วันศุกร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2561

พลิกไร่ข้าวโพดปลูกสับปะรดภูแล หนึ่งเดียวในลำปาง

จำนวนผู้เข้าชม เว็บเคาน์เตอร์

เมื่อถึงทางตัน ชีวิตมันก็ถึงจุดเปลี่ยน  ป้าจิตรา-ลุงอาร์ต สรรพรัตน์ กวาวสนั่น สองสามีภรรยา ชาวบ้านใหม่ธานี อำเภองาว จังหวัดลำปาง ต้องล้มเลิกจากการทำไร่ข้าวโพด ปลูกเสาวรส ซึ่งประสบปัญหาถูกขโมยบ้าง ผลผลิตไม่ได้ราคาบ้าง จึงหันมาปลูกสับปะรดแทน

แต่การเลือกปลูกสับปะรดที่นี่ไม่ธรรมดา เพราะป้าและลุงเลือกที่จะปลูกสับปะรด ภูแล สายพันธุ์ที่มีถิ่นกำเนิดจากจังหวัดเชียงราย ปลูกได้ตลอดปี ลูกขนาดเล็ก เนื้อสีทอง กลิ่นหอม รสชาติหวานกรอบ แกนสับปะรดกรอบ รับประทานได้ เป็นที่นิยมรับประทานสด ทั้งในและต่างประเทศ แต่ยังไม่เคยมีใครนำมาปลูกที่ลำปาง ความแตกต่างบนความท้าทายจึงเป็นเหมือนแรงบันดาลใจให้สับปะรดภูแลแห่งแรกและแห่งเดียวในลำปาง ก้าวสู่ตลาดคุณภาพส่งออกโดยไม่มีคู่แข่งขัน ภายใต้ชื่อ สับปะรดภูแล ไร่แม่หวาน ลำปาง

 

“ครั้งแรกที่ตัดสินใจปลูกสับปะรดภูแล เมื่อปี 2559 เพราะมีญาติปลูกที่เชียงราย และเห็นว่าที่ลำปางมีการปลูกสับปะรดจำนวนมาก พื้นที่เพาะปลูกที่เรามีเป็นเนินเขาเหมาะกับการปลูกสับปะรด และสับปะรดภูแลเป็นที่นิยมทานสดและราคาดีกว่าสับปะรดที่ขายเข้าโรงงานสับปะรดกระป๋อง จึงทดลองปลูก คนแถวบ้านก็บอกว่าเราบ้า เจ๊งแน่ๆ แต่เราเชื่อว่า มันต้องทำได้เพราะธรรมชาติของสับปะรดเป็นพืชทะเลทราย ไม่ต้องการน้ำมาก ยิ่งแล้งยิ่งดี แต่เราเพียงแค่ไม่แน่ใจว่า รสชาติจะแตกต่างจากที่เชียงรายเขาปลูกไหม ก็เลยไปซื้อพันธุ์จากเชียงรายมาลงปลูกรุ่นแรก 16,000 หน่อ ผลปรากฏว่ารสชาติหวานกรอบดีมากๆ จากนั้นจึงขยายพันธุ์เอง ” ป้าจิตราเล่าถึงที่มาของความท้าทายก่อนจะมาเป็นสับปะรดส่งออกทุกวันนี้ และเล่าต่อว่า

หลังจากผลผลิตรุ่นแรกเก็บเกี่ยว แต่หนทางใช่จะโรยด้วยกลีบกุหลาบ ปัญหาแรกคือไม่รู้ว่าตลาดใหญ่ที่แท้จริงอยู่ที่ไหน นอกเหนือจากการขายผลสด หลังกระบะรถที่บรรทุกตระเวนขายในตลาดสดและงานเทศกาลต่างๆด้วยตัวเอง แต่ด้วยเพราะคุณภาพและรสชาติดี มีความโดดเด่นเป็นภูแลเจ้าเดียวที่ปลูกในลำปาง มีคนรู้จักโรงงานปอกผลสับปะรดผลสดส่งออกแนะนำฝ่ายจัดซื้อให้ได้ทดลองชิม ซึ่งทางโรงงานขอเหมาซื้อทั้งหมด และทำข้อตกลงสั่งซื้อตลอดทั้งปี

สำหรับเรื่องของผลผลิตและความคุ้มค่าแก่การลงทุนนั้น ลุงอาร์ต บอกว่า สับปะรดเป็นพืชที่ลงทุนหนักในครั้งแรก แต่ลงทุนซื้อหน่อพันธุ์เพียงครั้งเดียวก็คุ้มค่า เมื่อลงดินปลูกแล้ว สามารถนับเวลาเก็บเกี่ยวที่แน่นอนได้ในอีก 3 เดือน สับปะรดภูแลไม่ต้องดูแลมาก ยิ่งหากเป็นพื้นที่ภูเขายิ่งได้ผลงาม เมื่อเก็บเกี่ยวเสร็จแล้ว ก็ใช้เทคนิคการบังคับดอกให้มีผลผลิตนอกฤดูกาลได้ตลอดทั้งปี ด้วยการหยอด ฮอร์โมน ถ่านแก๊ส ซึ่งชาวสวนสับปะรดใช้กันทั่วไป ให้เกิดดอกบริเวณใจกลางของกาบใบ และเจริญออกเป็นผล โดยแปลงปลูกสับปะรดภูแล จะปลูกเป็นกอ และให้ผลหลายลูก ต่างกับสับปะรดผลใหญ่ 

 

ในด้านตลาดนั้น คุมค่ากว่า การปลูกสับปะรดพันธุ์ทั่วไป เพราะ ราคาสับปะรดภูแล ที่ขายผลสดแพงว่า สับปะรดทั่วไปอยู่แล้ว แต่สำหรับไร่ แม่หวาน ขายส่งเข้าโรงงานที่ปอกผลสดส่งออกไปยังประเทศ ญี่ปุ่น และแถบยุโรป โยขายเป็นผลสดพร้อมหัวจุก กิโลกรัมละ 13 บาท ให้โรงงานสามารถตัดแต่งขายผลสดทั้งหัว หรือปอกแช่เย็น ในหนึ่งรอบการเก็บเกี่ยวประมาณการผลผลิต 1.3 ตัน ต่อไร่ พื้นที่ปลูกรวม 16 ไร่ 1 ปีสามารถปลุกได้ 4 รอบก็ถือว่าให้ผลผลิตที่คุ้มค่า กว่าปลูกพืชนิดอื่น

ป้าจิตราบอกว่า จุดแข็งและความแตกต่างด้านคุณภาพของผลผลิตสับปะรดภูแลจากไร่แม่หวาน มีความโดดเด่นเรื่องรสชาติ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะพื้นที่ปลูกเป็นภูเขา ดินมีความอุดมสมบูรณ์เป็นทุนเดิม และการดูแลบำรุงโดยใช้ปุ๋ยคอกมูลสัตว์ แทนปุ๋ยเคมี ซึ่งมีผลต่อต้นทุนที่ต่ำกว่า แต่ขายได้ราคาดีกว่าเพราะเป็นสับปะรดปลอดจากปุ๋ยเคมี โรงงานรับซื้อไม่อั้น ส่วนผลสดที่มีขนาดใหญ่เกินสเปคที่โรงงานกำหนด ก็นำออกขายผลสดตามตลาด ก็ได้ราคาสูงกว่า สับปะรดพันธุ์ทั่วไป

 

นับเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของเกษตรกรสายแข็งที่ กล้าหาญตัดสินใจทำในสิ่งที่แตกต่าง ซึ่งได้รับผลตอบแทนที่แตกต่างเช่นกัน โยป้าจิตราและลุงอาร์ตบอกว่า พื้นที่ปลูกสับปะรดไร่แม่หวาน เข้าถึงยากด้วยเส้นทางที่ค่อนข้างลำบาก  การปลูกสับปะรดเป็นพืชที่กำหนดเวลาเก็บเกี่ยว ได้ บริหารจัดการการเก็บเกี่ยวได้ดีกว่าพืชอื่นๆ แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยัง สนใจปลูกพืชอื่นผสมผสาน เช่น ทุเรียน ลองกอง อโวคาโด ขณะนี้เริ่มปลูกแซมรอบๆพื้นที่แปลงสับปะรดคาดว่าในอีก 3-5 ปีข้างหน้า จะ มีความหลากหลายของพืชผลไม้สร้างรายได้เพิ่มอีกด้วย


(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1195 วันที่ 7 - 13 กันยายน 2561)
Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์