วันพุธที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2568

สืบสวน สภ.เขลางค์นคร ตามรวบหนุ่มตะเวนลักสายไฟ ตามร้านค้าและบ้านเรือน พบก่อเหตุมาแล้ว 7 ครั้ง เจอ 2 คดีทั้งลักทรัพย์และยาบ้า

          วันที่ 18 มิ.ย.68 พล.ต.ต.ภูมิปัญญ์ญา  นวตระกูลพิสุทธิ์ ผบก.ภ.จว.ลำปาง พร้อมด้วย พ.ต.อ.กฤษดา พันธ์เกษม พ.ต.อ.ชูวิทย์ กองแก้ว รอง ผบก.ภ.จว.ลำปาง   ร่วมกันแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาคดีลักทรัพย์ ขโมยสายไฟฟ้า ในเขต ต.พระบาท และ ต.ชมพู อ.เมืองลำปาง จับกุมผู้ต้องหาได้  1 ราย คือนายปิยพงษ์ หรือเบล อายุ 39 ปี ที่อยู่ หมู่ 13 ต.ชมพู อ.เมืองลำปาง จ.ลำปาง


          โดยก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. ที่ผ่านมา ได้มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความต่อ พ.ต.ท.วิจารณ์ คำอ่อง สว.(สอบสวน)สภ.เขลางค์นคร ว่าสายไฟภายในร้านของตน ภายในหมู่บ้านร้อง ต.ชมพู อ.เมืองลำปาง ได้ถูกลักไป และพบสายไฟบางส่วนถูกเผาทิ้งไว้ในร้านด้วย  ต่อมาช่วงบ่ายวันเดียวกันได้พบชายต้องสงสัย สวมเสื้อยืดสีเทา กางเกงขาสั้น ขี่รถจักรยานยนต์กลับมาที่ร้านอีกครั้ง  เมื่อเจ้าของร้านเห็น ชายคนดังกล่าวก็ได้หลบหนีไป

          ต่อมาวันที่ 16 มิ.ย.68 เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนได้ลงพื้นที่หาข่าวภายในหมู่บ้านป่าแลว1 ต.ชมพู อ.เมืองลำปาง ได้พบกับชาย 1 ราย เดินถือไม้กอล์ฟ 2 อัน อยู่ริมถนน ลักษณะคล้ายคนเสพยาเสพติด  จึงได้แสดงตัวเข้าไปตรวจสอบ แต่ชายคนนี้พยายามจะหลบหนี และทิ้งกระเป๋าสะพายข้างสีขาวดำไว้ระหว่างทาง  แต่เจ้าหน้าที่ก็ติดตามจับกุมตัวมาได้ ทราบชื่อคือ นายปิยพงษ์ หรือเบล อายุ 39 ปี ที่อยู่ หมู่ 13 ต.ชมพู อ.เมืองลำปาง จ.ลำปาง  ผลการตรวจค้นพบยาบ้า รวม 15 เม็ด นายปิยพงษ์รับว่าเป็นของตนเอง



          จากการสอบสวน นายปิยพงษ์ ยังให้การรับสารภาพว่า ตนเองเป็นคนเข้าไปลักสายไฟที่ร้านแห่งหนึ่งในหมู่บ้านร้องจริง  โดยใช้วิธีลักลอบเข้าไปในร้านและนำสายไฟไปเผาเพื่อนำทองแดงไปขาย  และยังได้ก่อเหตุลักทรัพย์สายไฟมาแล้วถึง 7 ครั้ง ช่วงเดือน พ.ค.68  จำนวน 3 ครั้ง ประกอบด้วย ภายในบ้านสวนแห่งหนึ่ง ต.ชมพู อ.เมืองลำปาง   ครั้งที่ 2 ก่อเหตุที่บ้านสวน ม.8 ต.พระบาท อ.เมืองลำปาง ได้สายไฟความยาว 100 เมตรไป  ครั้งที่ 3 ลักสายไฟฟ้าจากมิเตอร์ และสายไฟฟ้าของเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในที่จอดรถของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง  ต.พระบาท อ.เมืองลำปาง 

          และก่อเหตุในเดือน มิ.ย.68 อีก 4 ครั้ง คือ งัดแงะบ้านผู้อื่นเข้าลักสายไฟฟ้าภายในบ้านและนอกตัวบ้าน หมู่ 3 ต.พระบาท อ.เมืองลำปาง  ขโมยจักรยานพับได้ บริเวณใต้สะพานข้ามทางรถไฟกาดเมฆ  ขโมยสายไฟฟ้าภายในร้านแห่งหนึ่ง หมู่บ้านร้อง ต.ชมพู อ.เมืองลำปาง และขโมยสายไฟฟ้า และวิทยุเทป ตรงข้ามกับร้านแรก ในหมู่บ้านร้อง ต.ชมพู อ.เมืองลำปาง

          ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้ดำเนินคดีในความผิด 2 คดี คือ ลักทรัพย์ในเวลาการคืน (ลักสายไฟ)  และมียาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้า)ไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย  ก่อนนำส่งพนักงานสอบสวนดำเนินการตามกฎหมายต่อไป









Share:

วันอังคารที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2568

รวบตัวสาวแสบ ปีนช่องลมบุกขโมยของในบ้านพักย่าน ต.ปงแสนทอง ได้ทองรูปพรรณหลายรายการ นำไปขายใช้เงินจนเกลี้ยง

 


วันที่ 18 มิ.ย.68 พล.ต.ต.ภูมิปัญญา นวตระกูลพิสุทธิ์  ผบก.ภ.จว.ลำปาง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ภ.จว.ลำปาง  เจ้าหน้าที่สืบสวน สภ.เขลางค์นคร  ร่วมแถลงข่าวการจับกุมตัว น.ส.สุพรรณษา อายุ 20 ปี ชาว ต.โคกสะอาด อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ  ผู้ต้องหาคดีลักทรัพย์  โดยเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวได้เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.ที่ผานมา  ที่หอพักแห่งหนึ่งย่าน ต.ปงแสนทอง อ.เมืองลำปาง

สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 9 ม.ย.68  ได้มีผู้เสียหายเป็นหญิงอายุ 42 ปี ที่อยู่  ม.4 ต.ปงแสนทอง อ.เมืองลำปาง จ.ลำปาง เข้าแจงความที่ สภ.เขลางค์นคร ว่า มีคนร้ายเป็นหญิง เข้ามาลักทรัพย์ภายในบ้านของตนเอง โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดบันทึก รูปพรรณสัณฐานคนร้ายได้อย่างชัดเจน ซึ่งมีทรัพย์สินหายไปเป็นทองรูปพรรณหลายรายการ ประกอบด้วย  สร้อยข้อมือทองคำ 1 บาท  กำไรทองคำน้ำหนัก  1 บาท  แหวนทองคำน้ำหนัก 2 สลึง  แหวนทองคำน้ำหนัก 1 สลึง  และแหวนทองหัวพลอย 3 วง  มูลค่าทรัพย์สินรวมประมาณ 2 แสนบาท เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงออกทำการสืบสวนจนทราบตัวผู้ก่อเหตุในภาพวงจรปิดคือ น.ส.สุพรรณษา 20 ปี  ชาว ต.โคกสะอาด อ.ภูเขียว จ.ชัยภูมิ  และได้พักอาศัยอยู่หอพักแห่งหนึ่ง บ้านทุ่งกู่ด้าย ต.ปงแสนทอง อ.เมืองลำปาง

ต่อมาวันที่ 17 มิ.ย.68 ชุดสืบสวนจึงได้ทางไปตรวจสอบที่หอพักดังกล่าว  และพบตัว น.ส.สุพรรณษา จึงได้เข้าไปแสดงตัวเป็นเจ้าพนักงานเพื่อขอตรวจสอบภายในห้องพัก  จากการตรวจสอบพบเสื้อผ้าที่ใช้ก่อเหตุ เป็นเสื้อสีดำ กางเกงลายสก็อตสีดำ  แต่ไม่พบทรัพย์สินที่สูญหายตามที่ผู้แจ้งได้แจ้งไว้   ซึ่ง น.ส.สุพรรณษา  ยอมรับว่าได้ลักทรัพย์ไป โดยใช้วิธีการเดินเข้าไปภายในบ้าน และปีนช่องลม จากนั้นจึงทำการก่อเหตุ   ส่วนทรัพย์สินที่เป็นทองรูปพรรณ ตนนำสร้อยกำไรทองหนัก 1 บาท และ แหวน 1 วง ไปขายที่ร้านทอง ในห้างเซ็นทรัล ลำปาง ได้เงินมาประมาณ 60,000 กว่าบาท และได้นำไปใช้จ่ายจนหมดแล้ว ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงคุมตัวส่งดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

 

Share:

หนุ่มเจอตำรวจบุกเข้าตรวจค้น โยนยาบ้าทิ้งป่าหลังบ้าน แต่สุดท้ายก็ไม่รอด ค้นเจอยาบ้านห้องนอนอีกรวมกว่า 100 เม็ด สารภาพนำมาขายในพื้นที่

 

ภายใต้โดยการอำนวยการของ พ.ต.อ.กิตติ มาลีหวล ผกก.สภ.เถิน ,พ.ต.ท.วิเชียร ประมูลสิน รอง ผกก.สส.สภ.เถิน  นำโดย พ.ต.ท.ชุติเทพ วงศ์ฉายา สว.สส.สภ.เถิน พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ได้ร่วมกันจับกุม นายอัมรินทร์  อายุ 38 ปี ที่อยู่ หมู่ 4 ต.ล้อมแรด อ.เถิน จ.ลำปาง  ในข้อหา จำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่าย โดยกระทำเพื่อการค้า และ เสพยาเสพติดให้โทษประเภท1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า)  โดยผิดกฎหมาย  พร้อมของกลาง ยาบ้า รวมจำนวน 107 เม็ด   เมื่อวันที่ 16 มิ.ย.68 ที่ผ่านมา

ก่อนเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนสภ.เถินฯ ได้สืบสวนติดตามพฤติการณ์ทราบว่ามีการมั่วสุมเสพยาเสพติดและลักลอบจำหน่ายยาเสพติด ที่บ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ ม.4 ต.ล้อมแรด อ.เถิน จ.ลำปาง  เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจับกุม จึงเข้าตรวจสอบ โดยได้อาศัยอำนาจบัตรเจ้าพนักงาน ป.ป.ส.เข้าตรวจค้นบ้านหลังดังกล่าว พบนายอัมรินทร์  ยืนอยู่บริเวณด้านหลังของตัวบ้าน  และพบนางสาวอารีรัตน์  อยู่ภายในบ้าน จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ขณะนั้นเห็นว่านายอัมรินทร์ฯ นำสิ่งของบางอย่างโยนออกไปบริเวณพุ่มหญ้าด้านหลังตัวบ้าน จึงทำการควบคุมตัวไว้และทำการตรวจค้น พร้อมกับได้แยกตัว นางสาวอารีรัตน์ ดำเนินการอีกส่วนหนึ่ง

ผลการตรวจค้น พบยาบ้า บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกสีใสชนิด กดปิด-ดึงเปิด จำนวน 23 เม็ด พบอยู่ในพุ่มหญ้าที่นายอัมรินทร์ โยนทิ้ง  ต่อมา เจ้าหน้าที่ได้ตรวจค้นภายในห้องนอนของนายอัมรินทร์ฯ พบยาบ้า จำนวน 84 เม็ด บรรจุอยู่ในถุงพลาสติกสีน้ำเงิน ชนิดกดปิด-ดึงเปิด ซุกซ่อนอยู่ใน กล่องตลับสีดำ และ พบถุงพลาสติกใสชนิดกดปิด-ดึงเปิด (ถุงแบ่ง) จำนวน 35 ถุง ซุกซ่อนอยู่ในกล่องสีขาว รวมจำนวน 107 เม็ด  นายอัมรินทร์ยอมรับว่ายาบ้าทั้งหมดเป็นของตนจริง และให้การว่า ช่วงเดือนธันวาคม 2567 ตนได้รับยาบ้ามาจาก นายบาวี (ไม่ทราบชื่อ-สกุลจริง)อยู่ จ.เชียงราย จำนวน 2,000 เม็ด/1มัด ราคา 25,000 บาท และตนได้นำมาพักไว้เพื่อรอการจำหน่ายให้แก่กลุ่มวัยรุ่น และผู้ใช้แรงงาน ในพื้นที่ อ.เถินฯ

 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สังเกตอาการนายอัมรินทร์ฯ มีพิรุธกระวนกระวาย เมื่อสอบถามจึงยอมรับว่าได้เสพยาบ้ามาก่อนนี้ เจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตรวจปัสสาวะเบื้องต้น  ผลเป็นบวก จึงนำตรวจยืนยันที่ รพ.อีกครั้ง  ซึ่งทาง รพ.ยืนยันว่าพบสารเสพติดชนิด เมทแอมเฟตามีน ในปัสสาวะที่ส่งตรวจ   จึงคุมตัวนายอัมรินทร์นำส่งพนักงานสอบสวน สภ.เถิน จว.ลำปาง  เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

 

Share:

รอดตายปาฏิหารย์ 3 พ่อแม่ลูกขับรถจาก กทม.มุ่งหน้ากลับ จ.ลำพูน เกิดเหตุรถพุ่งชนราวเหล็กเสียบทะลุตัวรถ เจ็บ 2 ราย ส่วนลูกชายวัย 5 ขวบปลอดภัย

 

         เมื่อเวลาประมาณ 05.00 น.วันที่ 18 มิ.ย.68 ศูนย์วิทยุ 191 จ.ลำปาง รับแจ้งเหตุรถกระบะพุ่งชนการ์ดเรล หรือราวเหล็กกั้นริมทาง  มีผู้ได้รับบาดเจ็บ บริเวณใกล้เคียงโค้งบ้านลำปางกลางฝั่งตะวันออก ถนนพหลโยธิน ขาเข้าเมืองลำปาง หมู่ 11 ต.ชมพู อ.เมืองลำปาง จ.ลำปาง จึงประสานร้อยเวร สภ.เขลางค์นคร  และเจ้าหน้าที่กู้ภัยอัมรินทร์ ร่วมตรวจสอบ ให้การช่วยเหลือ


          ในที่เกิดเหตุพบรถยนต์กระบะ โตโยต้า วีโก้ สีบรอนด์เงิน ทะเบียน จ.ลำพูน พุ่งชนกับราวเหล็กกั้นริมถนน เสียบตัวรถทะลุผ่าเครื่องยนต์ แกนเหล็กพวงมาลัย และแค็ปรถออกไปท้ายรถเกือบทั้งหมด สภาพรถพังยับเยินเหมือนกับไม้เสียบลูกชิ้น  โดยมีผู้โดยสารมาด้วยกัน 3 คน เป็นพ่อแม่ลูก

พบชายคนขับรถ อายุระหว่าง 30-35 ปี  สภาพนอนหงายบนพงหญ้าเท้าพาดอยู่บริเวณใกล้เบาะรถ ได้รับบาดเจ็บที่ขาทั้งสองข้าง และหัวไหล่ขวาไม่สามารถเคลื่อนตัวได้ อุ้งเท้าด้านขวามีแผลฉกรรจ์  มีพลเมืองดีปฐมพยาบาลเบื้องต้น ส่วนภรรยา อายุระหว่าง 25-30 ปี ถูกช่วยเหลือนำตัวออกมาจากตัวรถนั่งข้างถนน  มีแผลฉกรรจ์ที่หน้าผาก และลูกชายวัย 5 ขวบ ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด นั่งอยู่บนตักแม่ ต่อมาทางพลเมืองดีเป็นโชว์เฟอร์รถบรรทุกสิบล้อ ได้พาเด็กไปนั่งหน้ารถบรรทุกเพื่อความปลอดภัย  ให้ทางเจ้าหน้าที่กู้ภัยช่วยเหลือพ่อกับแม่ได้สะดวก  ก่อนจะนำทั้งคู่ส่งรักษาที่ รพ.ลำปาง

 สอบถามเบื้องต้นทราบว่า  ทั้ง 3 คนพ่อแม่ลูกได้ไปรับงานเหมาติดตั้งกระจกอลูมิเนียมตกแต่งภายในที่กรุงเทพฯ  และเสร็จงานแล้วได้เดินทางกลับบ้านที่ จ.ลำพูน โดยเดินทางออกมาจากกรุงเทพฯ ช่วงค่ำเมื่อวานที่ผ่านมา  และก็แวะพักตามปั๊มน้ำมันตลอดเส้นทาง โดยล่าสุดได้แวะพักที่ปั๊มน้ำมันในพื้นที่ อ.เกาะคา จ.ลำปาง กำลังเดินทางต่อ แต่มาประสบอุบัติเหตุขึ้นก่อน

ขณะที่โชว์เฟอร์รถบรรทุกสอบล้อ พลเมืองดีที่ขับตามมาเห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ได้ขับรถตามกันมาออกจากปั๊มน้ำมัน  โดยรถกระบะคันที่เกิดเหตุขับมาดีๆ จู่พุ่งชนการ์ดเรลอย่างจัง ตนจึงรีบจอดรถให้การช่วยเหลือ และแจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวมาช่วยเหลืออีกที โดยสภาพรถถือว่า 3 พ่อแม่ลูกรอดมาได้ราวปาฏิหาริย์ เพราะดูจากสภาพรถพังยับเยินถูกราวเหล็กการ์ดเรล พุ่งทะลุที่นั่งคนขับและเฉียดหัวไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น    ส่วนลูกชายวัย 5 ขวบ นอนหลับมาเบาะหลังแค็ปกระบะไม่ได้รับบาดเจ็บ  ถือว่าเคราะห์ยังดีมีเป็นอะไรไปมากกว่านี้

Share:

วันจันทร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2568

กรมชลประทาน เร่งสำรวจออกแบบ “ประตูระบายน้ำแม่น้ำวังบ้านเหล่า”เป็นเครื่องมือแก้น้ำแล้ง-ท่วม อ.เถิน จ.ลำปาง

        วันที่ 16 มิถุนายน 2568 ที่โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษากิ่วลม-กิ่วคอหมา ตำบลบ้านแลง อำเภอเมืองลำปาง นายพิเชษฐ์ รัตนปราสาทกุล ผู้อำนวยการสำนักออกแบบและสถาปัตยกรรม กรมชลประทาน พร้อมคณะ นำสื่อมวลชนลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้างานจ้างสำรวจ ออกแบบ โครงการประตูระบายน้ำแม่น้ำวังบ้านเหล่า




        นายพิเชษฐ์ รัตนปราสาทกุล ผู้อำนวยการสำนักออกแบบและสถาปัตยกรรม กรมชลประทาน กล่าวว่า ลุ่มน้ำวังตอนล่างโดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอเถิน ส่วนใหญ่ทำการเกษตรแบบอาศัยน้ำฝนเป็นหลักในฤดูแล้งประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำใช้เพื่อการอุปโภค-บริโภค และทำการเกษตร แม้ว่าจะมีการก่อสร้างฝายชั่วคราวกั้นแม่น้ำวังบริเวณหมู่ที่ 4 ตำบลล้อมแรด แต่ไม่สามารถกักเก็บน้ำไว้ใช้ประโยชน์ได้อย่างเพียงพอ ต่อมาในปี 2650 สำนักงานเทศบาลเมืองล้อมแรด จึงได้มีหนังสือร้องขอให้กรมชลประทาน ช่วยแก้ปัญหาขาดแคลนน้ำให้กับเกษตรในพื้นที่



        เมื่อปี 2564 – 2565 กรมชลประทาน จึงได้จัดทำรายงานศึกษาความเหมาะสมและประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อมโครงการประตูระบายน้ำแม่น้ำวังบ้านเหล่าเพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการน้ำของลุ่มน้ำวัง รวมถึง ช่วยแก้ไขปัญหาภัยแล้ง บรรเทาปัญหาอุทกภัยให้มีความสอดคล้องกับสภาพปัญหาในพื้นที่ และได้ผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการผู้ชำนาญการพิจารณารายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (คชก.) เป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อเดือนตุลาคม ปี 2566 ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการสำรวจ ออกแบบรายละเอียด โครงการประตูระบายน้ำแม่น้ำวังบ้านเหล่า จะแล้วเสร็จในเดือนพฤศจิกายน 2568 และขอตั้งงบประมาณก่อสร้างตามแผนงานในปี 2569



        สำหรับโครงการประตูระบายน้ำแม่น้ำวังบ้านเหล่า เป็นการก่อสร้างประตูระบายน้ำกั้นแม่น้ำวัง อาคารที่ตั้งหัวงานฝั่งซ้ายอยู่ในเขตหมู่ที่ 7 ตำบลเถินบุรี และ ฝั่งขวาอยู่ในเขตหมู่ที่ 5 ตำบลล้อมแรด อำเภอเถิน จังหวัดลำปางมีลักษณะเป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก ควบคุมด้วยบานประตูระบายเหล็กตรง จำนวน 8 บาน ขนาด 10 X 9 เมตร มีระดับกักเก็บ +163 ม. (รทก.) อาคารทางผ่านปลา จำนวน 1 แห่ง คันป้องกันน้ำท่วม ของลำน้ำวัง ฝั่งขวาความยาว 2.00 กม. และ ฝั่งซ้าย ความยาว 2.10 กม.


        โดยเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จตามแผนงาน สามารถกักเก็บน้ำตามลำน้ำวังได้ จำนวน 4.41 ล้าน ลบ.ม. มีพื้นที่รับประโยชน์ 20,500 ไร่ สนับสนุนพื้นที่ชลประทานของสถานีสูบน้ำด้วยไฟฟ้าเดิมตามลำน้ำวัง 5 สถานี ประมาณ 5,800 ไร่ สถานีสูบน้ำดิบการประปาส่วนภูมิภาสาขาเถิน เพื่อเป็นแหล่งน้ำต้นทุน อุปโภค-บริโภค การประมงการปศุสัตว์ สนับสนุนประเพณีท้องถิ่นส่งเสริมการท่องเที่ยว และด้านอื่นๆ ซึ่งช่วยสามารถยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ให้ดีขึ้นต่อไป
Share:

หนุ่มวัย 24 ปีใช้เท้าช่วยเพื่อนดันรถ พลาดท่าเท้าเข้าไปในโซ่สเตอร์ ถูกปั่นนิ้วเท้าขาด 4 นิ้ว

 

เมื่อเวลา 07.20 น วันที่ 17 มิ.ย.68   เจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างนครลำปาง รับแจ้งจากกู้ชีพ ให้เข้าตรวจสอบผู้ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุเท้าเข้าไปติดในโซ่รถจักรยานยนต์ ได้รับผู้บาดเจ็บสาหัส  บริเวณหน้าห้างบิ๊กซีมินิ  ถนนลำปาง-แม่ทะ ต.พระบาท อ.เมืองลำปาง จ.ลำปาง  จึงจัดอุปกรณ์พร้อมเจ้าหน้าที่เข้าให้การช่วยเหลือ



พบชาย 1 ราย ทราบชื่อนายภูวดล  อายุ 24 ปี รู้สึกตัวดี โดยถูกโซ่สเตอร์ปั่นปลายเท้าขวา มีแผลฉีกขาด โดยมีนิ้วเท้าขาดหายไป 4 นิ้ว คือ นิ้วโป้งนิ้วชี้ นิ้วกลาง และนิ้วนาง เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงได้ปฐมพยาบาล และนำส่งรักษาที่ รพ.ลำปางทันที  ทั้งนี้ พบรถประสบเหตุเป็นรถจักรยานยนต์สปอร์ตไบค์ สีดำ ทะเบียน จ.ลำปาง  เบื้องต้นทราบว่าผู้บาดเจ็บได้มาช่วยเพื่อนดันรถจักรยานยนต์ที่น้ำมันหมด และพลาดเท้าเข้าไปติดอยู่ในโซ่จนถูกปั่นได้รับบาดเจ็บดังกล่าว


ภาพ กู้ภัยสว่างนครลำปาง

Share:

สืบสวน สภ.เมืองปาน จับกุมผู้ต้องหามีอาวุธในครอบครองโดยผิดกฎหมาย 2 ราย

พ.ต.อ.สุรมนต์ เฉลิมจันทร์ ผกก.สส.สภ.เมืองปานพ.ต.ท.วสันต์  สิงห์ไชย รอง ผกก.สส.สภ.เมืองปาน  อำนวยการสั่งการให้ เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้จับกุม นำโดย พ.ต.ท.อรุณศักดิ์ ทารักษ์ สว.สส.ฯ ออกตรวจสอบและกวาดล้างอาชญากรรมและยาเสพติดในพื้นที่ และได้ร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหา มีอาวุธปืนและเครื่องสุนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต  จำนวน 2 ราย 

          รายแรก นายผล อายุ 66 ปี  ที่อยู่  ม.1 ตำบลทุ่งกว๋าว  อำเภอเมืองปาน  จังหวัดลำปาง  พร้อมปืนแก๊ปแบบไทยประดิษฐ์ ไม่มีเลขทะเบียน 1 กระบอก พบวางอยู่ในยุ้งข้าว เครื่องกระสุนปืนขนาด เบอร์ 12 จำนวน 3 นัด วางไว้อยู่บนโต๊ะเครื่องแป้งในบ้านพักของตน  จึงแจ้งข้อกล่าวหาว่ามีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต



          รายที่ 2 นายสมบูรณ์ อายุ 68 ปี ที่อยู่ หมู่ที่ 10 ต.ทุ่งกว๋าว อ.เมืองปาน  จ.ลำปาง  พร้อมปืนลูกซองยาวไม่มีเลขทะเบียน 1 กระบอก วางพิงไว้ขางฝาบนกระท่อมทุ่งนา และเครื่องกระสุนเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด พบอยู่ในกระเป๋าเสื้อลายพรางบนหน้าอกฝั่งซ้าย จึงแจ้งข้อหา มีอาวุธปืน(ปืนลูกซองยาวแบบไม่มีหมายเลขทะเบียน) ไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และครอบครองเครื่องกระสุนปืโดยไม่ได้รับอนุญาต,โดยผิดกฎหมาย  



จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันตรวจยึดของกลาง และนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย มาที่ สภ.เมืองปาน ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เมืองปาน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป




Share:

เผยเหตุหนุ่มเสียชีวิตบนรถทัวร์ แพทย์ชันสูตรระบุ "โรคแบคทีเรียกินเนื้อ"

 
       จากกรณีพบหนุ่มลำปางนั่งเสียชีวิตบนรถทัวร์โดยสารประจำทางสายนครราชสีมา-เชียงใหม่ ของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง  ขณะเข้าจอดที่ชานชาลาสถานีขนส่งผู้โดยสาร จ.ลำปาง เมื่อช่วงเช้ามืดวันที่ 16 มิ.ย.68 ที่ผ่านมา  เบื้องต้นคาเว่าเสียชีวิตจากโรคประจำตัว ซึ่งอยู่ระหว่างนำร่างไปการตรวจสอบชันสูตรอย่างละเอียดที่ รพ.ลำปาง 

         ล่าสุดช่วงเย็นวันเดียวกัน นางนพวรรณ ธนะสุวัตถิ์  ประธานสมาคมสว่างนครลำปาง เขต 9 ได้โพสข้อความแจ้งสาเหตุดารเสียชีวืตของชายคนดังกล่าว จากผลการชันสูตรของแพทย์ โดยระบุว่า "เคสผู้เสียชีวิตบนรถทัวร์เมื่อเช้านี้ สาเหตุการเสียชีวิต คือ  “โรคแบทคทีเรียกินเนื้อคน” รบกวนผู้เกี่ยวข้องดูแลตัวเองกันด้วยค่ะ"

       พร้อมทั้งยังให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ด้วยว่า โรคแบคทีเรียกินเนื้อ (Necrotizing fasciitis) หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า "โรคเนื้อเน่า" เป็นการติดเชื้อแบคทีเรียที่รุนแรงและรวดเร็ว ซึ่งส่งผลกระทบต่อเนื้อเยื่ออ่อนและเนื้อเยื่อหุ้มกล้ามเนื้อ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น เนื้อเยื่อตาย การติดเชื้อในกระแสเลือด และเสียชีวิตได้ 
        สาเหตุ:  โรคนี้มักเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียหลายชนิด เช่น Streptococcus pyogenes และ Staphylococcus aureus เชื้อเหล่านี้สามารถเข้าสู่ร่างกายผ่านทางบาดแผล รอยขีดข่วน หรือรอยถลอกบนผิวหนัง แม้แต่แผลเล็กๆ น้อยๆ ก็สามารถเป็นช่องทางให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายได้ 
       อาการ: อาการของโรคแบคทีเรียกินเนื้ออาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล แต่โดยทั่วไปแล้วจะเริ่มต้นด้วยอาการปวดอย่างรุนแรงบริเวณที่ติดเชื้อ ซึ่งอาจมากกว่าความรุนแรงของรอยแผลที่ปรากฏ 
อาการอื่นๆ ที่อาจพบได้ ได้แก่  ผิวหนังบวม แดง ร้อน หรือมีสีคล้ำ มีตุ่มน้ำพอง ไข้ หนาวสั่น คลื่นไส้ อาเจียน  หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ ในกรณีที่รุนแรง อาจมีอาการช็อกจากการติดเชื้อ (septic shock)
การรักษาโรคแบคทีเรียกินเนื้อต้องทำอย่างรวดเร็วและทันท่วงที ซึ่งโดยทั่วไปจะประกอบด้วย การให้ยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำเพื่อควบคุมการติดเชื้อ การผ่าตัดเพื่อกำจัดเนื้อเยื่อที่ติดเชื้อและเนื้อเยื่อที่ตายแล้ว (debridement)  และอาจมีการรักษาอื่นๆ เช่น การใช้ยาแก้ปวด การให้สารน้ำ และการรักษาภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ
         สำหรับการป้องกันโรคแบคทีเรียกินเนื้อสามารถทำได้โดย ดูแลรักษาบาดแผล ทำความสะอาดบาดแผลด้วยน้ำสะอาดหรือน้ำเกลือ และปิดแผลให้มิดชิด หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับแหล่งเชื้อโรค  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่มีบาดแผล ระมัดระวังในการทำกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการบาดเจ็บ  เช่น การเดินเท้าเปล่าในที่ที่มีความเสี่ยง หากมีอาการผิดปกติ  ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาทันที
         โดยทั่วไปโรคแบคทีเรียกินเนื้อพบได้น้อยในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันปกติ และมักพบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงในการเกิดโรคนี้ ได้แก่ ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือมีโรคประจำตัวที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรค เช่น เบาหวาน ตับแข็ง ไตวาย ผู้ที่มีโรคหลอดเลือดส่วนปลายตีบหรืออุดตัน ผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ระหว่างการรักษาด้วยเคมีบำบัด ผู้ที่มีภาวะอ้วน ผู้ที่กินยาสเตียรอยด์ ผู้ที่ได้ยากดภูมิคุ้มกัน และกลุ่มเกษตรกรและชาวนาที่มักเกิดบาดแผลเล็กๆ น้อยๆ ในระหว่างการทำงาน และสัมผัสกับเชื้อโรคที่อยู่ในดินหรือน้ำ จากการเดินลุยหญ้า นาข้าว เหยียบย่ำโคลนระหว่างการทำเกษตรกรรม เป็นต้น นอกจากนี้ผู้ที่มีบาดแผลเล็กน้อย เช่น ของมีคมบาดหรือตำ แมลงสัตว์กัดต่อย ผู้ที่ประสบอุบัติเหตุ ผู้ที่มีแผลหลังการผ่าตัด รวมถึงผู้ที่มีแผลหลังจากการป่วยด้วยโรคสุกใส แต่ไม่ได้รับการทำความสะอาดบาดแผล หรือทำความสะอาดบาดแผลไม่เหมาะสม สามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคแบคทีเรียกินเนื้อได้เช่นกัน
Cr. นพวรรณ ธนะสุวัตถิ์  ประวุฒิ พวงสมบัติ
ภาพ กู้ภัยสว่างนครลำปาง 
Share:

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์