วันพฤหัสบดีที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2568

กฟผ. เร่งปรับปรุงเสถียรภาพดินสไลด์ที่ทิ้งดินเหมืองแม่เมาะ เสริมความแข็งแรงของชั้นดิน กู้คืนระบบสายพานลำเลียงดิน หลังได้รับหนังสืออนุญาตจาก สอจ.ลำปาง


กฟผ. เร่งปรับปรุงเสถียรภาพ เสริมความแข็งแรงของชั้นดิน และจัดการระบายน้ำ กู้คืนระบบสายพานลำเลียงดิน หลังได้รับหนังสืออนุญาตจาก สอจ.ลำปาง ให้เข้าพื้นที่ พร้อมเร่งจัดทำแผนจัดการเปลือกดิน วางกรอบเวลาแก้ไขให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน ขณะที่ อธิบดี กพร. ถก 3 ประเด็นแก้ปัญหาดินสไลด์เหมืองแม่เมาะ ยกความมั่นคงทางพลังงานสำคัญลำดับแรก
.
นายสุชาติ ตุ่นแก้ว ผู้ช่วยผู้ว่าการเหมืองแม่เมาะ (ชชม.) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาดินสไลด์บริเวณพื้นที่ทิ้งดินเหมืองแม่เมาะ ว่า สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดลำปาง (สอจ.ลำปาง) ได้ส่งหนังสือแจ้งให้ความเห็นชอบเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2568 อนุญาตให้เข้าไปปรับปรุงพื้นที่บริเวณที่มีการสไดล์ ซึ่งก่อนหน้านี้มีข้อสั่งการให้หยุดกิจกรรมทำเหมืองบางส่วน ทั้งนี้ เพื่อดำเนินการปรับปรุงเสถียรภาพ เสริมความแข็งแรงของชั้นดิน จัดการระบายน้ำ และดำเนินการอื่นๆ ตามหลักวิศวกรรมเบื้องต้น โดยใช้เครื่องจักรขนาดเล็ก เช่น แบคโฮ แทรกเตอร์ เป็นต้น เพื่อดำเนินการติดตั้งแนวสายพานและเร่งกู้คืนระบบลำเลียงดิน และดำเนินการด้วยความรอบคอบ ระมัดระวังโดยคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ



สำหรับแผนงานและวิธีการแก้ไขผลกระทบจากดินสไลด์ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดทำแผนจัดการเปลือกดินพื้นที่จุดทิ้งดินนอกบ่อเหมืองโดยมีวิศวกรควบคุมรับรองให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน อยู่ระหว่างการประเมินร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้ง กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) หน่วยงานด้านวิศวกรรมปฐพี วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย (วสท.) หน่วยงานวิศวกรรมธรณีของ กฟผ. และผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมธรณี ทั้งนี้ กฟผ. จะต้องเร่งดำเนินการแก้ไขให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน หากเกิดความล่าช้าอาจส่งผลกระทบกับปริมาณถ่านหินลิกไนต์ที่ต้องส่งให้กับโรงไฟฟ้าแม่เมาะ ใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตกระแสไฟฟ้าได้
.
ส่วนแผนจัดการระบายน้ำโดยเฉพาะคลองผันน้ำที่โดนปิดทับนั้น ได้นำเสนอแผนไปแล้วเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2568 ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอความเห็นชอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่วนการติดตามตรวจสอบคุณภาพน้ำบริเวณอ่างตกตะกอนห้วยทราย สะพานหางฮุง และอ่างเก็บน้ำแม่เมาะ รายงานให้ กพร. สอจ.ลำปาง และสรข.3 เชียงใหม่ เดือนละ 1 ครั้ง หากคุณภาพน้ำเกินมาตรฐานห้ามปล่อยออกสู่ลำน้ำ ลำธาร ต้องปรับปรุงก่อน ซึ่ง กฟผ. ได้ติดตามตรวจสอบด้วยเครื่องแบบพกพาสัปดาห์ละ 2 ครั้ง พบว่าคุณภาพน้ำอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน



ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม ที่ผ่านมา นายอดิทัต วะสีนนท์ อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) และคณะสำนักงานอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ เขต 3 เชียงใหม่ (สรข.3 เชียงใหม่) สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดลำปาง (สอจ.ลำปาง) ลงพื้นที่ตรวจสอบความคืบหน้าการแก้ไขปัญหาเหตุการณ์ดินสไลด์บริเวณพื้นที่ทิ้งดินโครงการเหมืองแร่ถ่านหินลิกไนต์ของ กฟผ. โดยมี นางทวิวรรณ ด่านวิไล รองผู้ว่าการเชื้อเพลิง และผู้ที่เกี่ยวข้องร่วมให้ข้อมูล จากนั้น ได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์บริเวณจุดชมกิจกรรมเหมืองถ่านหินและที่ทิ้งดิน สันเขื่อนแม่ขาม และนิคมชุมชนเกษตรแม่เมาะ โครงการแม่เมาะเมืองน่าอยู่ (Mae Moh Smart City)
.
นายอดิทัต วะสีนนท์ อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) กล่าวว่า กพร. พร้อมสนับสนุนการดำเนินงานภายใต้อำนาจหน้าที่ โดยให้ความสำคัญ 3 ประเด็น คือ ความมั่นคงทางพลังงาน ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ซึ่ง กฟผ. ได้ให้ความร่วมมือกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องเป็นอย่างดีตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ดินสไลด์ สำหรับข้อสั่งการและการกำกับดูแลต่างๆ ที่ กฟผ. อยู่ระหว่างดำเนินการนั้น ในแต่ละขั้นตอนกระบวนการพิจารณาต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่ กพร. ตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดเป็นสำคัญ และต้องไม่กระทบกับการใช้ไฟของประชาชนด้วย ©
Share:

วันพุธที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2568

ตำรวจ สภ.แม่พริก จับยาบ้าล็อตใหญ่ รวม 8 ล้านเม็ด หลังโชเฟอร์รถบรรทุกส้มเขียวหวานเอะใจน้ำหนักผิดปกติ ขับเข้าด่านเอกซเรย์แม่พริก ขอให้ตรวจสอบเอง ตะลึงพบซุกซ่อนในตะกร้าผลไม้เพียบ


วันที่ 18 ธันวาคม 2568 นายวิวัฒน์ อินทร์ไทยวงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง พล.ต.ต.ภูมิปัญญ์ญา นวตระกูลพิสุทธิ์ ผบก.ภ.จว.ลำปาง   พ.ต.อ.ชัชชัย บรรหาร ผกก.สภ.แม่พริก   นายปิยะวุฒิ พิทักษ์บริบาล นายอำเภอแม่พริก  ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมยาเสพติดล็อตใหญ่ โดย สภ.แม่พริก จ.ลำปาง ร่วมกับ ศูนย์สกัดกั้นการลักลอบลำเลียงยาเสพติด ตำรวจภูธรภาค 5 และ ฝ่ายปกครอง อำเภอแม่พริก ของกลางยาบ้าจำนวน 800 มัด รวม 8,000,000 เม็ด 


สืบเนื่องจากวันที่ 13 ธันวาคม 2568 เวลา 02.30 น.  ที่อุโมงค์ X-ray ด่านตรวจค้นยาเสพติดแม่พริก หมู่ 5 ต.พระบาทวังตวง อ.แม่พริก จว.ลำปาง ขณะที่เจ้าหน้าที่ประจำด่านตรวจค้นยาเสพติดแม่พริก สภ.แม่พริก ตั้งด่านตรวจตามแผนตามแผนปฏิบัติการ สกัดกั้นยาเสพติด ภ.5 ได้มีนายเกรียงศักดิ์ ชาว จ.อ่างทอง ขับรถขี่รถบรรทุก ยี่ห้อฮีโน่ หมายเลขทะเบียน จ.สิงห์บุรี บรรทุกสินค้าส้มเขียวหวาน และมีนางสาวสุธิดา ภรรยา ผู้โดยสารมาด้วย เข้ามาที่ด่านตรวจค้นยาเสพติดแม่พริก แจ้งกับเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำด่านตรวจแม่พริก ว่าขอให้นำรถบรรทุกเข้าตรวจค้นด้วยเครื่อง X-ray เนื่องจากสงสัยสินค้าที่บรรทุกมาอาจมีสิ่งผิดกฎหมายซุกซ่อนอยู่ เนื่องจากตะกร้าที่บรรทุกมีน้ำหนักมาก รวมถึงผู้ว่าจ้างมีพฤติกรรมที่มีพิรุธ


จากการตรวจสอบบริเวณหลังรถ พบตะกร้าบรรทุกผลไม้มาเต็มค้นรถ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้นำรถคันดังกล่าวเข้า X-ray ผลปรากฏพบว่ามียาบ้าปะปนอยู่ในตะกร้าใส่ส้ม จำนวน 226 ตะกร้า จึงได้นำออกมาตรวจสอบอย่างละเอียด พบห่อยาบ้าสีเหลือง ประทับตรา 999  อัดแน่นอยู่ในตะกร้าโดยมีส้มเขียวหวานปิดบังไว้ด้านบน นับรวมได้ 800 ก้อน เป็นยาบ้าประมาณ 8,000,000 เม็ด  จึงได้ทำการตรวจยึดยาบ้าและรถยนต์บรรทุกนำส่ง พงส.สภ.แม่พริก เพื่อติดตามผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย 

ด้านนายเกรียงศักดิ์ ให้การว่า ได้รับจ้างขับรถคันดังกล่าว จากพื้นที่ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่  จะนำส่งที่ อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี  ตกลงค่าจ้างที่ 12,000 บาท  แต่ผิดสังเกต เนื่องจากรถมีน้ำหนักมากผิดปกติ จึงตัดสินใจขับเข้าด่านตรวจให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบยาบ้าดังกล่าว 

ขณะนี้ อยู่ระหว่างการขยายผลดำเนินคดีผู้เกี่ยวข้อง เครือข่ายนี้มีผู้ร่วมขบวนการ 5 คน เป็นเครือข่ายของกลุ่มลำเลียงยาเสพติดจากพื้นที่แนวชายแดนเข้าสู่พื้นที่ตอนในของประเทศ


Share:

ฝ่ายปกครองอำเภอวังเหนือ ผนึกกำลังตำรวจ สภ.วังเหนือ จับกุมผู้ต้องหาคดียาเสพติด 2 ราย ภายในพื้นที่ตำบลวังเหนือ ตรวจยึดยาบ้ารวม 102 เม็ด ทั้งสองรับสารภาพมีไว้จำหน่ายและเสพเอง

วันที่ 17 ธันวาคม 2568  เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอวังเหนือ ภายใต้อำนวยการโดยนายทศพล  จักรบุญมา นายอำเภอวังเหนือ  พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วังเหนือ นำโดย  พ.ต.อ.สมภพ  สุภาพรผกก.สภ.วังเหนือ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน สภ.วังเหนือ นำโดย พ.ต.ต.สุทธินันท์  เจริญอากานนท์ สว.สส.สภ.วังเหนือ ร่วมกับ กองร้อย อส.อำเภอวังเหนือที่ 9 ร่วมกันจับกุมผู้ต้องหา พ.ร.บ.ยาเสพติด

          รายแรก จับกุม นายเอ็ม อายุ 30 ปี ที่อยู่ หมู่ที่ 2 ตำบลวังเหนือ อำเภอวังเหนือ จังหวัดลำปาง  ข้อหาจำหน่ายโดยมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท ๑ (เมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์) อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนโดยไม่ได้รับอนุญาต, เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า ) โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย" 

หลังเจ้าหน้าที่สืบทราบว่านายเอ็ม  มีพฤติการณ์ลักลอบจำหน่ายและมั่วสุมเสพยาเสพติดติดที่บ้านพัก ชุดสืบสวน สภ.วังเหนือ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอวังเหนือ  ออกสืบสวนหาข่าวติดตามเรื่อยมาจนสืบทราบว่า นายเอ็มอยู่ที่บ้านจริง จึงอาศัยอำนาจเจ้าหนักงาน ปปส. เพื่อทำการตรวจ  ผลการตรวจค้น พบยาบ้าจำนวน 52เม็ด บรรจุอยู่ในขวดพลาสติกใส ฝาสีเหลือง ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าผ้าแบบคาดเอวสีดำวางอยู่บนที่นอน

นายเอ็ม รับสารภาพว่า ซื้อยาบ้ามาจากนายกอย (ไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง) ชาวบ้านห้วยวาด อ.แจ้ห่ม  ประมาณ 60 เม็ด ในราคา 1,000 บาท  และนำยาบ้าไปจำหน่ายและใช้เสพบางส่วน ซึ่งผลตรวจปัสสาวะเป็นบวก จึงคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.วังเหนือ เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

รายที่ 2  จับกุมนายเอี่ยว อายุ 39 ปี  ที่อยู่ หมู่ 7  ตำบลวังเหนือ อำเภอวังเหนือ  จังหวัดลำปาง  ข้อหา จำหน่ายโดยมีไว้เพื่อจำหน่ายซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์) อันเป็นการกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนโดยไม่ได้รับอนุญาต, เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า ) โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย"

ชุดสืบสวน สภ.วังเหนือ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอวังเหนือ  ร่วมกันเข้าตรวจสอบบ้านพักของนายเอี่ยวหลังได้รับแจ้งว่ามีพฤติการณ์ข้องเกี่ยวกับยาเสพติด  เมื่อไปถึงได้แสดงตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่  โดยนายเอี่ยวได้แสดงอาการ ลุกลี้ลุกลนอย่างเห็นได้ชัด  เมื่อทำการตรวจค้น พบยาบ้า จำนวน 50 เม็ด บรรจุอยู่ในถุงพลาสติก สีน้ำเงิน แบบรูดปิด ดึงเปิด ซุกซ่อนอยู่ในกระเป๋าผ้าแบบสะพายข้าง สีดำ-แดง แขวนอยู่บริเวณหน้าต่าง ภายในบ้านหลังที่เกิดเหตุดังกล่าว

นายเอี่ยวรับว่ายาบ้าที่พบดังกล่าวเป็นของตนจริง โดยซื้อมาจากนายรอน เป็นคนบ้านแม่เฮียว ต.วังเหนือ อ.วังเหนือ  จ.ลำปาง  ประมาณ 50 เม็ด ในราคา 1,200 บาท  และยังพบว่าในโทรศัพท์มีการติดต่อนายรอน ผ่านแอพพลิเคชั่น แมสเซนเจอร์ มีการเจรจาซื้อขายและโอนเงินครบ จึงคุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายและขยายผลต่อไป

 

Share:

วันอังคารที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2568

ตำรวจ สภ.แม่เมาะ จ๊ะเอ๋ชายวัย 57 ปี ขี่รถมอเตอร์ไซค์ท่าทางพิรุธ เรียกตรวจรับสารภาพเพิ่งเสพยาบ้า ตรวจค้นพบกระสุนปืนรวม 15 นัด ดำเนินคดีหลายข้อหาตามกฎหมาย

 

        วันที่ 16 ธ.ค. 68 โดยการอำนวยการสั่งการของ พ.ต.อ.ฤกษ์ชัย แสงสว่าง ผกก.สภ.แม่เมาะฯ  และ พ.ต.ท.ณัฐวุฒิ เพ็ชรตา รอง ผกก.สส.สภ.แม่เมาะ  ชุดสืบสวน สภ.แม่เมาะฯ นำโดย พ.ต.ต.ปิติภัทร  ธิติปัญญวัต  ร่วมกันจับกุมนายทัน  อายุ 57 ปีเศษ  ที่อยู่ หมู่ที่ 5 ต.นาสัก อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง  ข้อหา มีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต , ขับขี่ยานพาหนะ (รถจักรยานยนต์) เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย และ เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย

        ของกลาง กระสุนปืน ขนาด .45 จำนวน 5 นัด  กระสุนปืน ขนาด .380 จำนวน 9 นัด  กระสุนปืน ขนาด 9 มม. จำนวน 1 นัด  จับกุมได้บริเวณริมถนนสาธารณะ หมู่บ้านปงชัย หมู่ที่ 5 ต.แม่เมาะ อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง

        ก่อนเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับข่าวสารจากสายข่าว ว่า ที่บริเวณหมู่บ้านปงชัย หมู่ที่ 5 ต.แม่เมาะ อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง มีผู้มีพฤติการณ์เกี่ยวกับยาเสพติด (ยาบ้า) สร้างความเดือดร้อนรำคาญแก่ประชาชนทั่วไป จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงบริเวณถนนสาธารณะหมู่บ้านดังกล่าว พบ นายทัน ขับขี่รถจักรยานยนต์มาตามถนน ท่าทางมีพิรุธ เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อสอบถามถึงพฤติการณ์เกี่ยวกับยาเสพติด

            จากการสอบถาม นายทัน ยอมรับว่าเพิ่งเสพยาบ้ามาไม่นาน เจ้าหน้าที่จึงได้ขอทำการตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบ กระสุนปืน จำนวน 15 นัด สอบถาม นายอุทันฯ ยอมรับว่า กระสุนปืนที่เจ้าหน้าที่ตรวจค้นพบเป็นของตนเองจริง และตนไม่เคยได้รับอนุญาตให้มีและใช้กระสุนปืนจากนายทะเบียนมาก่อนแต่อย่างใด จากนั้นได้ทำการตรวจปัสสาวะของ นายอุทันฯ ผลเป็นบวกพบสารเสพติดในปัสสาวะ เจ้าหน้าที่จึงได้จับกุมตัวพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.แม่เมาะฯ ดำเนินคดีตามกฎหมาย

Share:

รวบแล้วมือยิงชายวัย 40 ปีดับกลางถนนหมู่บ้านแม่ทาน แม่ทะ ลำปาง ตำรวจคุมตัวพร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์ทำแผนประกอบคำรับสารภาพก่อนดำเนินคดี

 


ตำรวจ สภ.แม่ทะ  คลี่คลายคดียิงชายวัย 40 ปี เสียชีวิตกลางถนนหมู่บ้านแม่ทาน ล่าสุดรวบผู้ต้องหาชายวัย 58 ปี  พร้อมอาวุธปืนลูกซองไทยประดิษฐ์ อ้างยิงเพราะหวาดระแวง ก่อนคุมตัวทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย      

เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2568 เวลาประมาณ 00.20 น. ร.ต.ท.ธนกฤต มวงสุด รอง สว.(สอบสวน) สภ.แม่ทะ ได้รับแจ้งเหตุจากศูนย์วิทยุ สภ.แม่ทะ ว่ามีเหตุ คนถูกยิงเสียชีวิต บริเวณถนนสาธารณะในหมู่บ้านแม่ทาน หมู่ 9 ต.สันดอนแก้ว อ.แม่ทะ จ.ลำปาง จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น พร้อมกับแจ้งให้แพทย์เวรโรงพยาบาลแม่ทะ  และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน 5  ลำปาง  ร่วมกับชุดสืบสวน สภ.แม่ทะ ร่วมกันตรวจสถานที่เกิดเหตุ

จากการตรวจสอบพบร่างผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย อยู่ในสภาพ นอนตะแคงขวา มีเลือดออกบริเวณศีรษะ  ที่หน้าอกด้านขวามีบาดแผล ลักษณะเป็นรูกระสุนจำนวนหลายรู กระจายอยู่บริเวณหัวไหล่และหน้าอกขวา  และมีบาดแผลเป็นรูลูกกระสุนบริเวณศีรษะข้างขวาจำนวน 3 รู  พบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 110 ไอ สีน้ำเงิน ป้ายทะเบียน คจษ 555 ชลบุรี ล้มลงใกล้กับผู้เสียชีวิต และพบอาวุธปืนแก๊ปยาวไทยประดิษฐ์ จำนวน 1 กระบอก  ตกอยู่ใกล้กับผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ  ทราบชื่อผู้เสียชีวิตภายหลังคือ นายบุญเต็ม อายุ 40 ปี ที่อยู่ หมู่ที่ 1 ต.ร่องเคาะ อ.วังเหนือ จ.ลำปาง

จากการสอบสวน ผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านบริเวณใกล้เคียง เล่าว่า ได้ยินเสียงปืนใกล้ๆ บริเวณที่เกิดเหตุ จำนวน 4 นัด ยังไม่ทราบขนาดและชนิดของอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ   พ.ต.อ.พินิจ เนตรปัญญา ผกก.สภ.แม่ทะ จึงได้สั่งการให้ชุดสืบสวน สภ.แม่ทะ ดำเนินการสืบสวน กระทั่งสามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุไว้ได้เป็นชาย อายุ 58 ปี  ชาวบ้านแม่ทาน ต.สันดอนแก้ว อ.แม่ทะ จ.ลำปาง พร้อมกับอาวุธปืนลูกซองไทยประดิษฐ์ที่ใช้ก่อเหตุ   โดยอ้างว่าได้ยินเสียงรถเร่งเครื่องเสียงดัง กลัวจะมีคนเข้ามาทำร้ายและลักทรัพย์ จึงยิงข่มขู่ออกไป 




ต่อมา พ.ต.อ.คมสันต์  สอาดล้วน รอง ผบก.ภ.จว.ลำปาง  พร้อมด้วย พ.ต.อ.พินิจ เนตรปัญญา ผกก.สภ.แม่ทะ   พ.ต.ท.จิรเดช จันทร์อ่อน  รอง ผกก. (สอบสวน)  ร.ต.ท.ธนกฤต มวงสุด รอง สว.(สอบสวน)   ร่วมกันตรวจสอบที่เกิดเหตุ   พร้อมกับเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ได้นำตัวผู้ก่อเหตุมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ  ก่อนคุมตัวไปดำเนินดคีตามกฎหมายต่อไป

Share:

วันจันทร์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2568

นายอำเภอแจ้ห่มสั่งลุย! สนธิกำลังบุกยึดพื้นที่ป่าอ่างเก็บน้ำแม่ฟ้า ถูกลักลอบใช้จักรกลหนักแผ้วถางกว่า 4 ไร่


วันที่ 15 ธ.ค. 2568 เวลา 10.00 น. นายชาญ จูดคง นายอำเภอแจ้ห้ม ได้มอบหมายให้ฝ่ายความมั่นคง อ.แจ้ห่ม กองร้อย อส.อ.แจ้ห่ม ที่ 7 ร่วมกับบูณาการกับเจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าแม่มาย เจ้าหน้าที่สายตรวจปราบปรามพิเศษ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 สาขาลำปางเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 4 บก.ปทส. ประจำจังหวัดลำปาง เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ลป.11 (แม่ต๋า) เจ้าหน้าที่ตำรวจชป.ศปทส.ภ.จว.ลำปาง เจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปทส.ภ.5 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แจ้ห่ม ลงพื้นที่ตรวจยึดพื้นที่ป่าที่ถูกบุกรุก จำนวน 1 แปลง เนื้อที่รวมทั้งหมด 4-0-80 ไร่ แยกเป็นอยู่ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าแม่มาย จำนวน 4-0-5 ไร่ อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ต๋าและป่าแม่มาย จำนวน 0-0-75 ไร่ ณ บริเวณป่าอ่างเก็บน้ำแม่ฟ้า ท้องที่บ้านสบฟ้า หมู่ที่ 7 ตำบลแจ้ห่ม

ซึ่งคณะพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบพบพื้นที่ป่าไม้ถูกบุกรุกลักษณะเป็นการทำเส้นทางโดยไม่ทราบสาเหตุ พบร่องรอยการใช้เครื่องจักรกลหนักขุดตัดหน้าดินเลียบข้างลำห้วย มีความกว้าง ประมาณ 2-5 เมตร มีความยาวประมาณ 860 เมตร สภาพรอบพื้นที่มีการแผ้วถางไม้พื้นล่างและไม้ไผ่และได้มีการตัดฟันต้นไม้ขนาดเล็กที่ไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์หรือนำมาเป็นสินค้าได้จำนวนมาก คณะพนักงานเจ้าหน้าที่จะได้ดำเนินการโดยใช้ แบบจำลองสำหรับประเมินค่าเสียหายทางสิ่งแวดล้อมบางประการหลังการทำลายป่าไม้ และสอบผู้เกี่ยวข้องเป็นพยานต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรแจ้ห่ม เพื่อหาตัวผู้กระ
ทำผิดมาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป




Share:

ระทึก เพลิงไหม้อาคารพาณิชย์ หลังตลาดสมบูรณ์ ย่านใจกลางชุมชน อ.เกาะคา คนงานถูกไฟลวกเจ็บ 1ราย

          เมื่อเวลาประมาณ 16:36 น. ​วันที่ 15 ธันวาคม 2568 สภ.เกาะคา รับแจ้งเกิดเหตุเพลิงไหม้อาคารพาณิชย์เกาะคาสมบูรณ์ บริเวณหลังตลาดเกาะคาทางทิศใต้ของตลาด  พื้นที่เทศบาลตำบลเกาะคา อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง จึงประสานทางเจ้าหน้าที่งานป้องกันฯ เทศบาลตำบลเกาะคา ตำบลวังพร้าว ตำบลท่าผา ตำบลลำปางหลวง ตำบลไหล่หิน ประมาณ 6-7 คัน พร้อมทั้งดับเพลิงและกู้ภัยหลายหน่วยงานของ อ.เกาะคา ทั้ง อาสาสมัครกู้ภัยเกาะคา ,สมาคมกู้ภัยลำปาง จุดเกาะคา สมาคมกู้ภัยลำปาง ร่วมกันระงับเหตุ

           โดยที่เกิดเห็นเป็นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น 1 คูหา เลขที่ 63/1   เปิดเป็นร้านขายเนื้อหมู ชิ้นส่วนไก่ และอาหารแช่แข็ง โดยไฟได้ลุกไหม้บริเวณชั้น 3 ของอาคาร เจ้าหน้าที่ได้ระดมฉีเน้ำเร่งดับเพลิง ไม่ให้ลุกลาม เนื่องจากที่เกิดเหตุเป็นย่านชุมชมหนาแน่น ใกล้กับตลาด ซึ่งเป็นย่านเศรษฐกิจสำคัญของ อ.เกาะคา  โดยเจ้าหน้าที่ กฟภ. ได้เข้าทำการตัดไฟ จากนั้นจึงฉีดน้ำดับเพลิง ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จึงควบคุมเพลิงไว้ได้ เบื้องต้นมีผู้บาดเจ็บถูกไฟลวกที่มือ 1 ราย เป็นลูกจ้างร้านค้าดังกล่าว 
          จากการสอบถามทราบว่า ขณะเกิดเหตุไม่มีใครอยู่ที่ร้าน มีคนเป็นควันและไฟลุกขึ้นมาจากด้านบนของอาคารจึงพากันแจ้งขอความช่วยเหลือ  โดนหนุ่มลูกจ้างกลับมาพบเหตุพยายามจะเข้าไปเอาของจึงถูกไฟลวกบาดเจ็บดังกล่าว 
       ต่อมานายคมสัน ขวัญวงค์ นายกเทศมนตรีตำบลเกาะคา   ร.ต.อ.อุดม ตาใจ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เกาะคา  ได้เข้าตรวจสอบ เบื้องต้นคาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร จากห้องนอนชั้นบน  ซึ่งทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน 5 ลำปาง จะได้ร่วมตรวจสอบอย่างละเอียดต่อไป
Share:

วันอาทิตย์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2568

ย้อนเส้นทางการเมือง "มิ้ง รภัสสรณ์" กับการตัดสินใจก้าวเดินที่เด็ดเดี่ยว

มิ้ง รภัสสรณ์ นิยะโมสถ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ลำปาง เขต 4 จากพรรคประชาชน คือหนึ่งในนักการเมืองหญิงรุ่นใหม่ที่น่าจับตา ด้วยเส้นทางที่พลิกผันและน่าสนใจ  ตั้งแต่การเป็นผู้โค่นล้ม "บ้านใหญ่สายใต้" ตระกูล “จันทรสุรินทร์” จากการลงเลือกตั้งสนามใหญ่ครั้งแรก  จนถึงการประกาศเดินหน้าบนเส้นทางใหม่ด้วยเหตุผลของ  "ความสบายใจ"

  •  จุดเริ่มต้น : จากนักธุรกิจรุ่นใหม่สู่สนามการเมือง

มิ้ง รภัสสรณ์ จบการศึกษาระดับปริญญาโทบริหารธุรกิจ หลักสูตรผู้บริหาร จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่  ทายาทธุรกิจโรงแรมแม่วังรีสอร์ท  อ.เมืองลำปาง  มิ้งเริ่มเข้าสู่การเมืองระดับท้องถิ่น ในการทำงานร่วมกับกลุ่มลำปางพัฒนา ในตำแหน่งเลขาฯ  ก่อนจะผันตัวมาลงเลือกตั้งสนามใหญ่  แม้จะลงสนามการเมืองในฐานะผู้สมัครหน้าใหม่ แต่เธอก็ไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับคนลำปาง เนื่องจากได้ทำงานขับเคลื่อนกิจกรรมทางสังคมและการค้ามาอย่างต่อเนื่องในนาม YEC Lampang หอการค้าลำปาง ร่วมกับผู้ประกอบการคนรุ่นใหม่   

*แรงบันดาลใจในการเข้าสู่การเมืองของมิ้งเกิดจากความรู้สึกที่ว่า ลำปางเป็นเมืองที่ไม่หมุนตามกาลเวลา ประชาชนส่วนใหญ่ที่ทำงานภาคเกษตรกรรมกลับ "ทำมากได้น้อย" รายได้สวนทางรายจ่าย ทำให้แรงงานหนุ่มสาวต้องออกไปทำงานยังหัวเมืองใหญ่หรือต่างประเทศเพื่อหารายได้ เธอจึงตั้งใจที่จะอาสาเข้ามาเป็นทางเลือกให้ประชาชนได้มีโอกาสร่วมพัฒนาเมืองลำปาง

**พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลในขณะนั้น เคยชูจุดเด่นให้ "มิ้ง" เป็นเสมือน "ธาตุน้ำ" ที่จะนำพาความก้าวหน้ามาสู่ลำปางและประเทศชาติ ด้วยเหตุผลที่เธอมีความมุ่งมั่นตั้งใจติดตามปัญหาเรื่องน้ำท่วม น้ำแล้ง และผลักดันประเด็นสำคัญอย่าง พ.ร.บ.น้ำประปาสะอาด

(*,** สรุปข้อมูลจากเว็บไซด์มติชนอออนไลน์  https://www.matichon.co.th/politics/news_3990217) 


  • พลิกประวัติศาสตร์ : โค่นล้ม "จันทรสุรินทร์" บ้านใหญ่ 8 สมัย

ในการเลือกตั้งครั้งสำคัญ  มิ้ง รภัสสรณ์ สร้างปรากฏการณ์ด้วยการโค่นล้มตระกูลการเมืองที่เป็นบ้านใหญ่สายใต้ของลำปางอย่าง "จันทรสุรินทร์" ได้สำเร็จ ด้วยการลงสนามเลือกตั้งครั้งแรก ได้คะแนนเสียงถึง 47,027 คะแนน ทิ้งห่าง นายพินิจ จันทรสุรินทร์ อดีต ส.ส. 8 สมัย ที่ได้คะแนน 27,962 คะแนนเป็นชัยชนะอย่างขาดลอย ตอกย้ำถึงความต้องการการเปลี่ยนแปลงของพี่น้องชาวลำปาง


  • วิวาห์สะเทือนการเมือง : ประชาชนกับเพื่อไทย

เส้นทางชีวิตส่วนตัวของ ส.ส.หญิงผู้นี้ได้สร้างความฮือฮาครั้งใหญ่ในแวดวงการเมือง เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2568 มิ้ง รภัสสรณ์ นิยะโมสถ ส.ส.ลำปาง เขต 4 พรรคประชาชน เข้าพิธีวิวาห์กับ น๊อต ธนาธร โล่ห์สุนทร ส.ส.ลำปาง เขต 2 พรรคเพื่อไทย ลูกชายของนายไพโรจน์ โล่ห์สุนทร ส.ส.ลำปาง หลายสมัย

ส่วนงานฉลองมงคลสมรสที่จัดขึ้นในวันศุกร์ที่ 10 มกราคม 2568 ที่กรุงเทพฯ ยิ่งกลายเป็นจุดสนใจระดับประเทศ เมื่อภาพของ ทักษิณ ชินวัตร และ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ปรากฏร่วมเฟรมถ่ายภาพด้วยกันอย่างอบอุ่น ซึ่งถือเป็นภาพสัญลักษณ์ทางการเมืองที่สร้างความประหลาดใจให้กับทุกฝ่าย

  •  เส้นทางใหม่: ประกาศยุติบทบาทกับพรรคประชาชน

เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2568 หลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลง มิ้ง รภัสสรณ์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กแถลงการณ์ยุติบทบาทการทำงานในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และประกาศแจ้งให้ทราบว่า "มิ้งจะยุติการทำงานกับพรรคประชาชน"

เธอย้ำชัดเจนว่า การตัดสินใจครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะอุดมการณ์เปลี่ยน และ ไม่ใช่เพราะต้องการผลประโยชน์ใดๆ แต่เป็นเรื่องของ ความสบายใจของทุกฝ่าย ทั้งสมาชิกพรรค ทีมงานจังหวัด และคณะกรรมการบริหาร (กกบห.) พร้อมทั้งยืนยันว่า

"จากนี้ไป มิ้งขอเดินหน้าบนเส้นทางใหม่ ด้วยความตั้งใจเดิม ทำงานเพื่อประชาชนให้ดีที่สุด ไม่ว่าตำแหน่งหรือสังกัดจะเปลี่ยนไปอย่างไร"

การประกาศครั้งนี้เป็นไปพร้อมกับการสนับสนุนจากสามี น๊อต ธนาธร โล่ห์สุนทร ที่ได้แชร์โพสต์พร้อมข้อความให้กำลังใจว่า ทุกอย่างมีเหตุผลที่มาที่ไปเสมอเป็นกำลังใจให้ที่รักครับ อย่างไรก็ตาม มิ้งยืนยันว่าสามีไม่มีส่วนในการตัดสินใจ และเธอจะขอพิสูจน์ตัวเองด้วยผลงานและการทำงานเพื่อชาวลำปางอย่างต่อเนื่อง

             เส้นทางการเมืองของ  “มิ้ง รภัสสรณ์ นิยะโมสถ”  ยังไม่ปิดฉากลง การก้าวลงจากพรรคประชาชนและประกาศเดินหน้าบนเส้นทางใหม่  จึงเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญที่น่าติดตามว่า ส.ส.หญิงผู้โค่นล้ม “จันทร์สุรินทร์” แห่งบ้านดอยเงิน ผู้นี้จะนำพาการเมืองและพัฒนาการของจังหวัดลำปางไปในทิศทางใด

 

Share:

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์