วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

ตำรวจสืบสวน สภ.เมืองลำปาง บุกตรวจค้นรถไฟขบวนด่วน 52 รวบหนุ่มวัย 28 ปี ขณะลักลอบลำเลียงยาบ้าจากเชียงรายลงกรุงเทพฯ พบของกลาง 60,000 เม็ด ขยายผลยึดเพิ่มที่ศิลาอาสน์


เมื่อวันที่  25 พ.ย.2568 เวลาประมาณ  17.45 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองลำปาง  นำโดย พ.ต.ท.อรรถพร  อ๊อดผูก  รอง ผกก.สส.สภ.บ้านเสด็จ รรท.รอง ผกก.สส.สภ.เมืองลำปาง, พ.ต.ท.ธานี    ตันจันทร์กูล สว.สส.ฯ พร้อมเจ้าหน้าที่สืบสวน ร่วมกันจับกุมตัวนายยุทธนา หรือกอล์ฟ อายุ 28 ปี ที่อยู่ ม.1  ต.ด่านสวี  อ.สวี  จ.ชุมพร  พร้อมของกลาง  ยาบ้าทั้งหมดจำนวน 60,000  เม็ด โดยจับกุมตัวได้ที่ บริเวณชานชาลารถไฟ สถานีรถไฟนครลำปาง ต.สบตุ๋ย อ.เมืองลำปาง จ.ลำปาง

ก่อนการจับกุม เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งจากสายลับว่า จะมีการลักลอบลำเลียงยาเสพติดจากจ.เชียงใหม่ ไปยัง จ.กรุงเทพฯ ผ่านทางรถไฟ โดยชายชื่อนายกอล์ฟ รูปร่างสูงประมาณ 185 ซ.ม.  รถไฟขบวนดังกล่าวจะผ่านสถานีรถไฟนครลำปาง ในเวลาประมาณ 15.30 น.  หลังรับแจ้งจึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนเข้าตรวจค้นตามที่ได้รับแจ้ง  โดยได้ประสานเจ้าหน้าที่การรถไฟร่วมตรวจสอบ

เมื่อเดินทางไปถึงบริเวณที่เกิดเหตุ ได้รอจนรถไฟขบวน 52 ด่วน เข้ามาจอดเทียบชานชาลาสถานีนครลำปาง จึงร่วมกันไปตรวจสอบหานายกอล์ฟ และร่วมกันตรวจสัมภาระในชั้นวางของ กระทั่งพบเป้สะพายหลังสีเทา ต้องสงสัยว่าบรรจุยาบ้าอยู่ภายใน จึงได้สอบถามหาเจ้าของแต่ไม่ปรากฏว่ามีผู้ใดรับเป็นเจ้าของ  จาการตรวจสอบพบว่านายกอล์ฟได้ลงจากรถไฟไปพูดคุยโทรศัพท์  มีท่าทางพิรุธต้องสงสัย เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าไปหา นายกอล์ฟพยายามวิ่งจะหลบหนี แต่ถูกจับกุมไว้ได้  

จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้นำกระเป๋าเป้สีเทามาให้นายกอล์ฟดู ซึ่งนายกอล์ฟรับว่าเป็นกระเป๋าของตนเองได้นำมาไว้ เจ้าหน้าที่จึงเริ่มทำการตรวจค้นต่อหน้า และพบว่าเป็นยาบ้ารวม 60,000 เม็ด  นายกอล์ฟรับว่าเป็นของตนเองจริง โดยเมื่อวันที่ 24 พ.ย. 2568 ตนเองได้ไปรับยาบ้านี้มาจาก ต.แม่ยาว อ.เมืองเชียงราย จว.ลำปาง แล้วนั่งรถโดยสารจาก อ.เมืองเชียงราย มาที่ อ.เวียงป่าเป้า จว.เชียงราย แล้วต่อรถโดยสารมาที่ อ.เมืองเชียงใหม่  และในวันที่ 25 พ.ย. 2568 เวลาประมาณ 15.30 น. จึงขึ้นโดยสารรถไฟขบวน 52 ด่วน เชียงใหม่-สถานีกรุงเทพอภิวัฒน์ แล้วมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจค้นและถูกจับกุมดังกล่าว

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการขยายผล จึงประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจรถไฟเข้าตรวจค้นตรวจสอบที่สถานีเด่นชัย จนสามารถขยายผลการจับกุมได้พร้อมของกลางยาเสพติดจำนวนหนึ่งที่สถานีรถไฟศิลาอาสน์ จ.อุตรดิตถ์  จึงควบคุมตัว   นายยุทธนา หรือกอล์ฟ  พร้อมของกลางนำส่ง พงส.สภ.เมืองลำปาง ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป 

 

 

Share:

วันอังคารที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

โค้งสุดท้ายแล้วกับการชมความงามของ “ทุ่งดอกบัวตอง” กฟผ.แม่เมาะ เปิดพื้นที่ชมธรรมชาติ สัมผัสอากาศบริสุทธิ์ ถึง 30 พ.ย. นี้ ขณะที่เทศกาลท่องเที่ยวแม่เมาะ ครั้งที่ 21 เลื่อนเป็น 13-15 ธ.ค. 68

            โค้งสุดท้ายแล้วกับการชมความงามของทุ่งดอกบัวตอง และการเที่ยวชมธรรมชาติ สัมผัสอากาศบริสุทธิ์ที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) แม่เมาะ ได้เปิดพื้นที่สำหรับนักท่องเที่ยวระหว่างวันที่1-30 พฤศจิกายน 2568 ทั้งทุ่งดอกบัวตอง , สวนเฉลิมพระเกียรติฯ และสวนพฤกษชาติ กฟผ.แม่เมาะ

โดยทุ่งดอกบัวตองพื้นที่กว่า 250 ไร่ แลนด์มาร์คต้องห้ามพลาดยังคงออกดอกสีเหลืองอร่ามสวยงามแม้ว่าจะมีบางส่วนเริ่มร่วงโรยไปแล้วบ้างก็ตาม นอกจากนี้ ยังมีจุดถ่ายภาพประทับใจที่มาในธีมมาริโอรอต้อนรับจำนวน 3 จุด ซึ่งเปิดให้เข้าชมในช่วงเวลา 07.30 – 17.30 น.


ขณะที่ บริเวณสวนเฉลิมพระเกียรติฯ ก็ได้ประดับตกแต่งสถานที่อย่างสวยงาม ไม่ว่าจะเป็นอุโมงค์ ไม้ดอกไม้ประดับ , Sky Walk ชมวิวทุ่งบัวตองและบ่อเหมือง , หอคอยชมวิว , สระบัว , ศาลากลางน้ำ , ครอบครัวช้าง เป็นต้น ส่วนด้านหน้าทางเข้าก็ประดับประดาด้วยดอกไม้ , ลานสวนหิน , สวนญี่ปุ่นประดับด้วยเจดีย์ , ตุ๊กตาแมว , ต้นไผ่ญี่ปุ่น และต้นยางนา ต้นไม้ประจำ กฟผ. เปิดให้เข้าชมในช่วงเวลา 08.00 - 18.00 น.

            ส่วนบริเวณ สวนพฤกษชาติ กฟผ.แม่เมาะ สามารถเที่ยวชมได้ทั้งพิพิธภัณฑ์ศูนย์ถ่านหินลิกไนต์ ศึกษาฯ (เหมืองแม่เมาะ) , พิพิธภัณฑ์เครื่องจักรเก่า (ลานแสดงกลางแจ้ง) ที่ได้รวบรวมเครื่องจักรกลที่ใช้ทำเหมืองถ่านหินลิกไนต์ตั้งแต่เมื่อครั้งเปิดการทำเหมืองยุคแรก , ลานสไลเดอร์หนึ่งเดียวในประเทศไทยที่สามารถชมวิวบ่อเหมืองแบบ 180 องศา และร่วมสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 เปิดให้เข้าชมได้ในช่วงเวลาเข้าชม 08.00 – 20.00 น.

            สำหรับเทศกาลท่องเที่ยวแม่เมาะ ครั้งที่ 21 ประจำปี 2568 ที่เลื่อนการจัดงานเป็นวันที่ 13-15 ธันวาคม 2568 โดยได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบกิจกรรมให้มีความเหมาะสมนั้น ตลอดทั้ง 3 วัน นักท่องเที่ยวจะพบกับกิจกรรมทั้ง Mae Moh Cross Country Run 2025 , Egat Maemoh Festival Balance Bike 2025 , Egat Maenoh Cycling To Touch Local Life 2025 , แม่เมาะสไลเดอร์ , รถดอยท้าวัดใจ , Mae Moh Craft , OTOP กาดหมั้วคัวเมือง , คาราวาน Coffee & Food Truck , ม้าหมุนและรถไฟสำหรับหนูน้อย ,   โชว์บอลลูนแฟนซีตั้งแต่เวลา 16.00 - 19.00 น. และกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย

            ในช่วงค่ำ จะได้รับชมการแสดงชุดพิเศษน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันล้นพ้นของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ปิดท้ายด้วยการแสดงจากศิลปิน ในวันที่ 13 ธันวาคม พบกับ “ไท ธนาวุฒิ” และ “เต๋า ภูศิลป์” , วันที่ 14 ธันวาคม พบกับ “ก้านตอง ทุ่งเงิน” และ “เขียนไขและวานิช” ปิดท้ายวันที่ 15 ธันวาคม พบกับ “ไผ่ พงศธร” และ “ปราง ปราทิพย์”

ทั้งนี้ กฟผ.แม่เมาะ ขอความร่วมมือนักท่องเที่ยวทุกท่านร่วมแต่งกายสุภาพไว้ทุกข์ แสดงความอาลัยถวายแด่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สำหรับรายละเอียดกิจกรรมและการจัดงานต่างๆ ติดตามเพิ่มเติมได้ทาง Facebook Fanpage เทศกาลท่องเที่ยวแม่เมาะ : https://www.facebook.com/maemohfestival 

 

 

Share:

เกิดเหตุสลด! พบหนุ่มถูกรถไม่ทราบชนิดชน ทับร่างไถลไปบนถนนเสียชีวิต คู่กรณีหลบหนี ตำรวจเร่งสอบสวนหาสาเหตุและติดตามผู้ก่อเหตุ

 

เมื่อเวลา 00.20 น. วันที่ 26 พ.ย.68  เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เกาะคา ได้รับแจ้งว่าเกิดอุบัติเหตุรถชนคนเดินถนนเสียชีวิต บริเวณ กิโลเมตรที่ 679 ขาเข้าลำปาง ใกล้เคียงตำรวจทางหลวงเกาะคา ต.นาแส่ง อ.เกาะคา จ.ลำปาง จึงประสานร้อยเวรสอบสวน สภ.เกาะคา แพทย์นิติเวช รพ.เกาะคา และสมาคมอาสาสมัครกู้ภัยเกาะคา กู้ภัย อบต.นาแส่ง  ร่วมตรวจสอบ

          ในที่เกิดเหตุพบร่างผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย สภาพศพนอนคว่ำหน้า ศีรษะถูกรถทับจนเละไม่สามารถจำใบหน้า ขาทั้งสองข้างหักพับมาถึงหน้าอก ตรวจสอบภายในตัวไม่พบเอกสารหลักฐานบ่งบอกว่าเป็นใคร พบเพียงรอยสักตามร่างกาย เจ้าหน้าที่จึงถ่ายภาพไว้เป็นหลักฐาน   นอกจากนั้นยังพบกองเลือดห่างออกไปประมาณ 2 เมตรและมีร่องรอยการถูกชนและไถลไปกับพื้นถนน ซึ่งไม่พบรถคู่กรณี ไม่ทราบว่าถูกรถชนิดใดเฉี่ยวชน 


          ต่อมาทราบว่าผู้เสียชีวิตเป็นชายอายุ 17 ปี ชาวบ้านป่าแข ต.นาแก้ว อ.เกาะคา  เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ติดต่อญาติเพื่อรับร่างไปดำเนินการทางศาสนา  ส่วนสาเหตุอยู่ระหว่างการสอบสวน

Share:

กฟภ.ลำปาง แจ้งพื้นที่ดับไฟฟ้า อ.เมืองลำปาง วันที่ 27-30 พฤศจิกายน 2568

วันพฤหัสบดีที่  27  พฤศจิกายน  2568

  • แก้ไขอุปกรณ์ชำรุด และตัดต้นไม้ใกล้แนวระบบจำหน่ายแรงสูง ป้องกันหตุไฟฟ้าขัดข้อง   ( เวลา 09.0016.00 น. ) 

        พื้นที่ไฟฟ้าดับ  บ้านทุ่งกู่ด้าย ไลน์ระบบจำหน่าย สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย เพื่อการศึกษา จังหวัดลำปาง  และบ้านป่าเหียง (บางส่วน)

 


วันเสาร์ที่  29  พฤศจิกายน  2568  

  • แก้ไขอุปกรณ์ชำรุด และตัดต้นไม้ใกล้แนวระบบจำหน่ายแรงสูง ป้องกันหตุไฟฟ้าขัดข้อง   ( เวลา 09.0016.00 น. ) 

        พื้นที่ไฟฟ้าดับ ตั้งแต่ ปากทางบ้านฮ่อง ถึง ปลายสาย บ้านโป่งหลวงและบ้านปง บ้านฮ่อง  บ้านห้วยลึก บ้านแม่เฟือง บ้านสัก บ้านปง  บ้านโป่งหลวง


 

วันอาทิตย์ที่  30  พฤศจิกายน  2568 

  • ปรับปรุงระบบจำหน่ายแรงสูง เชื่อมต่อระบบจำหน่ายไฟฟ้าเคเบิ้ลใต้ดิน    ( เวลา 08.3016.30 น. ) 

        พื้นที่ไฟฟ้าดับ  บ้านเอื้ออาทรหลวงพ่อฯ , หมู่บ้านลำปางวิลล์ ,หมู่บ้านลานนาริช , หมู่บ้านประตูม้าวิลล่า ,บ้านวังหม้อพัฒนา , บ้านวังหม้อเจดีย์ซาว ซอย 1 ,  บ้านวังหม้อตั้งแต่วัดวังหม้อ ถึงสุสานไตรลักษณ์

        พื้นที่ไฟฟ้าดับ 2 ช่วงเวลา  ถนนประตูม้า ตั้งแต่กำแพงเมืองถึงแยกโรงไม้ประสาน , ชุมชนท่าต้นเกี๋ยง , ชุมชนช่างแต้ม , ถนนวังโค้งตั้งแต่แยกโรงไม้ประสานถึงแยกม้าขาว , ชุมชนแจ่งหัวริน  , ถนน พระเจ้าทันใจ ตั้งแต่แยกม้าขาว ถึงศูนย์กำจัดขยะมูลฝอย อบจ.ลำปาง  , ชุมชนหนองละคร , หมู่บ้านสายลมจอย , บ้านหนองระเจ้าทันใจ , หมู่บ้านพรประสิทธิ์ , บ้านแพะกู่คำ , บ้านสันป่าลาน  และบ้านสันติธรรม


        ทั้งนี้ หากพื้นที่บริเวณที่ดับกระแสไฟฟ้าปฏิบัติงาน มีผู้ป่วยติดเตียงต้องการใช้กระแสไฟฟ้าสำหรับเครื่องมือทางการแพทย์ โปรดแจ้ง PEA ลำปาง ก่อนล่วงหน้า เพื่อติดตั้งเครื่องสำรองไฟฟ้า หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ เบอร์ 054-251102

Share:

กลุ่มจั่งฟ้อนวัฒนธรรมนครลำปาง รวมพลังฟื้นฟูภูมิปัญญาล้านนา ซ้อมใหญ่ฟ้อนเล็บ ถวายหลวงพ่อเกษม เขมโก ในงานชาตกาล 113 ปี

 

เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2568 ที่สนามด้านหน้ามิวเซียมลำปาง กลุ่มจั่งฟ้อนวัฒนธรรมนครลำปาง ซึ่งเป็นการรวมตัวของช่างฟ้อนจิตอาสาจากทั้ง 13 อำเภอของจังหวัดลำปาง ได้ร่วมกันซ้อมใหญ่การแสดงฟ้อนเล็บ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาแด่หลวงพ่อเกษม เขมโก ในงาน บุญตามรอยศรัทธาไหว้สาอริยสงฆ์เจ้า หลวงพ่อเกษม เขมโกเนื่องในโอกาสครบรอบชาตกาล 113 ปี โดยงานจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27–29 พฤศจิกายน 2568 ณ สถานปฏิบัติธรรมหลวงพ่อเกษม เขมโก ตำบลต้นธงชัย อำเภอเมืองลำปาง  ซึ่งกิจรรมการฟ้อนเล็บถวายจัดขึ้นวันที่ 27 พฤศจิกายน 2568  

นางประภาศรี ชัยยานนท์ ประชาสัมพันธ์กลุ่มจั่งฟ้อนวัฒนธรรมนครลำปาง กล่าวว่า กิจกรรมฟ้อนเล็บถวายหลวงพ่อเกษมจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เดิมดำเนินงานในนามกลุ่มฮอมบุญฮอมฮัก แต่ในปีนี้ได้มีการรวมตัวอย่างยิ่งใหญ่ขึ้นของช่างฟ้อนทั้ง 13 อำเภอ และจัดตั้งเป็น กลุ่มจั่งฟ้อนวัฒนธรรมนครลำปางโดยมีนางก้อนใจ ศรีไชยยานุพันธ์ เป็นประธานกลุ่ม พร้อมขึ้นทะเบียนเครือข่ายวัฒนธรรมกับสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดลำปางอย่างเป็นทางการ เพื่อสืบสาน อนุรักษ์ และฟื้นฟูภูมิปัญญา ประเพณี และศิลปวัฒนธรรมล้านนาให้คงอยู่ต่อไป

ปีนี้มีช่างฟ้อนเข้าร่วมกว่า 500 คน จากเดิมประมาณ 300 คน ทุกคนจะร่วมการแสดงฟ้อนเล็บพร้อมเพรียงกันในชุดสีขาว ห่มสไบสีเขียว เพื่อฟ้อนต้อนรับขบวนช้างและม้าที่จะเคลื่อนเข้าสู่งานเป็นขบวนแรก นอกจากนี้ ยังได้รับเกียรติจากประธานสภาวัฒนธรรมจังหวัดนครปฐม นำคณะจำนวน 50 คน เดินทางมาร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านวัฒนธรรม และร่วมฟ้อนกับกลุ่มจั่งฟ้อนนครลำปางในวันที่ 27 พฤศจิกายนนี้ด้วย

การฟ้อนเล็บถือเป็นอัตลักษณ์สำคัญของล้านนา สะท้อนความงดงามของวัฒนธรรมภาคเหนือ นางประภาศรีเชิญชวนประชาชนและนักท่องเที่ยวร่วมงานบุญตามรอยศรัทธาในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2568 เพื่อร่วมอนุรักษ์วัฒนธรรมและส่งเสริมการท่องเที่ยวจังหวัดลำปางให้คึกคักยิ่งขึ้น.

Share:

วันจันทร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

ไฟไหม้บ้านวอดทั้งหลัง ที่บ้านเขาซ้อน ต.ไหล่หิน อ.เกาะคา จนท.เร่งตรวจสอบสาเหตุ

 

        วันที่ 24 พฤศจิกายน 2568 เวลาประมาณ 20:45 น. ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชนอย่างรุนแรง ที่บ้านเลขที่ 191 หมู่ 1 ตำบลไหล่หิน อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง ซึ่งเป็นบ้านของ นายกล้าณรงค์ (ปอน) คำเมืองใจ ​โดยเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเหตุทางวิทยุจากสถานีตำรวจภูธรเกาะคา จึงเร่งระดมกำลังเจ้าหน้าที่ดับเพลิงพร้อมรถน้ำ จากเทศบาลตำบลศาลา,เทศบาลตำบลลำปางหลวง ,อบต.ใหม่พัฒนา ,เทศบาลตำบลท่าผา ,เทศบาลตำบลวังพร้าว ,เทศบาลตำบลเกาะคา และเทศบาลตำบลนาแส่ง รุดเจ้าดับไฟ

     โดยในที่เกิดเหตุพบเพลิงกำลังโหมลุกไหม้อย่างรุนแรง เนื่องจากเป็นบ้านไม้และมีเชื้อเพลิงอย่างดี ทำให้เปลวเพลิงขยายตัวอย่างรวดเร็ว ​แม้ว่าเจ้าหน้าที่ดับเพลิงจะสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ในที่สุด แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ส่งผลให้บ้านของนายกล้าณรงค์ คำเมืองใจ ได้รับความเสียหายทั้งหลัง

     ทั้งนี้ อยู่ระหว่างการตรวจสอบหาสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ และประเมินความเสียหายอย่างละเอียดของ ตำรวจ สภ.เกาะคา ต่อไป

ภาพข่าว - จักรกฤษ เดินเมือง

Share:

ระทึก! กระบะตกสะพานสูง หลังเฉี่ยวรถตู้ก่อนเสียหลัก ตาวัย 67 ปีคนขับรอดปาฏิหาริย์ มีเด็กเจ็บอีก 2

         เมื่อเวลา 17.01 น.วันที่ 24 พ.ย.68  เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เถิน รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถยนต์เฉี่ยวชนกัน มีรถพลิกคว่ำตกสะพานสูง บริเวณสะพานห้วยแม่ถอม ช่วง กม.ที่ 625 เขตติดต่อ ระหว่าง ต.แม่ปะ กับ ต.แม่ถอด อ.เถิน จ.ลำปาง มีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายราย จึงประสานสมาคมกู้ภัยลำปาง จุดเถิน ร่วมตรวจสอบ

          ในที่เกิดเหตุพบรถยนต์กระบะ สี่ประตู สีบรอนด์เงิน พุ่งตกสะพานลงไปด้านล่าง ความสูงประมาณ 3 เมตร โดยคนขับรถเป็นชาย 1 ราย ทราบชื่อนายอภิวัฒน์ อายุ 67 ปี ชาว จ.นครปฐม  สามารถมุดออกมาจากรถและค่อยปีนขึ้นมาบนถนนได้ เบื้องต้นได้รับบาดเจ็บ มีแผลถลอกตามร่างกาย มีเลือดออกหลายแห่ง  เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงปฐมพยาบาลและส่งตรวจที่ รพ.เถินอีกครั้ง 

           ส่วนรถคู่กรณีเป็นรถตู้สีดำ ทะเบียน จ.กรุงเทพฯ จอดอยู่ข้างทาง มีผู้โดยสารมาทั้งหมด 5 คน มีผู้บาดเจ็บ 2 คน เป็นเด็กชายอายุ 5 ขวบ และ 10 ขวบ  ส่วนผู้ใหญ่อีก 3 คนไม่ได้รับบาดเจ็บ 
          โดยก่อนหน้านี้ รถทั้งสองคันได้เกิดเฉี่ยวชนกันก่อนที่รถยนต์กระบะจะเสียหลักพุ่งตกสะพานข้ามลำห้วย  เคราะห์ดีที่ไม่มีใครได้รับอันตรายจนถึงแกชีวิต ซึ่งทางร้อยเวรได้เข้าตรวจสอบสาเหตุอย่างละเอียดต่อไป 

           สำหรับจุดเกิดเหตุบริเวณนี้มักจะเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง มีทั้งเสียชีวิตและบาดเจ็บสาหัส เนื่องจากเป็นช่วงทางโค้ง ซึ่งเคยมีอุบัติเหตุใหญ่เกิดขึ้นเมื่อปี 2558 รถตู้คณะดูงาน อบต.แห่งหนึ่ง จ.กำแพงเพชรชนราวสะพานพลิกคว่ำตกลงไปด้านล่าง ทำให้ปลัด อบต.และเจ้าหน้าที่ เสียชีวิต 4 รายด้วยกัน
ภาพ ภาณุวัฒน์ วงค์ยศ 
Share:

เดิมพันสูง บ้านสวน - บ้านดอยเงิน รักษาฐานที่มั่น ในสถานการณ์การเมืองใหม่

 


            เข้าสู่ยุคที่การเมืองแบบใหม่ โครงสร้างประชากรไทย ที่คนรุ่นใหม่เติบโตขึ้นมาแทนที่คนรุ่นเก่า โดยเฉพาะเมื่อการเลือกตั้งครั้งสุดท้าย ที่พรรคก้าวไกลก้าวกระโดดมาเป็นพรรคอันดับหนึ่ง พลันก็เกิดคำถามว่า การเมืองแบบ “บ้านใหญ่” การเมืองระบบอุปถัมภ์ แบบ “ใจถึง พึ่งได้” ยังมีเส้นทางเดินที่จะยังคงรักษาฐานที่มั่นเดิมไว้ได้หรือไม่ เพียงใด

            การเมืองแบบบรรหารบุรี ที่ ท็อป วราวุธ ศิลปอาชา ตัดสินใจนำ ส..พรรค 10 คนเข้าร่วมพรรคภูมิใจไทย หรือ “บ้านดอยเงิน” ของพินิจ จันทรสุรินทร์ ที่กระโดดเข้าร่วมขบวนอนุทิน ชาญวีรกูล แปลว่า การเมืองจากนี้ อาจอาศัยความศรัทธา บารมีที่สั่งสมมาในอดีตไม่ได้แล้ว หากไม่มีกระแสความนิยมพรรคหนุนส่ง

            ไม่ว่าจะยุบสภา วันที่ 12 ธันวาคม ปีนี้ หรือ 31 มกราคม 2569 ตามกำหนดเดิม พรรคภูมิใจไทย ก็ต้องถือว่ามีแต้มต่อทางการเมืองมากกว่าพรรคใดๆ ทั้งโอกาสที่ได้จัดวางคนของตัวเอง ลงในตำแหน่งต่างๆ ผ่านการโยกย้ายแต่งตั้งข้าราชการฝ่ายปกครอง การระดมทุนเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับพรรค จากกลุ่มธุรกิจ กลุ่มนักการเมืองระดับแกนนำจากพรรคการเมืองอื่น ซึ่งทำให้พรรคภูมิใจไทย ซึ่งเคยเป็นพรรคขนาดกลาง เติบโตขยายตัวเป็นพรรคการเมืองขนาดใหญ่ในทันที

            การตัดสินใจซบพรรคภูมิใจไทยของบ้านดอยเงิน จึงเป็นการตัดสินใจที่ถูกในแง่ของนักการเมือง เพราะเมื่อพรรคมีขนาดใหญ่ มีโอกาสเข้าสู่อำนาจสูง นักการเมืองที่เข้าร่วมกับพรรคแบบเป็นกลุ่มเป็นก้อน ก็มีความหวังที่จะเข้าสู่อำนาจได้ง่ายดายเช่นเดียวกัน

            นั่นก็เป็นต้นทุนที่ไม่ต้องลงทุนเพิ่ม แต่ถ้าพิเคราะห์แบบใช้ต้นทุนใหม่ บวกต้นทุนเดิม ซึ่งหมายความถึง อำนาจ บารมี ในแบบนักการเมืองรุ่นเก่า ที่สั่งสมมาอย่างยาวนานระหว่าง ไพโรจน์ โล่ห์สุนทร แห่ง “บ้านสวน” กับ พินิจ จันทรสุรินทร์ แห่ง “บ้านดอยเงิน” ใครจะมีภาษีดีกว่ากัน

            พินิจ จันทรสุรินทร์ นั้น ถือว่าแก่กล้าพรรษากว่า คือเป็น ส..ลำปางครั้งแรก ในปี 2518 ตอนนั้นสังกัดพรรคธรรมสังคม และได้เข้าร่วมกับพรรคไทยรักไทย ต้นกระแสธารพรรคเพื่อไทย เมื่อปี 2544 เป็น ส..ระบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ในปี 2562 ส่วน ไพโรจน์ โล่ห์สุนทร เป็น ส..ครั้งแรก สังกัดพรรคเอกภาพ ในปี 2531 เข้าพรรคไทยรักไทย ปีเดียวกับพินิจ จันทรสุรินทร์ และได้รับเลือกตั้ง เป็น ส.ส.แบบแบ่งเขต ในนามพรรคเพื่อไทย ในปี 2562 เป็น ส..เขต ที่มีอายุมากที่สุดที่ได้รับเลือกตั้ง คือ 82 ปี

            ศรัทธา บารมี ความรัก ในแบบ บุญเท่ง ทองสวัสดิ์ อดีต ส.ส.ลำปาง ที่ฝนตก ชาวบ้านต้องกางร่ม ไปกันฝนไม่ให้เปียกโปสเตอร์หาเสียงที่ติดไว้ที่เสาไฟฟ้า ต้องนับว่าทั้ง พินิจ จันทรสุรินทร์ และ ไพโรจน์ โล่ห์สุนทร  ก็มีต้นทุนความศรัทธานี้ไม่ต่างกันมากนัก

            แต่ถ้าวัดกันที่ความสม่ำเสมอ การทำพื้นที่ที่เข้มแข็ง ไม่ว่าจะเป็นงานบวช งานแต่ง งานตาย หรือกิจกรรมต่างๆทั้งในพื้นที่ลำปางและจังหวัดใกล้เคียง ไพโรจน์ โล่ห์สุนทร ไม่เคยห่างหายไปจากสายตาคนลำปางเลย ขณะที่ พินิจ จันทรสุรินทร์ อาจจะดูแผ่วๆไปบ้าง ในช่วงเวลาและสถานการณ์ที่เขายังไม่ต้องพึ่งพาคะแนนเสียง

            ต้นทุนใหม่ บวกต้นทุนเดิม จึงถือว่าสูสีกัน ถ้าวัดคะแนนในระดับ ส.ส.เขต ซึ่ง หากสมัยหน้า ไพโรจน์ โล่ห์สุนทร ยังไม่วางมือทางการเมือง ก็น่าจะได้รับการพิจารณาเป็น ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ศรัทธา อำนาจ บารมีของเขา ก็อาจส่งผลทางอ้อมโดยดูที่คะแนนเสียงของผู้สมัครแบบแบ่งเขตในตระกูล โล่ห์สุนทร

            แต่ไม่ว่าจะเป็นทุนใหม่ หรือทุนเดิม ทั้งพรรคเพื่อไทย และภูมิใจไทย ก็ต้องยึดเก้าอี้ ส.ส.ลำปางให้ได้ทั้งหมด 4 ที่นั่ง ซึ่งจะกลายเป็นอำนาจต่อรองของกลุ่มบ้านดอยเงิน และบ้านสวนในอนาคต ในอนาคตรัฐบาลพรรคภูมิใจไทย หรืออนาคตรัฐบาลพรรคเพื่อไทย

            แต่ฉากตอนละครการเมือง คงไม่ได้ง่ายแบบนั้น อย่าประมาทคนรุ่นใหม่ ที่ปัจจัยการตัดสินใจของเขา ไม่เกี่ยวกับอำนาจ บารมีของนักการเมืองรุ่นเก่า

            หากกระแสก้าวไกล ที่ส่งมายังพรรคประชาชนยังแรงอยู่ ทั้งพินิจ จันทรสุรินทร์ และไพโรจน์ โล่ห์สุนทร จะต้องช่วงชิงรักษาเก้าอี้ไว้ได้ด้วยต้นทุนอำนาจ บารมีส่วนตัว ดีที่สุดก็คือรักษาเก้าอี้ไว้ให้ได้มากที่สุด หนีสถานะสูญพันธุ์ไปให้ได้

 

Share:

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์