ดร.พูลพัฒน์ ลีสมบัติไพบูลย์ เลขาธิการสํานักงานคณะกรรมการกํากับกิจการพลังงาน (สํานักงาน กกพ.)
ในฐานะโฆษกคณะกรรมการกํากับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า กกพ. ในการประชุมครั้งที่ 44/2568(ครั้งที่ 986) วันที่ 26 พฤศจิกายน 2568 ได้พิจารณาข้อเสนอการปรับค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (ค่า Ft) ประจําเดือน มกราคม – เมษายน 2569 ตามข้อเสนอของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) หน่วยละ 3.94 บาท เพื่อให้มีเงินคืนค่าภาระต้นทุนคงค้าง (ค่า AF) ให้กับ กฟผ. 6,141 ล้านบาท แต่ระหว่างการเปิดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนนั้น บริษัท ปตท. จํากัด (มหาชน) (ปตท.) ได้ปรับปรุงแนวโน้มราคาก๊าซธรรมชาติลดลง ด้วยเหตุนี้ กฟผ. จึงเสนอขอปรับลดอัตราค่าไฟฟ้าเป็นหน่วยละ 3.88 บาท เพื่อตอบสนองนโยบายรัฐบาลที่ต้องการลดค่าครองชีพให้กับประชาชน
“กกพ. จึงอาศัยอํานาจตามมาตรา 67 แห่ง พ.ร.บ. การประกอบกิจการพลังงาน พ.ศ. 2550
ที่กําหนดให้ผู้รับใบอนุญาต ซึ่งหมายถึง กฟผ. เป็นผู้เสนออัตราค่าบริการให้ กกพ. พิจารณา ดังนั้น กกพ.
จึงพิจารณาตามข้อเสนอใหม่ของ กฟผ. ที่คํานวณค่า Ft ตามราคาก๊าซธรรมชาติที่ ปตท. คาดว่าจะลดลงจากการที่ราคา LNG ปรับจาก 12.5 ดอลลาร์สหรัฐ/ล้านบีทียู ลงมาเหลือ 11.6 ดอลลาร์สหรัฐ/ล้านบีทียู เป็นผลให้อัตราค่าไฟฟ้าที่ กฟผ. เสนอมาในครั้งแรกหน่วยละ 3.94 บาท ปรับลดเหลือหน่วยละ 3.88 บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) โดยคิดเป็นค่า Ft สําหรับเรียกเก็บในงวดประจําเดือน มกราคม – เมษายน 2569 ลดลงจากเดิม 15.72 สตางค์ต่อหน่วย เป็น 9.72 สตางค์ต่อหน่วย” ดร.พูลพัฒน์ กล่าว
ดร.พูลพัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า พิจารณาค่าไฟฟ้าบนพื้นฐานของกฎหมายและเป็นไปตามหลักวิชาการ
พร้อมกับคํานึงถึงวินัยทางการเงินควบคู่ไปด้วย โดยการพิจารณาครั้งนี้อาศัยข้อมูลประมาณการต้นทุน
เชื้อเพลิงล่าสุดจาก กฟผ. และ ปตท. รวมถึงข้อเสนอการปรับลดภาระค่า AF ตามหนังสือ กฟผ. ลงวันที่ 25
พฤศจิกายน 2568 ประกอบการพิจารณา เพื่อให้การกํากับดูแลยังคงรักษาสมดุลระหว่างเสถียรภาพและความมั่นคงระบบไฟฟ้า และภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานของประชาชน กกพ. จะติดตามสถานการณ์ราคาเชื้อเพลิงและภาระต้นทุนคงค้างของ กฟผ. อย่างใกล้ชิดต่อไป









0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น