

ธปท.ชี้แจงกรณีการแสดงผลยอดเงินในบัญชีติดลบ และการปลดอายัดบัญชีล่าช้า พบเกิดจาก 2 สาเหตุ

นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบการชำระเงินและคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ชี้แจงประเด็นที่มีกระแสข่าวลูกค้าได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์การแสดงผลยอดเงินในบัญชีติดลบและการปลดอายัดบัญชีล่าช้า นั้น

        กรณียอดเงินในบัญชีติดลบ ธปท. ได้เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริงจากธนาคารที่เกี่ยวข้องแล้ว พบว่าเกิดจาก 2 สาเหตุ คือ

          (1) เมื่อวันที่ 1 ก.ย. 2568 มีการปรับปรุงข้อมูลรายการเคลื่อนไหวของเงินฝากช่วงสิ้นวันไม่ครบถ้วน ส่งผลให้บัญชีเงินฝากจำนวนหนึ่งมียอดเงินคงเหลือไม่เป็นปัจจุบัน ซึ่งธนาคารได้แก้ไขให้ถูกต้องเสร็จสิ้นแล้วตั้งแต่วันที่ 2 ก.ย. 2568 ที่ผ่านมา โดย ธปท. ได้สั่งการให้ธนาคารดูแลลูกค้าที่ได้รับผลกระทบทุกราย รวมถึงได้เข้าตรวจสอบและติดตามให้ธนาคารมีมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในลักษณะนี้อีกในอนาคต ตลอดจนกำชับให้ทุกธนาคารมีมาตรการเชิงป้องกันเช่นกัน

          (2) เกิดจากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจแจ้งธนาคารให้อายัดเงินในบัญชีต้องสงสัย แต่เงินในบัญชีเหลือน้อยกว่าจำนวนเงินที่ตำรวจแจ้งให้อายัด ระบบจึงแสดงยอดเงินในบัญชีติดลบ ซึ่งแต่ละธนาคารมีแนวทางการแสดงข้อมูลที่แตกต่างกัน โดย ธปท. ได้สั่งการให้ธนาคารเร่งสร้างความเข้าใจกับลูกค้าให้ชัดเจนแล้ว

          สำหรับประเด็นการอายัดบัญชีต้องสงสัยเพื่อติดตามเงินกลับมาคืนผู้เสียหายให้ได้มากที่สุด ซึ่งอาจจะกระทบการทำธุรกรรมของประชาชนส่วนหนึ่ง นั้น ธปท. ธนาคารพาณิชย์ และหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องรับทราบปัญหาและอยู่ระหว่างเร่งปรับปรุงกระบวนการอายัดและการปลดอายัด ให้สามารถจัดการกับมิจฉาชีพและดูแลผู้เสียหายได้อย่างมีประสิทธิผล โดยไม่กระทบต่อผู้ใช้บริการปกติ รวมทั้งมีความรวดเร็วมากขึ้น โดยเฉพาะการปลดอายัดบัญชีกรณีผู้บริสุทธิ์

ทั้งนี้ หากประชาชนพบปัญหาในการใช้บริการทางการเงินและไม่ได้รับการแก้ไขอย่างทันท่วงทีจากสถาบันการเงิน สามารถติดต่อศูนย์รับเรื่องร้องเรียน ธปท. ที่หมายเลข 1213 โดย ธปท. จะเร่งให้สถาบันการเงินตรวจสอบและแก้ปัญหาอย่างเร็วที่สุด


Share:

คืนชีวิต “ม่อนหินฟู” สู้วิกฤตน้ำไร้ประปาหมู่บ้าน นานกว่า 10 ปี ที่ต้องขุดบาดาลสูบน้ำใช้เอง

 


กว่า 10 ปีที่ชาวบ้านม่อนหินฟู หมู่ 5 ตำบลสบป้าด อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง ต้องทนทุกข์กับปัญหาน้ำประปาไม่เพียงพอ น้ำไหลน้อยจนไม่สามารถอุปโภคบริโภคได้ หลายครัวเรือนจำใจซื้อน้ำกินน้ำใช้ ก๊อกน้ำ ฝักบัว และมิเตอร์น้ำเสียหายจากหินปูนอุดตันซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งหมดนี้เป็นผลพวงจากการที่พื้นที่ชุมชนตั้งอยู่บนภูเขาหินปูนและป่าเสื่อมโทรม ซึ่งรัฐบาลเคยจัดให้เป็นพื้นที่รองรับการอพยพเมื่อหลายสิบปีก่อน

  • ความทุกข์ยืดเยื้อยาวนาน

แม้ในปี 2563 ชาวบ้านนำโดย นางมะลิวรรณ นาควิโรจน์ ประธานเครือข่ายสิทธิผู้ป่วยแม่เมาะ จะสามารถขอรับงบประมาณจากกองทุนพัฒนาไฟฟ้า โรงไฟฟ้าแม่เมาะ มูลค่า 3.5 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงระบบประปาหมู่บ้าน แต่กลับติดขัดเมื่อองค์การบริหารส่วนตำบลสบป้าดในขณะนั้น ปฏิเสธการรับผิดชอบโครงการ โดยให้เหตุผลว่าไม่ใช่ทรัพย์สินของ อบต. และบุคลากรด้านช่างไม่เพียงพอ อีกทั้งยังติดปัญหาพื้นที่ป่าสงวนที่ไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างได้

  • ฝันที่กลายเป็นจริง

กระทั่งวันที่ 6 กันยายน 2568 ชาวบ้านม่อนหินฟูได้เฮ เมื่อ สำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 ลำปาง อนุญาตให้ใช้พื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่จาง จำนวนกว่า 2 งานเศษ สำหรับก่อสร้างเจาะบ่อบาดาล ทำให้ชุมชน 36 หลังคาเรือน มีโอกาสเข้าถึงน้ำสะอาดที่รอคอยมานาน

นางมะลิวรรณ เปิดใจว่า  กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ เราต้องต่อสู้ผ่านอุปสรรคมากมาย โดยเฉพาะเรื่องพื้นที่ป่า แม้เราจะถูกอพยพมานานแล้ว แต่ชาวบ้านยังไม่ได้รับเอกสารสิทธิ์ใด ๆ เลย ทุกอย่างติดขัดหมด กว่าจะได้ใบอนุญาตใช้พื้นที่ใช้เวลาถึง 5 ปี อยากฝากผู้มีอำนาจว่าชาวบ้านไม่ได้รุกป่า แต่รัฐต่างหากที่พาเราเข้ามาอยู่ในป่า

ด้าน นายชลธานี เชื้อน้อย ส.ส.เขต 3 พรรคประชาชน  กล่าวว่า ได้รับทราบปัญหาจากชาวบ้านมานาน และพยายามประสานงานกับ อบต.สบป้าด รวมถึงสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 จนสำเร็จ พร้อมย้ำว่าปัญหาของม่อนหินฟูเป็นเพียงหนึ่งในหลายพื้นที่ที่ติดข้อกฎหมายป่าสงวน ทำให้ประชาชนขาดโอกาสในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน

การเจาะบ่อบาดาลที่ม่อนหินฟูครั้งนี้ เป็นต้นแบบให้กับชุมชนอื่น ๆ ที่มีพื้นที่อยู่ในเขตป่าสงวน เราต้องต่อสู้ต่อไปเพื่อให้กฎหมายเอื้อต่อการใช้ประโยชน์ด้านสาธารณูปโภค ไม่ใช่ปล่อยให้ประชาชนต้องทุกข์ยากส.ส.เพียว กล่าว

การอนุญาตให้ใช้พื้นที่ป่าครั้งนี้ไม่เพียงแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำ แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของการคืนศักดิ์ศรีความเป็นอยู่ให้กับชุมชนเล็ก ๆ ที่ถูกละเลยมานานเกือบสองทศวรรษ บ่อบาดาลใหม่ของม่อนหินฟู จึงไม่ใช่เพียงแหล่งน้ำ แต่คือ น้ำแห่งชีวิตที่รดหัวใจชาวบ้านให้กลับมามีความหวังอีกครั้ง



Share:

วันพฤหัสบดีที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2568

ปักหมุดสร้าง “คาร์บอนเครดิต” ชุมชนถือกรรมสิทธิ์100% กฟผ.แม่เมาะ ปั้นโมเดลเปลี่ยนพลังงานสะอาดเป็นรายได้

โครงการ แม่เมาะเมืองน่าอยู่บิ๊กโปรเจคของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) แม่เมาะ  เดินหน้าสู่ปีที่ 4 พัฒนาเมืองต้นแบบ Smart City โดยมี 3 เสาหลักสำคัญ ได้แก่ Smart Environment, Smart Economy และ Smart Energy  หัวใจของโครงการอยู่ที่การส่งเสริมพลังงานสะอาดอย่างโซลาร์เซลล์ในชุมชน และองค์กรต่าง ๆ เพื่อช่วยลดก๊าซเรือนกระจก โดยมีเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกขององค์กรลง 30% ภายในปี 2573  รวมทั้งต่อยอดสู่การสร้างรายได้ผ่าน คาร์บอนเครดิต (Carbon Credit)

ปีที่ผ่านมา กฟผ.แม่เมาะ มุ่งพัฒนาพลังงานสะอาด และลดการใช้พลังงานในอำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง ผ่านการติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์ในหน่วยงานสำคัญ คือ โรงพยาบาลแม่เมาะ โรงเรียนแม่เมาะวิทยา ที่ว่าการอำเภอแม่เมาะ รวมถึงโซลาร์เซลล์ในพื้นที่ กฟผ. ได้แก่ ศูนย์ฝึกอบรมแม่เมาะ อาคารบล็อกประสาน และบริษัท นิคมชุมชนเกษตร จำกัด รวมทั้งสิ้น 6 พื้นที่ สามารถผลิตไฟฟ้าได้กว่า 459,956 kWh/ปี และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ 219 ตัน CO2 ต่อปี  ตลอด 7 ปี (พ.ศ. 2568 - 2574) ลดก๊าซเรือนกระจกได้มากกว่า 1,539 ตัน CO2

คาร์บอนเครดิต เป็นตัวชี้วัดสำคัญในการส่งเสริมการลดก๊าซเรือนกระจกและสนับสนุนการใช้พลังงานสะอาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโครงการ "แม่เมาะเมืองน่าอยู่"  กฟผ.แม่เมาะ  จึงเข้ามาเป็นผู้พัฒนาโครงการแบบรวมกลุ่ม (Bundling Project) เพื่อช่วยเหลือชุมชนในการดำเนินการ โดยคาร์บอนเครดิตที่ได้สามารถขายเพื่อสร้างรายได้เพิ่มเติม หรือเก็บไว้เป็นสินทรัพย์เพื่อชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของหน่วยงานในอนาคต 



ก้าวสู่ตลาดคาร์บอนเครดิต

นางฐิติพร สุภาษี หัวหน้าหน่วยพัฒนาโครงการ แม่เมาะเมืองน่าอยู่ เปิดเผยว่า การพัฒนานี้เป็นการต่อยอดแนวคิด Smart Energy สู่ Smart Environment โดยเน้นการใช้พลังงานสะอาดในชุมชน การใช้โซลาร์เซลล์ไม่เพียงช่วยลดก๊าซเรือนกระจก แต่ยังสามารถแปลงเป็นคาร์บอนเครดิตที่จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ในอนาคต ทำให้ชุมชนมีเศรษฐกิจที่เข้มแข็งขึ้น

ปัจจุบัน องค์กรบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก. หรือ TGO) กำหนดมาตรฐานและการรับรองคาร์บอนเครดิต โดยเปิดโอกาสให้โครงการที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสามารถนำคาร์บอนเครดิตนี้ไปซื้อขายในตลาด เพื่อสร้างรายได้หรือเก็บไว้ชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของหน่วยงานเอง

โครงการ แม่เมาะเมืองน่าอยู่จึงใช้รูปแบบ Bundling Project   ควบรวมหน่วยงาน 6 แห่ง เข้าด้วยกัน ประกอบด้วย โรงพยาบาลแม่เมาะ โรงเรียนแม่เมาะวิทยา  ที่ว่าการอำเภอแม่เมาะ ศูนย์ฝึกอบรมแม่เมาะ อาคารบล็อกประสาน  บริษัท นิคมชุมชมเกษตร จำกัด

แม้ กฟผ.แม่เมาะ ไม่ใช่หน่วยงานที่ขอรับรองคาร์บอนเครดิตใน จ.ลำปาง เป็นแห่งแรก  แต่ถือเป็นการควบรวม ระหว่างองค์กรภาครัฐ ชุมชน และเอกชน เป็นโครงการแรกของจังหวัดลำปาง รวมถึงภาคเหนือก็ว่าได้ 

 

7 ขั้นตอนสู่การรับรองคาร์บอนเครดิต

เส้นทางสู่การได้มาซึ่งคาร์บอนเครดิตมี 7 ขั้นตอน ตั้งแต่การจัดทำเอกสารโครงการ (Project Design Document) การตรวจสอบความใช้ได้ (Validation) การขึ้นทะเบียนโครงการ การติดตามและรายงานผล ไปจนถึงการทวนสอบ (Verification) และการรับรองขั้นสุดท้ายโดย อบก. เพียงแค่ขั้นตอนการตรวจสอบและทวนสอบ ต้องใช้ค่าใช้จ่ายสูงถึงประมาณ 200,000 บาท และต้องอาศัยหน่วยงานภายนอกในการตรวจสอบ (Third Party) ที่ อบก. กำหนดไว้ซึ่งมีเพียงไม่กี่แห่งในประเทศ

ขณะนี้โครงการนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น T-VER อย่างเป็นทางการจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2568 และได้ผ่านการทวนสอบจากมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงฯ เมื่อ 18 กรกฎาคม 2568 ขณะนี้อยู่ระหว่างรอการรับรองคาร์บอนเครดิต ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน ธันวาคม 2568 ซึ่งนั่นหมายความว่า ทั้ง 6 หน่วยงานในพื้นที่แม่เมาะจะสามารถเปิดการซื้อขายคาร์บอนเครดิตได้

ชุมชนถือกรรมสิทธิ์เต็ม 100%

กฟผ.แม่เมาะ ในฐานะผู้พัฒนาโครงการ เป็นผู้สนับสนุนค่าใช้จ่ายด้านการรับรองคาร์บอนเครดิตทั้งหมด แต่ได้กำหนดรูปแบบการแบ่งกรรมสิทธิ์ที่แตกต่างกันไป  หากเป็นหน่วยงานภาครัฐหรือชุมชนที่เข้าร่วม จะได้รับคาร์บอนเครดิต 100%  ส่วน บริษัท นิคมชุมชนเกษตร จำกัด ที่ร่วมโครงการ จะแบ่งครึ่งคาร์บอนเครดิตที่ได้กับ กฟผ.แม่เมาะ โมเดลนี้ทำให้ชุมชนและหน่วยงานที่ร่วมโครงการสามารถถือครองคาร์บอนเครดิตได้อย่างแท้จริง และเลือกได้ว่าจะขายคาร์บอนเครดิตเพื่อสร้างรายได้ หรือเก็บไว้เป็นสินทรัพย์ระยะยาว


ตลาดคาร์บอนเครดิต สินทรัพย์แห่งอนาคต

ปัจจุบันราคาคาร์บอนเครดิตในตลาด อบก. อยู่ที่ราว 250 บาทต่อตัน CO₂ และมีแนวโน้มสูงขึ้นจากความต้องการของบริษัททั้งหลายที่ไม่สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศได้ จึงต้องซื้อคาร์บอนเครดิตจากหน่วยงาน บริษัท ชุมชน ที่ได้รับการรับรอง T-Ver เพื่อลดภาระภาษีส่งออก

โรงพยาบาลแม่เมาะและหน่วยงานในพื้นที่ส่วนใหญ่ยังไม่ขายคาร์บอนเครดิตในทันที แต่เก็บไว้เป็นสินทรัพย์ เพราะเชื่อว่ามูลค่าจะเพิ่มขึ้นในอนาคตอย่างแน่นอน นางฐิติพรกล่าว

 

เป้าหมายสู่เมืองเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ

นางฐิติพร กล่าวว่า กฟผ.แม่เมาะ ตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 30% ภายในปี 2573 และใช้แม่เมาะเป็นพื้นที่ต้นแบบเมืองคาร์บอนต่ำ ขณะเดียวกันยังขยายแนวคิดคาร์บอนเครดิตไปสู่กิจกรรมอื่น ๆ เช่น แม่เมาะฮาล์ฟมาราธอน 2025 ที่มุ่งสู่การเป็นงานวิ่งที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral Event) 

โดยในปีนี้มีการซื้อคาร์บอนเครดิตจากหน่วยงานภายนอก และหากทาง อบก.มีการรับรองคาร์บอนเครดิตของทั้ง 6 หน่วยงานในพื้นที่แม่เมาะ ในปีหน้า กฟผ.แม่เมาะ มีแผนที่จะซื้อคาร์บอนเครดิตจากหน่วยงาน เพื่อสร้างระบบการซื้อขายคาร์บอนเครดิตในแม่เมาะ เป็นการสร้างรายได้ให้แก่ชุมชนอย่างแท้จริง

 

เตรียมนำโครงการโซลาร์ฟาร์ม เข้า T-VER

นอกจากการซื้อขายคาร์บอนเครดิตจะช่วยสร้างรายได้ให้กับชุมชน เสริมความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ พร้อมทั้งผลักดันแม่เมาะสู่การเป็นเมืองต้นแบบด้านพลังงานสะอาดและเศรษฐกิจสีเขียว ในอนาคต กฟผ. ยังมีแผนนำโครงการโซลาร์ฟาร์มแม่เมาะ ขนาด 38.5 เมกะวัตต์ เข้าสู่โครงการ T-VER  เพื่อขยายผลสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน

โครงการ 'แม่เมาะเมืองน่าอยู่' ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงการติดตั้งโซลาร์เซลล์เท่านั้น แต่มุ่งเน้นการสร้างระบบเศรษฐกิจใหม่ที่เชื่อมโยงพลังงานสะอาด สิ่งแวดล้อม และเศรษฐกิจเข้าด้วยกันอย่างครบวงจร

            ที่สำคัญ กฟผ.แม่เมาะ ได้มอบกรรมสิทธิ์คาร์บอนเครดิตให้กับชุมชนเต็ม 100% ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยให้ชุมชนสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มจากการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก อนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และก้าวสู่การเป็นเมือง Carbon Neutrality ในอนาคต สร้างต้นแบบการพัฒนาเมืองเพื่อสิ่งแวดล้อมที่สามารถขยายผลไปยังพื้นที่อื่นๆ ทั่วประเทศต่อไป

หมายเหตุ

TGO หรือ อบก.” คือ  องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) เป็นหน่วยงาน ที่ให้บริการ ดูแล และกำหนดมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับการวัด การรายงาน และการทวนสอบ และให้การรับรองปริมาณการปล่อยการลด และการชดเชยก๊าซเรือนกระจก รวมทั้งส่งเสริมการพัฒนาโครงการและการตลาดซื้อขายปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ได้รับการรับรอง

TGO จะเป็นผู้ให้การขึ้นทะเบียนโครงการ T-VER และรับรองปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ลดหรือกักเก็บได้จากโครงการ T-VER  เรียกว่า คาร์บอนเครดิตซึ่งสามารถนำไปใช้รายงาน ใช้ชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากองค์กร บุคคล การจัดงานอีเว้นท์ และจากการผลิตผลิตภัณฑ์ ได้

T-Ver  มีชื่อเต็มว่า โครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย (Thailand Voluntary Emission Reduction Program) “โครงการ T-VER” คือ กลไกลดก๊าซเรือนกระจกภายในประเทศที่ TGO พัฒนาขึ้นตั้งแต่ปี 2557

"คาร์บอนเครดิต" คือ ปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ลด/กักเก็บได้จากการดำเนินโครงการลดก๊าซเรือนกระจกผ่านกลไกลดก๊าซเรือนกระจกต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ มีหน่วยเป็นตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า และสามารถนำคาร์บอนเครดิตไปแลกเปลี่ยนหรือซื้อ-ขายเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ได้

 

Share:

(มีคลิป) เจ้าพ่อพญาวัง ศูนย์รวมใจชาววังเหนือ รอดปาฏิหาริย์หลังศาลถล่ม อัญเชิญประดิษฐานชั่วคราวที่วัดบ้านใหม่

ต้นไม้ใหญ่ล้มทับศาลเจ้าพ่อพญาวัง เจ้าเมืองพระองค์เดียวแห่งอำเภอวังเหนือ ที่ชาวบ้านเคารพนับถือ  ปาฏิหาริย์องค์เจ้าพ่อไม่เสียหาย นายอำเภอวังเหนือ อัญเชิญไปประดิษฐานที่วัดบ้านใหม่ ชั่วคราว
           เมื่อเวลาประมาณ 15.57 น. วันที่ 11 ก.ย.68 สมาคมกู้ภัยวังเหนือ ได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุต้นไม้ใหญ่ล้มทับศาลเจ้าพ่อพญาวัง บริเวณเทศบาลตำบลบ้านใหม่ อ.วังเหนือ จ.ลำปาง ได้รับความเสียหายทั้งหลัง เบื้องต้นยังไม่ทราบว่าองค์เจ้าพ่อได้รับความเสียหายหรือไม่ จึงขอความช่วยเหลือและร่วมตรวจสอบ 




          เบื้องต้นพบว่า ต้นไม้ได้ล้มลงมาทั้งต้น ทับโครงหลังคาของศาลเจ้าพ่อถล่มลงมาทั้งหมด กระเบื้องแตกกระจัดกระจาย ชาวบ้านนับร้อยคนได้มายังที่เกิดเหตุ เพื่อช่วยกันเข้าตรวจสอบองค์เจ้าพ่อพญาวัง เบื้องต้นไม่พบความเสียหาย มีเพียงฐานแตกเล็กน้อย ส่วนองค์เจ้าพ่อยังคงปกติไร้รอยขีดข่วนราวปาฏิหาริย์  จากนั้นทางเทศบาลตำบลบ้านใหม่และชาวบ้านได้ช่วยกันตัดต้นไม้ และชักลากลำเลียงออกจากพื้นที่  ก่อนที่จะใช้รถเครนมายกองค์เจ้าพ่อพญาวังที่ถูทับอยู่ออกมาจากศาล  
          ต่อมา นายทศพล จักรบุญมา นายอำเภอวังเหนือ พร้อมท่านปลัดอำเภอวังเหนือ นายกเทศบาลตำบลบ้านใหม่ พี่น้องประชาชนชาวอำเภอวังเหนือนับหลายนับร้อยคน  ได้ร่วมกันอัญเชิญเจ้าพ่อพญาวังไปประดิษฐานชั่วคราว ณ วัดบ้านใหม่  ระหว่างรอซ่อมแซมศาลใหม่ทั้งหมด 
        สำหรับ "เจ้าพ่อพญาวัง" เป็นเจ้าเมืองพระองค์แรกและพระองค์เดียวแห่งเมืองวัง ระหว่างปี พ.ศ.1700-1800   ศาลเจ้าพ่อพญาวัง ตั้งอยู่ที่เทศบาลตำบลบ้านใหม่ ต.วังเหนือ อำเภอวังเหนือ จังหวัดลำปาง
          เจ้าพ่อพญาวัง เป็นเจ้าพ่อที่ปกปักรักษาชาวอำเภอวังเหนือให้อยู่ดีมีสุข ในทุกๆปีประชาชนที่ศรัทธาในเจ้าพ่อพญาวังทั้งในจังหวัดลำปางและจังหวัดใกล้เคียง นิยมที่จะมาเลี้ยงแก้บน รดน้ำ ดำหัว ขอพร ในวันสงกรานต์ซึ่งถือเป็นวันปีใหม่ของชาวล้านนา โดยบางปีก็จัดพิธีบวงสรวงสักการะยิ่งใหญ่  

          ส่วนมากคนที่นิยมไปสักการะ หรือขอให้ประสบผลสำเร็จในหน้าที่ การงาน การเงิน คู่ครอง ก็มักจะประสบผลสำเร็จเสมอ จึงเป็นสถานที่ที่ศักดิ์สิทธิ์ที่คนในอำเภอวังเหนือให้การเคารพอย่างมาก สำหรับการแก้บน ก็มักจะมีหัวหมู น้ำส้มน้ำแดง รำถวาย ของหวานของคาว ที่นิยมนำไปแก้บน ประชาชนที่ผ่านมาวังเหนือแล้วอยากบน ขอหวย คนรัก หรืออื่นๆ ก็มักจะแวะเวียนมาสักการะท่านอย่างไม่ขาดสาย
ภาพ สมาคมกู้ภัยวังเหนือ 
Share:

สลด! ตาวัย 84 ขี่จยย.ถูกรถกระบะชนดับ คนขับเผยเหตุตัดหน้ากะทันหัน


เมื่อเวลา 14.10 น.วันที่ 11 ก.ย.68 ศูนย์วิทยุ 191 จ.ลำปาง รับแจ้งเหตุรถกระบะชนกับจักรยานยนต์ มีผู้เสียชีวิต บริเวณตรงข้ามปั๊มบางจาก  ถ.ลำปาง-งาว ต.พิชัย อ.เมืองลำปาง จึงประสานร้อยเวร สภ.เมืองลำปาง  แพทย์นิติเวช รพ.ลำปาง สมาคมกู้ภัยลำปาง ร่วมตรวจสอบ 

ในที่เกิดเหตุพบรถยนต์กระบะสีดำ นิสสันสีดำทะเบียน จ.ลำปาง จอดอยู่กลางถนนเลนขวา หน้ารถฝั่งขวามีร่องรอยชนยุบเสียหาย  และพบรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า รุ่นเก่า สีแดง ทะเบียน จ.ลำปาง  สภาพพังยับเยินอยู่กลางถนน มีเศษชิ้นส่วนรถและหมวกกันน็อคกระจัดกระจาย และพบร่างผู้เสียชีวิตกระเด็นตกอยู่ในร่องกลางถนน ห่างจากจุดพบรถประมาณ 10 เมตร  ทราบชื่อคือ นายสวิง ศฤงคาร อายุ  84 ปี  ที่อยู่ หมู่ 1 ต.พิชัย อ.เมืองลำปาง  


ด้านคนขับรถกระบะเป็นชายอายุประมาณ 45-50 ปี มีอาการตกใจ ให้การว่า ตนไปสั่งซื้อบล็อคเพื่อมาสร้างบ้านในพื้นที่ ต.พิชัย กำลังขับรถกลับบ้านย่าน ม.ราชภัฎลำปาง  ขณะนั้นรถจักรยานยนต์ได้พุ่งตัดหน้ามากะทันหัน จึงชนเข้าอย่างจัง 

ขณะที่ผู้เสียชีวิต พักอาศัยอยู่คนเดียว ส่วนครอบครัวอยู่ที่ จ.เชียงใหม่ โดยมีบ้านพักใกล้เคียงกับที่เกิดเหตุ คาดว่าออกมาทำธุระจึงประสบเหตุดังกล่าว  อย่างไรด็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสอบสวน พร้อมเก็บพยานหลักฐานเป็นกล้องหน้ารถยนต์กระบะคันเกิดเหตุ  เพื่อสอบสวนอย่างละเอียดต่อไป 

Share:

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์