วันอังคารที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2568

ปิดฉากยุคบุกเบิก “โรงไฟฟ้าแม่เมาะ” ชัตดาวน์ 3 เครื่องสิ้นปี 68 จับตาเงินกองทุนพัฒนาไฟฟ้าหายวับ 154 ล้านต่อปี

 

เผยแผนส่งท้ายปี 2568 โรงไฟฟ้าแม่เมาะเตรียมปลดระวางโรงไฟฟ้าเก่าอีก 3 เครื่อง หลังเสร็จสิ้นภารกิจ "ฮีโร่" ช่วยพยุงค่าไฟช่วงวิกฤตพลังงานโลก ส่งผลกำลังผลิตวูบเหลือเพียง 1,795 เมกะวัตต์ จากเดิมสามารถผลิตได้สูงถึง  2,400 เมกะวัตต์  ขณะที่ชุมชนรอบพื้นที่เตรียมรับมือรายได้กองทุนพัฒนาไฟฟ้าหายปีละกว่า 154 ล้านบาท

  • ย้อนรอยเครื่อง 4-7 จากยุคบุกเบิกสู่ภารกิจ "ฟื้นคืนชีพ"

หากย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2528 ถือเป็นวันประวัติศาสตร์ที่โรงไฟฟ้าแม่เมาะ เครื่องที่ 4-7 (กำลังผลิตรวม 600 เมกะวัตต์) ได้เริ่มเดินเครื่องอย่างเป็นทางการ เป็นฟันเฟืองสำคัญที่เปลี่ยนโฉมหน้าพลังงานไทยจากการพึ่งพาน้ำมันนำเข้า มาสู่การใช้ถ่านหินลิกไนต์ในประเทศอย่างเต็มรูปแบบ

แม้เครื่องกลุ่มนี้ (5-6-7)จะถูกปลดระวางไปแล้วในปี 2562 โดยมี MMRP1  มาแทนที่ แต่ด้วยวิกฤตการณ์ราคาก๊าซ LNG ในตลาดโลกที่พุ่งสูง กฟผ. จึงต้อง "ฟื้นคืนชีพ" เครื่องที่ 4 กลับมา Recommissioning อีกครั้งในปี 2565 เพื่อช่วยลดต้นทุนค่า Ft และประคองค่าไฟให้ประชาชน จนกระทั่งถึงกำหนดการ "ชัตดาวน์ถาวร" อีกครั้งในสิ้นปี 2568 นี้

  • ชัตดาวน์เครื่อง 9-10 และทางเลือกใหม่ของเครื่อง 8, 11

ในส่วนของโรงไฟฟ้า เครื่องที่ 8-11  ซึ่งเป็นโรงไฟฟ้าพลังความร้อนขนาดใหญ่ที่มีอายุการใช้งานกว่า 30 ปี แม้จะมีการติดตั้งระบบกำจัดมลพิษที่ทันสมัยทั้งระบบ FGD และดักจับฝุ่นไฟฟ้าสถิต (ESP) แต่ตามแผนความมั่นคงทางพลังงาน ล่าสุด เครื่องที่ 9-10 จะต้องเข้าสู่กระบวนการปลดระวางตามกำหนดเวลาสิ้นปี 2568 นี้เช่นกัน

          ขณะที่เครื่องที่ 8 และ 11 ได้รับการต่อลมหายใจ ยืดระยะเวลาเดินเครื่องยาวไปจนถึงปี 2574 เพื่อทำหน้าที่ผลิตไฟฟ้าทดแทนระหว่างรอให้มีการปรับปรุงเครื่องที่ 12-13 ให้สอดคล้องกับกฎหมายมลพิษฉบับใหม่ปี 2575  เนื่องจากโครงการ MMRP2 ถูกระงับไป


  • กำลังผลิตวูบ-เงินกองทุนหาย

การหายไปของโรงไฟฟ้าทั้ง 6 เครื่อง (4-7 และ 9-10) ในคราวเดียว ส่งผลกระทบที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ใน 2 มิติหลัก นั่นคือ “กำลังการผลิตไฟฟ้า”  จากเดิมที่เป็นฐานผลิตขนาดใหญ่ จะเหลือยอดรวมเพียง  1,795 เมกะวัตต์  (จากเครื่อง 8, 11, 12, 13 และ 14) และที่สำคัญคือ “เม็ดเงินกองทุนพัฒนาไฟฟ้า”  เงินกองทุนที่จัดเก็บจาก "ทุกหน่วยการผลิต" ในอัตรา 0.02 บาทต่อหน่วย จะหายไปทันทีประมาณ  154 ล้านบาทต่อปี

เม็ดเงินที่หายไปนี้ถือเป็นตัวเลขที่สูงมากสำหรับงบพัฒนาท้องถิ่นในระดับอำเภอ ซึ่งปกติจะถูกนำไปใช้ในโครงการสาธารณสุข การศึกษา และการสร้างอาชีพให้แก่ชุมชนรอบโรงไฟฟ้า การปลดระวางครั้งนี้จึงไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของเทคนิคการผลิตไฟฟ้า แต่เป็นโจทย์ใหญ่ที่ทุกภาคส่วนในแม่เมาะต้องร่วมกันวางแผนรับมือกับ "รายได้ที่หายไป" เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคพลังงานใหม่เป็นไปอย่างยั่งยืน


ข้อมูลสรุปสถานะโรงไฟฟ้าแม่เมาะ

เครื่องที่ปลดระวาง ปี 62 : เครื่องที่  5, 6, 7  (กำลังผลิตที่หายไป: ประมาณ 450 เมกะวัตต์)

เครื่องที่ปลดระวาง ปี 68 : เครื่องที่  4,  9, 10   (กำลังผลิตหายไป ประมาณ 690 เมกะวัตต์)

เครื่องที่เดินเครื่องต่อ:   เครื่องที่  8, 11  (ขยายเวลาเดินเครื่องถึงปี 2574 กำลังผลิตรวม 540 เมกะวัตต์)  เครื่องที่  12-13 (กำลังผลิตรวม 600 เมกะวัตต์  เตรียมปรับปรุงใหญ่ทดแทน MMRP2)  และ เครื่องที่ 14 หรือ MMRP1  กำลังผลิตรวม 655 เมกะวัตต์

กำลังผลิตคงเหลือ: 1,795 เมกะวัตต์

คาดการณ์เงินกองทุนพัฒนาไฟฟ้าคงเหลือ :  ~154 ล้านบาท/ปี  


Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์