วันพฤหัสบดีที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2556

เลือกตั้งคึก 'กิตติกร' ชิงชัย ประชาธิปัตย์รอดู-ดาชัยปาร์ตี้ลิส


กิตติกร ทายาทโล่ห์สุนทรลงสมัคร ส.ส.แน่ หลังถูกปลดล็อกบ้านเลขที่ 109 ด้านประชาธิปัตย์ยังอึมครึมรอเลือกตั้งกรรมการพรรคชุดใหม่ มัธยมเผยหากไม่ปฏิรูปการเมืองจะไม่ลงสมัคร ขณะที่ดาชัยยันลงบัญชีรายชื่ออันดับ 1 หวัง ส.ส. 3 ที่นั่ง

หลังจากนายกรัฐมนตรีได้ประกาศยุบสภา เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.ที่ผ่านมา  และคณะกรรมการการเลือกตั้งได้กำหนดให้มีการเลือกตั้งใหม่ในวันที่ 2 ก.พ.57  โดยมีการเปิดรับสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ หรือปาร์ตี้ลิส ในวันที่ 23-27 ธ.ค.56 และรับสมัคร ส.ส.แบบเขต วันที่ 28 ธ.ค.56 - 1 ม.ค.57 บรรยากาศที่ จ.ลำปาง มีเพียงผู้ชุมนุมจากกลุ่มเครือข่ายคนลำปางรักษ์ชาติ ที่ยังคงออกมาเคลื่อนไหวแสดงจุดยืนของตนเอง ขณะที่พรรคการเมืองใหญ่ อย่างพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ ยังไม่มีความเคลื่อนไหวในพื้นที่เช่นกัน มีเพียงพรรคพลังประเทศไทยของนายดาชัย อุชุโกศลการ ที่ขึ้นป้ายประชาสัมพันธ์พรรคมาได้ประมาณสองเดือนแล้ว  หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ จึงติดตามความคืบหน้าของพรรคการเมืองดังกล่าว ว่ามีการเตรียมความพร้อมเลือกตั้งอย่างไร

นายกิตติกร โล่ห์สุนทร  อดีต ส.ส.ลำปาง  เปิดเผยว่า วันที่ 11 ธ.ค.ที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยได้มีการประชุมสมาชิกพรรคภาคเหนือ  ซึ่งในที่ประชุมพรรคได้กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน และบอกว่ายังไงก็ต้องรักษาระบอบประชาธิปไตยให้ถึงที่สุด ต้องดำเนินการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย ตอนนี้ทุกคนเตรียมพร้อมในการเลือกตั้ง กระแสภายนอกไม่ได้กระทบกับเรา เพราะเรามีหน้าที่รักษาประชาธิปไตย ก็ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด สำหรับการวางตัวผู้สมัคร ที่ประชุมพรรคยังไม่ได้กล่าวถึงเรื่องนี้ คงจะมีการประชุมกันอีกครั้ง แต่เชื่อว่าทุกคนเตรียมพร้อม ซึ่งคาดว่าจะใช้ตัวผู้สมัครเดิม

“ผมจะต้องคุยกับพรรคก่อนว่าจะลงเขตหรือปาร์ตี้ลิส ซึ่งผมลงแบบไหนก็ได้ ส่วนกับคุณพ่อก็ยังไม่ได้พูดคุยกันเรื่องนี้ หากท่านลงปาร์ตี้ลิส ผมก็ลงเขต น่าจะเหมาะสมกว่า ความพร้อมในการเลือกตั้ง ถือว่าผมพร้อม ยังลงพื้นที่อยู่ ถึงแม้ว่าจะไม่มากเท่าสมัยก่อน ถ้ามีเวลาก็จะทำเป็นประจำ ตอนนี่สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องผลักดันให้มีการเลือกตั้งให้ได้”  นายกิตติกร กล่าว

เมื่อสอบถามถึงความมั่นใจหากลงรับเลือกตั้งในครั้ง  นายกิตติกร กล่าวว่า ที่ จ.ลำปางพรรคเพื่อไทยน่าจะยังครองใจประชาชนได้ เพราะทางภาคเหนือประชาชนยังชื่นชมอดีตนายกทักษิณ และให้การสนับสนุนพรรคเพื่อไทยอยู่  ส่วนพรรคเล็กก็ไม่น่าจะมีผลกระทบกับเรา เพราะอย่างไรการต่อสู้ก็ยังเป็นเพื่อไทยกับประชาธิปัตย์ที่ต้องชี้ขาดกันในสนามเลือกตั้ง  แต่คิดว่าพรรคพลังประเทศไทยจะมีโอกาสได้ที่นั่งในเขตกรุงเทพฯ หรือจังหวัดทางภาคกลางที่มีความขัดแย้งกันชัดเจน เพราะตอนนี้มีประชาชนที่ไม่เอาเพื่อไทย ประชาธิปัตย์ก็ไม่ชอบ ฉะนั้นพรรคกลางถึงเล็กจะมีโอกาสมากขึ้น แต่หากไปเปิดในพื้นที่ที่ฐานเสียงเดิมหนาแน่น เช่น ภาคเหนือ ภาคอีสาน คงค่อนข้างลำบากและมีโอกาสที่จะได้ที่นั่งน้อยมาก

เรื่องการชี้มูลความผิดของ ป...ทางพรรคมีความหนักใจหรือไม่ นายกิตติกร กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการพูดถึงเรื่องนี้  ซึ่งขณะนี้สภายุบไปแล้ว ส..ก็หมดอำนาจหน้าที่ หากชี้มูลมาก็ต้องมีการไต่สวนและยื่นให้วุฒิสภาถอดถอน ซึ่งกระบวนการต้องใช้เวลาเป็นปี จะรวบรัดให้เสร็จภายในเดือนเดียวคงไม่ได้ ถ้าเป็นเช่นนั้นก็เหมือนการกลั่นแกล้งกันมากกว่า เพราะทาง ป...ก็มีคดีรออยู่หลายหมื่นคดี  ส่วนเรื่องยุบพรรคคงไม่มีปัญหา เพราะศาลรัฐธรรมนูญเขียนไว้ชัดเจนว่าไม่มีความผิดต่อการยุบพรรค ถ้าจะหาเรื่องยุบพรรคก็คงเป็นการใช้อำนาจนอกเหนือกฎหมายมากกว่า

ด้านนายมัธยม นิภาเกษม อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์  กล่าวว่า  พรรคประชาธิปัตย์จะมีการประชุมแก้ไขข้อบังคับพรรคและเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ในวันที่ 16-17 ธ.ค.นี้ เนื่องจากทางพรรคอยู่ระหว่างการปฏิรูปพรรค

จากกระแสข่าวที่ว่าพรรคประชาธิปัตย์จะไม่ส่งผู้สมัครทั้งประเทศนั้น นายมัธยม กล่าวว่า ตอนนี้เพิ่งยุบสภาก็มีข่าวลือพูดกันออกไปต่างๆนานา เพียงแต่ตอนนี้ต้องรอความชัดเจนจากกรรมการบริหารพรรคที่จะมาเป็นผู้ตัดสินใจ  แต่โดยส่วนตัวแล้วมองว่าหากยังไม่มีการปฏิรูปการเมือง ทั้งที่เห็นชัดแล้วว่ามีประชาชนจำนวนมากออกมาเรียกร้องขนาดนี้ เพราะมีการโกงกินมีการทุจริตเกิดขึ้นจริง  ผมคงไม่สมัครรับเลือกตั้งถึงแม้ว่าพรรคจะส่งให้ลงสมัครก็ตาม  เพราะเลือกตั้งไปก็ยังเป็นแบบเดิมๆ ประชาชนก็จะมีการออกมาประท้วงกันอีก ผมไม่อยากเข้าไปร่วมสังฆกรรมกับการเมืองแบบนี้ สู้ออกมาทำงานภาคประชาสังคมยังดีเสียกว่า

ขณะที่นายดาชัย อุชุโกศลการ หัวหน้าพรรคพลังประเทศไทย  เปิดเผยถึงความคืบหน้าของพรรคว่า ตั้งแต่จดทะเบียนพรรคการเมืองเมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา ก็ได้เตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งมาตลอดอยู่แล้ว  แต่ไม่คิดว่าจะเลือกตั้งเร็วขนาดนี้   วันที่ 23 ธ.ค.นี้ก็จะเดินทางไปสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ แน่นอนว่าผมลงบัญชีรายชื่ออันดับ 1 อยู่แล้วในฐานะหัวหน้าพรรค ซึ่งคาดการณ์ไว้ว่า 1.3 แสนคะแนนจะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ 1 คน เป็นการรวมคะแนนจากทั่วประเทศ  ซึ่งพรรคเองจะส่งผู้สมัครบัญชีรายชื่อประมาณ 30 คน ในส่วนของผู้สมัครแบ่งเขตทั้ง 4 เขตเลือกตั้ง พรรคพลังประเทศไทยลงสมัครครบทุกเขตแน่นอน ที่มีความชัดเจนแล้วคือ เขต 1 นายณฤธร ถาคำฟู ลงสมัครแน่นอน ส่วนเขตอื่นๆยังคงต้องรอมติที่ประชุมพรรคอีกครั้ง  นอกจากนั้นในต่างจังหวัดจะได้ส่งผู้สมัครที่ จ.พะเยา 2 เขต เชียงราย 3 เขต  กรุงเทพฯ 2 เขต อุดรธานี 4 เขต และตาก 2 เขต   

การเลือกตั้งครั้งนี้วางเป้าหมายไว้อย่างไร นายดาชัย กล่าวว่า  ตั้งเป้าไว้ว่าให้ได้ ส.ส.3 ที่นั่งทั้งประเทศ และคาดหวังว่าหากชนะที่ จ.ลำปาง 1 ที่นั่งก็มีความสุขแล้ว ผมเป็นนักการเมืองบ้านนอก มาลงนายก อบจ.ลำปาง ถือว่าสู้เต็มที่แล้ว วันนี้มีพรรคการเมืองเป็นของตัวเองก็ถือว่ามาไกลเกินฝัน และกำลังจะส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง ชนะหรือแพ้ไม่ขาดทุนมีแต่กำไร  นโยบายที่เสนอก็เป็นพรรคของคนลำปาง ถ้าคนลำปางอยากจะเปลี่ยนแปลงเราก็มีโอกาสมี ส.ส.คนลำปางเข้าไปนั่งในสภาได้เพิ่มขึ้น ผมไม่ได้ตั้งพรรคมาแข่งกับใคร  แต่อาจเป็นการกระตุ้นให้คนเก่าทำงานมากขึ้น  เราเป็นพรรคเล็กเราไม่ได้เปรียบอยู่แล้ว แต่จุดขายของเราคือพรรคของคนลำปาง  

 อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้มีกระแสข่าวว่า นายไพโรจน์ โล่ห์สุนทร จะส่งลูกชายคนโต นายกิตติกร โล่ห์สุนทร ที่ได้รับการปลดล็อคบ้านเลขที่  109 ไปหมาดๆ ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ ส่วนเจ้าตัวจะลงสมัคร ส.ส.เขต 1   ในขณะที่เขต 2 นายวาสิต พยัคฆบุตร เตรียมส่งลูกชายลงสมัคร ส.ส.เขตแทน โดยตัวเองจะหันไปลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ  ส่วนเขต 3 และเขต 4 นั้น ยังคงเป็นของนายจรัสฤทธิ์ และนายอิทธิรัตน์ จันทรสุรินทร์  ที่ยังคงรักษาพื้นที่เดิมอยู่


(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 956  13 - 19 ธันวาคม 2556)  
Share:

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์