วันศุกร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

คณะสงฆ์–ศิษยานุศิษย์ร่วมอัญเชิญสรีรสังขาร “หลวงปู่สมบูรณ์ กันตวัณโณ” ขึ้นสู่เมรุชั่วคราว สะท้อนศรัทธามหาชนต่อครูบาอาจารย์สายหลวงปู่มั่น

        วันที่ 22 พฤศจิกายน 2568 บริเวณศาลาวัดการุณยสามัคคี วัดป่าสำราญนิวาส อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง เต็มเปี่ยมด้วยบรรยากาศแห่งความสงบ สง่า และแรงศรัทธา เมื่อคณะสงฆ์พร้อมด้วยศิษยานุศิษย์จากหลายพื้นที่ พร้อมใจร่วมพิธีกราบขอขมากรรม ก่อนอัญเชิญสรีรสังขาร หลวงปู่สมบูรณ์ กันตวัณโณ ครูบาอาจารย์ผู้สืบสายธรรมหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ขึ้นสู่จิตกาธาน ณ เมรุชั่วคราวเพื่อเตรียมประกอบพิธีประชุมเพลิง


        ในเวลา 19.00 น. คณะสงฆ์และพุทธศาสนิกชนร่วมทำพิธีขอขมาอย่างสงบ  ก่อนรับฟังพระธรรมเทศนา 1 กัณฑ์ โดย พระครูอุดมภาวนาจารย์ (หลวงปู่ทองสุก อุตตรปญฺโญ) วัดอนาลโยทิพยาราม จังหวัดพะเยา จากนั้นพระสงฆ์ 10 รูปประกอบพิธีสวดมาติกาบังสุกุล ท่ามกลางแสงเทียนแห่งศรัทธาที่ส่องสว่างไปทั่วลานวัด



        สำหรับพิธีประชุมเพลิงสรีรสังขาร จะจัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน 2568 เวลา 13.00 น. โดย พระครูวิมลธรรมรัต (ศรีนวล วิมโล) ที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่ลำพูนแม่ฮ่องสอน (ธ) ขึ้นแสดงพระธรรมเทศนา ขณะที่ฝ่ายฆราวาสมี พล.ต.ต.วิชัย เชี่ยวเวช อดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดลำพูน เป็นประธาน พร้อมด้วยนายคมสันต์ ขวัญวงศ์ นายกเทศมนตรีเกาะคา คณะผู้บริหาร และสมาชิกสภาเทศบาลตำบลเกาะคา เข้าร่วมในพิธีด้วยความเคารพอย่างสูง

 


  • ประวัติอริยสงฆ์ผู้เปี่ยมเมตตา

        ลวงปู่สมบูรณ์ กันตวัณโณ อุปสมบทเมื่อปี พ.ศ. 2538 ณ วัดป่าสุทธาวาส จังหวัดสกลนคร โดยมี หลวงปู่มหาทองสุก สุจิตโต เป็นพระอุปัชฌาย์ และ หลวงปู่แว่น ธนปาโล เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ภายหลังได้จำพรรษาและศึกษาปฏิบัติธรรมกับท่านพ่อลี ธัมมธโร ณ วัดอโศการาม ก่อนจะขึ้นมาอยู่กับ หลวงปู่หลวง กตปุญฺโญ ณ วัดป่าสำราญนิวาส จังหวัดลำปาง และจำพรรษาอยู่เรื่อยมาจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต

         หลวงปู่ละสังขารอย่างสงบ เมื่อเวลา 03.51 น. วันอาทิตย์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568 ณ กุฏิวัดป่าสำราญนิวาส เป็นการละสังขารที่เปี่ยมด้วยความสงบ ไร้ซึ่งความเจ็บปวด ดุจผู้หลุดพ้นจากภาระแห่งสังสารวัฏ สิริอายุ 93 ปี 71 พรรษา

 

  • ขอเชิญพุทธศาสนิกชนร่วมบุญตามกำลังศรัทธา

        ผู้มีจิตศรัทธาสามารถร่วมทำบุญงานประชุมเพลิงสรีรสังขารหลวงปู่สมบูรณ์ กันตวัณโณ ผ่านบัญชีที่ดูแลโดยครูบาอาจารย์ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดป่าสำราญนิวาส และหลานของหลวงปู่

ธนาคารออมสิน 

เลขบัญชี: 020475740898 

ชื่อบัญชี: พระครูสมุห์ชำนาญ บุญธรรม และ นางสาวสุนิสาธินี ลักษณะประเสริฐ



Share:

ศูนย์วิจัยและพัฒนาวัสดุอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ เปิดรับสมัครงาน ตำแหน่ง เจ้าหน้าที่เทคนิคอุตสาหกรรม จำนวน 2 อัตรา เงินเดือน 12,000 - 15,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 19 - 28 พ.ย. 2568

ศูนย์วิจัยและพัฒนาวัสดุอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ มีความประสงค์จะรับสมัครบุคคลเพื่อปฏิบัติงานเป็นจ้างเหมาบริการ ตำแหน่ง เจ้าหน้าที่เทคนิคอุตสาหกรรม เงินเดือน 12,000 -15,000 บาท 

ตำแหน่ง เจ้าหน้าที่เทคนิคอุตสาหกรรม จำนวน 1 อัตรา เงินเดือน 12,000 บาท






-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตำแหน่ง เจ้าหน้าที่เทคนิคอุตสาหกรรม จำนวน 1 อัตรา เงินเดือน 15,000 บาท



เอกสาร ใบสมัครงาน




Share:

รัฐบาลคุมเข้ม เคาะเพดานค่าไฟ หอพัก - อพาร์ตเมนต์ ไม่เกิน 4.88 บาท/หน่วย

 


นายสันติ ปิยะทัต รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดปฏิบัติการ “Quick Big Win” กำหนดอัตราค่าไฟฟ้าอพาร์ตเมนต์ไม่เกิน 4.88 บาทต่อหน่วย เพื่อสร้างมาตรฐานสัญญาเช่าที่อยู่อาศัยให้เป็นธรรม พร้อมมอบหมายให้ ดร.อรุณ คงเจริญ ที่ปรึกษาฯ นำทีม สคบ. ร่วมกับเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงาน ลงพื้นที่อพาร์ตเมนต์รอบมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เพื่อขอความร่วมมือผู้ประกอบการในการกำหนดอัตราค่าน้ำค่าไฟอย่างเป็นธรรม

วันที่ 20 พฤศจิกายน 2568 ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี นายสันติ ปิยะทัต รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ ดร.อรุณ คงเจริญ ที่ปรึกษารัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการประชุมและลงพื้นที่รณรงค์เผยแพร่ประชาสัมพันธ์การทำสัญญาเช่าที่อยู่อาศัยกับผู้ประกอบการอพาร์ตเมนต์ย่านมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เพื่อเผยแพร่แนวทางสัญญาเช่าที่อยู่อาศัยที่ถูกต้อง พร้อมชี้แจงวิธีการคำนวณค่าน้ำประปาและค่าไฟตามประกาศคณะกรรมการว่าด้วยสัญญา เรื่อง ธุรกิจการให้เช่าอาคารเพื่ออยู่อาศัย พ.ศ. 2568 ซึ่งกำหนดให้การเรียกเก็บค่าน้ำประปาและค่าไฟต้องไม่เกินอัตราที่หน่วยงานรัฐกำหนด และห้ามบวกกำไรส่วนต่าง โดยกำหนดเพดานอัตราค่าไฟไม่เกิน 4.88 บาทต่อหน่วย เพื่อให้ประชาชน โดยเฉพาะนักศึกษาและผู้มีรายได้น้อย สามารถเข้าถึงสาธารณูปโภคในราคาที่เหมาะสมและเป็นธรรม

โดยมี นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) เจ้าหน้าที่ สคบ. หน่วยงานท้องถิ่น ตำรวจภูธรคลองหลวง และองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ร่วมลงพื้นที่ เพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับสัญญาเช่าที่เป็นธรรม

ดร.อรุณ เปิดเผยว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ ดำเนินการภายใต้นโยบายเร่งด่วน “Quick Big Win” ของรัฐบาลที่ต้องการลดค่าครองชีพและสร้างความเป็นธรรมให้ผู้บริโภค พร้อมส่งเสริมให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามมาตรฐานสัญญาเช่าที่อยู่อาศัยอย่างถูกต้อง

“รัฐบาลเลือกอพาร์ตเมนต์รอบมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เป็นพื้นที่นำร่อง ยกระดับมาตรฐานการเช่าที่อยู่อาศัยทั่วประเทศ เพราะมีหอพักและผู้เช่าเป็นจำนวนมาก สะท้อนปัญหาที่พบทั่วประเทศได้ชัดเจน และเชื่อมั่นว่านโยบายนี้จะสร้างบรรทัดฐานใหม่ ลดความขัดแย้งระหว่างผู้เช่ากับผู้ประกอบการ พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนอย่างแท้จริง” ดร.อรุณ กล่าว

ด้าน นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ เลขาธิการ สคบ. กล่าวเสริมว่า สคบ. พร้อมเดินหน้าตามนโยบาย โดยสั่งการให้เจ้าหน้าที่ทั้งส่วนกลางและภูมิภาค ประชาสัมพันธ์และกวดขันผู้ประกอบการเช่าที่พักอาศัย ให้ปรับปรุงสัญญาเช่าให้ถูกต้องตามมาตรฐานใหม่ เพื่อป้องกันการเอาเปรียบผู้บริโภค และสร้างความเข้าใจที่ตรงกันในการบังคับใช้กฎหมาย

ทั้งนี้ หากประชาชนพบสัญญาเช่าที่ไม่เป็นธรรม หรือถูกเรียกเก็บค่าน้ำค่าไฟเกินจริง สามารถขอคำปรึกษาได้ที่สายด่วน สคบ. 1166 หรือร้องเรียนผ่านแอปพลิเคชัน OCPB Connect เว็บไซต์ www.ocpb.co.th

Share:

กฟผ.แม่เมาะ นำตัวแทนชุมชน 16 หมู่บ้าน อบรมหลักสูตรทบทวนการมีส่วนร่วมตรวจสอบตรวจวัดด้านสิ่งแวดล้อมฯ ย้ำชัดการมีส่วนร่วมของชุมชนคือหัวใจสำคัญเพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืน

เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2568 ที่ อาคารนันทนาการ สนามกอล์ฟ กฟผ.แม่เมาะ อำเภอแม่เมาะ จังหวัดลำปาง นายธิติพันธ์ พงษ์รามัญ หัวหน้ากองสิ่งแวดล้อมเหมือง (กสม-ช.) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) แม่เมาะ เป็นประธานเปิดการอบรมตัวแทนชุมชนหลักสูตร “ทบทวนการมีส่วนร่วมของชุมชนในการตรวจสอบตรวจวัดด้านสิ่งแวดล้อม ประจำปี 2568” โดยมีตัวแทนชุมชน จาก 16 หมู่บ้าน ในพื้นที่ 4 ตำบล ประกอบด้วย ตำบลแม่เมาะ , ตำบลบ้านดง , ตำบลสบป้าด และตำบลนาสัก จำนวน 75 คน เข้าร่วมรับการอบรม โดยได้รับฟังการบรรยายสรุปหน้าที่ความรับผิดชอบของตัวแทน และการรายงานผลการตรวจวัด และกิจกรรมนันทนาการแบ่งกลุ่มเข้าฐาน 4 ฐาน ประกอบด้วย 1. ฐานการตรวจวัดเสียง 2.ฐานการตรวจวัดฝุ่นขนาดเล็ก PM10 3. ฐานการตรวจวัดแรงสั่นสะเทือนจากการระเบิด และ 4. ฐานการใช้งานเว็บไซต์การจัดการด้านสิ่งแวดล้อม  

นายธิติพันธ์ พงษ์รามัญ หัวหน้ากองสิ่งแวดล้อมเหมือง (กสม-ช.) เปิดเผยว่า กฟผ.แม่เมาะ  ให้ความสำคัญกับการดำเนินงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และการอยู่ร่วมกันกับชุมชนอย่างยั่งยืน จึงได้ริเริ่มโครงการตัวแทนชุมชนร่วมตรวจวัดค่าสิ่งแวดล้อม มาตั้งแต่ปี 2549 ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งการมีส่วนร่วมของชุมชนคือหัวใจสำคัญในการอยู่ร่วมกันระหว่าง กฟผ.แม่เมาะ และชุมชน

ทั้งนี้ ผลจากการดำเนินโครงการที่ผ่านมาแสดงให้เห็นว่า ชุมชนในพื้นที่อำเภอแม่เมาะ มีระดับความเชื่อมั่นและไว้วางใจในการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมของ กฟผ. เพิ่มสูงขึ้น ขอชื่นชมและยกย่องในความเสียสละของตัวแทนชุมชนทั้ง 75 คน ถือเป็นกลไกหลักและเป็นเครือข่ายด้านสิ่งแวดล้อมที่สำคัญของ กฟผ.แม่เมาะ ที่ทำให้การดำเนินงานของ กฟผ. มีความโปร่งใส และน่าเชื่อถือ

สำหรับการอบรมทบทวนในวันนี้มีเป้าหมายเพื่อติดอาวุธทางความรู้ เพิ่มพูนความรู้ความเข้าใจและยกระดับศักยภาพ มีความรู้ความเข้าใจในการตรวจสอบตรวจวัดและการรายงานผลที่ถูกต้องตามมาตรฐานวิชาการ และที่สำคัญสามารถนำความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องนี้ นำไปสื่อสารต่อยังชุมชนในแต่ละหมู่บ้านได้ตรงกันอย่างมีประสิทธิภาพ เพราะสิ่งแวดล้อม คือเรื่องของความเชื่อมั่น ซึ่งต้องอาศัยความรู้ความเข้าใจที่ตรงกันของทุกฝ่าย

ด้าน นายอนุวัต ลักษณะโยธิน หัวหน้าแผนกวิชาการสิ่งแวดล้อม (หวสม-ช.) กล่าวว่า การจัดอบรมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ตัวแทนชุมชนมีความรู้ความเข้าใจ ร่วมปฏิบัติงานในการตรวจสอบ ตรวจวัดค่าสิ่งแวดล้อมได้อย่างถูกต้อง และสามารถรายงานผลการตรวจวัดที่บอร์ดแสดงผลการตรวจวัดสิ่งแวดล้อมประจำหมู่บ้านได้อย่างถูกต้อง พร้อมกันนี้ ยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น และยังเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมให้ชุมชนได้มีส่วนร่วมในการดำเนินการของ กฟผ. เพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างยั่งยืนต่อไป 





Share:

วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

ผู้ว่าฯ ลำปางลงพื้นที่ตรวจความพร้อมสถานที่จัดสร้างพระเมรุมาศจำลอง เตรียมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ

        นายวิวัฒน์ อินทร์ไทยวงศ์ ผู้ว่าราชราชการจังหวัดลำปาง ลงพื้นที่ตรวจติดตามความพร้อมในการจัดสร้าง พระเมรุมาศจำลองประจำจังหวัดลำปาง เพื่อเตรียมการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง  ที่บริเวณ ลานเอนกประสงค์ มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง ซึ่งเป็นพื้นที่จัดสร้างพระเมรุมาศจำลองของจังหวัด  เมื่อวันที่ 18 พ.ย. 68 ที่ผ่านมา 


        ลงพื้นที่ร่วมกับ นายกฤษณะ พินิจ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง นายปกรณ์ กรรณวัลลี ปลัดจังหวัดลำปางนางสาวสุดาทิพย์ มูลอ้าย หัวหน้าสำนักงานจังหวัดลำปาง  คณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง  โยธาธิการและผังเมืองจังหวัดลำปาง  และ เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง

          โดยผู้ว่าราชการจังหวัดลำปางได้กำชับให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการเตรียมงานอย่างรอบคอบและสมพระเกียรติ พร้อมประสานความร่วมมือทุกภาคส่วนเพื่อให้การจัดสร้างพระเมรุมาศจำลองและการจัดพระราชพิธีเป็นไปอย่างเรียบร้อยสมบูรณ์ที่สุด




Share:

วันพุธที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

เทศบาลเมืองเขลางค์นคร ประชุมเตรียมการขอเปลี่ยนแปลงฐานะเทศบาลเมืองเขลางค์นคร เป็น “เทศบาลนครเขลางค์”

 

วันที่ 19 พฤศจิกายน 2568 ที่ผ่านมา นายไพฑูรย์ โพธิ์ทอง นายกเทศมนตรีเมืองเขลางค์นคร  เป็นประธานในการประชุมเตรียมการขอเปลี่ยนฐานะเทศบาลเมืองเขลางค์นคร เป็น เทศบาลนครพร้อมด้วยคณะผู้บริหาร และหัวหน้าส่วนราชการ ร่วมประชุมเตรียมการขอเปลี่ยนฐานะเทศบาลเมืองเขลางค์นคร เป็น เทศบาลนครณ ห้องประชุมมิ่งขวัญเขลางค์ ชั้น 2 สำนักงานเทศบาลเมืองเขลางค์นคร 


ทั้งนี้ สืบเนื่องจากมีการหารือกันในกลุ่มเทศบาล รวมทั้งหัวหน้าส่วนที่เกี่ยวข้อง จึงมีความเห็นร่วมกันว่าเทศบาลเมืองเขลางค์นครมีคุณสมบัติที่จะขอรับการเปลี่ยนแปลงฐานะ จากเทศบาลเมือง เป็นเทศบาลนครได้  โดยมีเกณฑ์กำหนดไว้คือ จะต้องมี ประชากร 50,000 คนขึ้นไป และมีรายได้เพียงพอในการบริการจัดการ  ซึ่งปัจจุบันเทศบาลเมืองเขลางค์ มีประชากรอยู่ประมาณ 58,000 คน  และมีรายได้เพียงพอที่จะปฏิบัติตามกฎหมายกำหนด


ซึ่งมติในที่ประชุมฯ เห็นชอบให้เปลี่ยนแปลงฐานะจาก เทศบาลเมืองเขลางค์นคร เป็น เทศบาลนครเขลางค์ซี่งการดำเนินการตามขั้นตอนต่างๆ จะมีการสำรวจเจตนารมย์ของประชาชนในเขตพื้นที่เทศบาลเมืองเขลางค์นคร ภายในระยะเวลา 2 ปี ก่อนครบวาระการดำรงตำแหน่ง (10 พฤษภาคม 2572 โดยดำเนินการตามขั้นตอนระเบียบกฎหมายที่เกี่ยวข้อง คาดว่าจะสามารถเสนอขอเปลี่ยนแปลงฐานะเป็น เทศบาลนครเขลางค์ได้ภายในปี พ.ศ.2572



Share:

กฟผ.แม่เมาะ เดินหน้า โครงการสนับสนุนเศษหิน เพื่อสาธารณประโยชน์ อ.แม่เมาะ ประจำปี 2568 ส่งเสริมงานด้านสาธารณประโยชน์ของชุมชน

เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2568 นายวีระศักดิ์ ทามิน ปลัดอาวุโสอำเภอแม่เมาะ เป็นประธานเปิดโครงการจัดการเศษหินเพื่อสาธารณประโยชน์ สาธารณภัย และภัยพิบัติ อ.แม่เมาะ ปี 2568 เพื่อส่งมอบเศษหินที่ไม่ใช้แล้วจากการทำเหมืองหินปูนของ กฟผ.แม่เมาะ ให้ชุมชนนำไปใช้สำหรับงานด้านสาธารณประโยชน์และบรรเทาภัยพิบัติในชุมชนพื้นที่ อ.แม่เมาะ โดยมี นายปณิธาน คันธิยะรัตน์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายการผลิตเหมืองแม่เมาะ (ช.อผม-1) พร้อมด้วย ผู้ปฏิบัติงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) แม่เมาะ เป็นผู้แทนส่งมอบ และมี ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้นำชุมชน ตำบลแม่เมาะ ตำบลสบป้าด และตำบลนาสัก เป็นผู้รับมอบ พร้อมร่วมปล่อยขบวนรถขนย้าย ณ ลานกอง เศษหิน B7 บริเวณตรงข้าม สวนพฤกษชาติ (ศาลาชมวิว) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) แม่เมาะ อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง
ทั้งนี้งานขนส่งเศษหินฯปี 2568 เริ่มดำเนินการขนส่งตั้งแต่วันที่ 18 พฤศจิกายน โดยบริจาคเศษหินรวม 19,000 ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ให้แก่ ตำบลสบป้าด จำนวน 3,276 ลูกบาศก์เมตร ตำบลแม่เมาะจำนวน 4,500 ลูกบาศก์เมตร ตำบลนาสักจำนวน 3,972 ลูกบาศก์เมตร และ จัดเป็นส่วนกองกลาง จำนวน 7,252 ลูกบาศก์เมตร โดยองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านดง และ องค์การบริหารส่วนตำบลจางเหนือ ไม่ประสงค์ขอรับการสนับสนุนเศษหิน




โครงการสนับสนุนเศษหินเพื่อสาธารณประโยชน์ สาธารณภัยและภัยพิบัติ อ.แม่เมาะ เป็นโครงการภายใต้แผนส่งเสริมการพัฒนาสาธารณูปโภคและคุณภาพชีวิตราษฎร อ.แม่เมาะ เริ่มดำเนินการ ครั้งแรกเมื่อปี 2562 ตามมติของคณะกรรมการบริหารจัดการเศษหินเพื่อสาธารณประโยชน์ สาธารณภัย และภัยพิบัติอำเภอแม่เมาะ ที่มีนายอำเภอแม่เมาะเป็นประธานคณะกรรมการอำนวยการ และมีปลัดอำเภอผู้รับผิดชอบประจำตำบลทั้ง 5 ตำบลเป็นประธานคณะอนุกรรมการกลั่นกรอง โดยเศษหินที่ กฟผ.แม่เมาะ บริจาคให้จะถูกนำไปใช้ซ่อมแซมถนนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากสาธารณภัยหรือใช้ในกิจการเพื่อสาธารณประโยชน์ภายในชุมชน ซึ่งระหว่างการขนย้ายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เน้นย้ำให้ผู้ขนย้ายเศษหินฯปฏิบัติตามมาตรการด้านความปลอดภัยอย่างเคร่งครัดเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุต่อชีวิตและทรัพย์สินของชุมชน
Share:

เผาทำลายยาเสพติดของกลาง ยาบ้า-ไอซ์-เคตามีนรวม 44 ตัน

กระทรวงสาธารณสุข ร่วมภาคีเครือข่าย เปิดปฏิบัติการ “Never Stop to Burn ทำลาย มั่นใจ ไม่เวียนขาย ไปทำลายสังคม” เผาทำลายยาเสพติดของกลางครั้งที่ 60 จาก 55,876 คดี น้ำหนักรวมหีบห่อ 44 ตัน มากที่สุดเป็น ยาบ้า ไอซ์ คีตามีน ไซบูทรามีนกว่า เฮโรอีน คลอรัลไฮเดรต และฝิ่น ส่วนภารกิจด้านการบำบัดฟื้นฟู ปี 2568 นำผู้ติดยาเสพติดเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษาแล้วกว่า 2.47 แสนคน ส่งกลับคืนสู่สังคมแล้วกว่า 1.5 แสนคน

             วันนี้ (19 พฤศจิกายน 2568) ที่ บริษัท อัคคีปราการ จํากัด (มหาชน) นิคมอุตสาหกรรมบางปู จังหวัดสมุทรปราการ นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานพิธีเผาทำลายยาเสพติดของกลางครั้งที่ 60 โดยมี นายแพทย์สมฤกษ์ จึงสมาน ปลัดกระทรวงสาธารณสุข พลตำรวจตรี สมบูรณ์ เทียนขาว รองผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เภสัชกรหญิงสุภัทรา บุญเสริม เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา พร้อมด้วย ภาคีเครือข่าย ได้แก่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กองทัพอากาศ กองทัพเรือ กองทัพบก สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด สำนักงานอัยการสูงสุด กรมศุลกากร กรมประชาสัมพันธ์ และกรมโรงงานอุตสาหกรรม ร่วมเป็นสักขีพยาน

          นายพัฒนา กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุข ได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายดำเนินการเผาทำลายยาเสพติดของกลางอย่างต่อเนื่อง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 60 ภายใต้ปฏิบัติการ “Never Stop to Burn ทำลาย มั่นใจ ไม่เวียนขาย ไปทำลายสังคม” มียาเสพติดของกลางที่ผ่านการตรวจรับและอนุมัติให้เผาทำลายจาก 55,876 คดี น้ำหนักรวมหีบห่อ 43,643 กิโลกรัม 203 กรัม เป็นน้ำหนักยาเสพติด 34,655 กิโลกรัม 680 กรัม 416 มิลลิกรัม มากที่สุดเป็น เมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า) กว่า 24,095 กิโลกรัม รองลงมา เมทแอมเฟตามีน (ไอซ์) กว่า 7,208 กิโลกรัม คีตามีน กว่า 1,642 กิโลกรัม ไซบูทรามีนกว่า 554 กิโลกรัม เฮโรอีน กว่า 478 กิโลกรัม คลอรัลไฮเดรต กว่า 306 กิโลกรัม ฝิ่นกว่า 160 กิโลกรัม และอื่นๆ ใช้เตาเผาขยะอันตรายด้วยเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ ประกอบด้วย เตาเผาชุดที่ 1 แบบหมุน (Rotary Kiln) อุณหภูมิมากกว่า 850 องศาเซลเซียส และเตาเผาซ้ำชุดที่ 2 แบบทรงกลมตั้ง อุณหภูมิมากกว่า 1,200 องศาเซลเซียส เพื่อให้มั่นใจว่าสารประกอบอินทรีย์อันตรายที่เกิดขึ้นถูกทำลายไปมากกว่า 99.99% ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และมีการตรวจสอบควบคุมสารมลพิษจากการเผาทำลายทุก 3 ชั่วโมง โดยจะทำการเผาต่อเนื่อง 36 – 38 ชั่วโมง 

          นายพัฒนากล่าวต่อว่า นอกจากภารกิจการเก็บรักษา การทำลาย การนำไปใช้ประโยชน์ และการรายงานยาเสพติด ซึ่งมีสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาเป็นผู้รับผิดชอบหลักแล้ว กระทรวงสาธารณสุขยังเป็นหน่วยงานหลัก ที่รับผิดชอบด้านการบำบัดรักษาฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด โดยดำเนินการต่อเนื่องร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในปีงบประมาณ 2568 ที่ผ่านมา ได้นำผู้ติดยาเสพติดเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษาทั้งรูปแบบผู้ป่วยนอก ผู้ป่วยใน การบำบัดโดยชุมชนเป็นฐาน (CBTx) มินิธัญญารักษ์ สถานฟื้นฟูภายใต้สถานพยาบาล และการต้องโทษ รวมกว่า 247,000 คน ได้รับการบำบัดครบกระบวนการและกลับคืนสู่สังคมแล้ว 150,000 คน

 


Share:

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์