คนไทยว่างเว้นจากการเลือกตั้งมาไม่น้อยกว่า 6 ปี ช่วงเว้นวรรคยาวนี้
อาจทำให้โฉมหน้าทางการเมืองเปลี่ยนไป ด้วยพรรคการเมืองเกิดใหม่
นักการเมืองหน้าใหม่เกิดขึ้นมากมาย ความไม่ต่อเนื่องนี่เองที่ส.ส.หน้าเดิม
อาจไปไม่ถึงฝั่งฝัน และเปลี่ยนให้ ส.ส.หน้าใหม่ คนใหม่ๆ
มาเดินบนถนนการเมืองมากขึ้น ย้อนหลังไปก่อนที่จะมีพรรคเพื่อไทย
ลำปางมีส.ส.จากพรรคชาติไทย พรรคความหวังใหม่ มีหลลายพรรคแบ่งเก้าอี้กันไป
แต่เมื่อเกิดพรรคเพื่อไทย 4 เขตเลือกตั้ง
ก็ถูกยึดครองอย่างเบ็ดเสร็จโดยพรรคเพื่อไทย
ถึงวันเลือกตั้งครั้งใหม่ สถานการณ์เปลี่ยน
ทุกสิ่งเปลี่ยนไป พรรคเพื่อไทยที่เป็นพรรคการเมืองอันดับหนึ่งก่อนยึดอำนาจ
และเป็นพรรคการเมืองที่อยู่ต่างขั้วอย่างสิ้นเชิงกับคสช.ซึ่งนั่นหมายถึงพรรคการเมืองที่สนับสนุนผู้นำคสช.ด้วย
กลับอยู่ในฐานะลำบาก และที่น่าจะถึงกับกระอักโลหิตคือทักษิณ ชินวัตร ที่อดีต
ส.ส.พรรคเพื่อไทยไม่น้อยแปรพักตร์ไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐ
เช่นเดียวกับอดีตส.ส.เกือบทุกพรรคที่ฝากชีวิตไว้กับพรรคการเมืองนี้
เช่นเดียวกับลำปาง
ไม่แน่แล้วที่พื้นที่ยังคงครองไว้ด้วยพรรคเพื่อไทย
ความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ คือการประกาศตัวสังกัดพรรคพลังประชารัฐของดาชัย
เอกปฐพี อดีตหัวหน้าพรรคพลังประเทศไทย ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ลำปาง เขต 2
ซึ่งเคยผลักดันให้เกิดพรรคการเมืองท้องถิ่น เช่นเดียวกับพรรคพลังชล
ของนักการเมืองกลุ่มคุณปลื้ม แต่ดูเหมือนยังต้องลงแรง ลงทุนกันอีกไม่น้อย
การใส่เสื้อพรรคพลังประชารัฐ
จึงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ในกระแสพปชร.ฟีเวอร์ขณะนี้
บวกกับคุณสมบัตินักการเมืองรุ่นใหม่ ที่แข็งขัน
กล้าพูด กล้าคิด พปชร.จึงน่าจะเป็นสปริงบอร์ดให้เขาเข้าไปทำหน้าที่ในสภาได้
“ผมต้องการที่จะเข้าไปทำหน้าที่เป็นตัวแทนที่กล้าพูด
กล้าที่จะเข้าไปแสดงความคิดเห็นในสภาผู้แทนราษฎร
เพื่อที่จะได้นำเอาปัญหาความเดือดร้อนต่างๆของประชาชนชาวลำปางไปเสนอแก่สภาผู้แทนราษฎร
ส่วนสาเหตุที่ตัดสินใจเลือกพรรคประชารัฐซึ่งเป็นพรรคการเมืองใหม่
เพราะพรรคมีแนวคิดที่สามารถเชื่อมต่อกับรัฐบาลปัจจุบัน
จะทำให้การทำงานมีความต่อเนื่อง
และหากลงพรรคเล็กก็ไม่อาจแข่งขันกับพรรคใหญ่ดั้งเดิมได้”
แต่ในขณะที่ดาชัย กระโดดลงเรือพรรคการเมืองสาย
คสช.นักการเมืองอดีตพรรคเพื่อไทย แชมป์เก่า โดยเฉพาะ นายอิทธิรัตน์ จันทรสุรินทร์ และ นายจรัสฤทธิ์ จันทรสุรินทร์
ทายาทนักการเมืองเก่าแก่พินิจ จันทรสุรินทร์ ที่เคยมีข่าวว่า
จะไปซบพรรคพลังประชารัฐด้วย ก็ยืนยันว่ายังเหนียวแน่นอยู่กับพรรคเพื่อไทย
ไม่แตกต่างไปจากนักการเมืองกลุ่มบ้านสวน
นายกิตติกร และนายธนาธร โล่ห์สุนทร ที่ยังไม่มีข่าวว่าจะแปรเปลี่ยนไปเป็นอื่นและจนถึงวันสุดท้ายของการสังกัดพรรค
พวกเขาก็ยังอยู่กับพรรคเพื่อไทย คงมีแต่ท่านผู้อาวุโสแห่งบ้านสวน ไพโรจน์
โล่ห์สุนทร เท่านั้น ที่ดูเหมือนยังไม่แน่ใจนักว่าจะมีการเลือกตั้งหรือไม่
ประสา “ม้าสีหมอก” ที่ทำข่าวการเมืองมานาน
ผ่านประสบการณ์การที่การเมืองไทย เคยมีพรรคสามัคคีธรรม
พรรคการเมืองเฉพาะกิจที่ตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุนผู้นำเผด็จการ เชื่อว่าความคึกคัก
ความแรงของพรรคพลังประชารัฐนั้น เป็นเพียงภาพมายา
ซึ่งไม่น่าจะเป็นพรรคการเมืองอันดับหนึ่งในสภาสมัยหน้า
ส่วนการผลักดันให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่อาจประสบผลสำเร็จด้วยปาฎิหาริย์
250 สมาชิกวุฒิสภา
และ “ม้าสีหมอก” เชื่อว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้น
แต่จะเป็นการเลือกตั้งอายุสั้น อย่างมากก็หนึ่งปี ยิ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
อยู่ต่อ ด้วยภาวะอารมณ์ที่ทนแรงกดดันอะไรไม่ค่อยได้ เขาจะไปได้ไม่ไกลด้วยบรรยากาศประชาธิปไตย
และความเข้มข้นของนักการเมืองในการวิพากษ์ วิจารณ์ที่ไร้ข้อจำกัดเช่นเดียวกับยุค
คสช.พล.อ.ประยุทธ์ ถูกเหยียบตายอย่างแน่นอน
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น