วันศุกร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

ปานจะฟิน ฟินจริงไม่ได้โม้

จำนวนผู้เข้าชม เว็บเคาน์เตอร์

ปานจะฟิน คือโบรชัวร์ที่วางตัวอยู่อย่างเงียบ ๆ บนชั้นข้อมูลในศูนย์บริการข้อมูลนักท่องเที่ยว เทศบาลนครลำปาง คล้ายจะเป็นแคมเปญเก๋ ๆ ชักชวนคนให้ไปเที่ยว อำเภอเมืองปาน กัน ด้านหนึ่งของโบรชัวร์ระบุสถานที่ท่องเที่ยว อีกด้านหนึ่งมีแผนที่ ปฏิทินท่องเที่ยวประเพณีท้องถิ่น และที่พักพร้อมสรรพ

อำเภอเมืองปานอยู่ห่างจากอำเภอเมืองลำปางไปทางทิศเหนือราว 84 กิโลเมตร โอบล้อมด้วยขุนเขาและพืชพรรณอย่างน่ามหัศจรรย์ เดิมชาวบ้านเรียกกันว่า ทุ่งสามหมวก หรือ ทุ่งสามโค้ง อุดมไปด้วยป่าไม้ สายน้ำ และความสมบูรณ์ของผืนแผ่นดิน จนกลายเป็นเป้าหมายของพม่าและเงี้ยว ที่หวังเข้ามายึดที่นี่ให้เป็นแหล่งบ่มเพาะเสบียงอาหาร

ตำนานโบราณเล่าถึงนายบ้านผู้หนึ่งที่นำพาผู้คนปกป้องเมืองเล็กกลางขุนเขา ว่ากันว่า เขาทำเครื่องส่งสัญญาณแจ้งเหตุจากทองคำหลอม เรียกว่า ปาน มีลักษณะคล้ายฆ้องใหญ่ ชาวบ้านในอดีตเรียกว่า ปานคำ และพากันขนานนามผู้นำท่านนั้นว่า เจ้าขุนจะปาน จากนั้นชื่อบ้านนามเมืองจึงถูกเรียกกันจนกร่อนเหลือเพียง เมืองปาน

ด้วยความที่เป็นเมืองเก่าแก่ อำเภอเมืองปานจึงมีวัดน่าชมอยู่หลายวัด ที่ตำบลแจ้ซ้อนมีวัดพระธาตุดอยซาง วัดนี้ตามตำนานกล่าวว่า พระนางจามเทวีได้นำพระพุทธรูปมาประดิษฐานไว้บนยอดและสร้างสถูปครอบไว้ วัดข่วงกอม วัดเก่าแก่อายุกว่า 200 ปี วัดศรีหลวงแจ้ซ้อน มีหลังคาไม้ซ้อนกันถึง 4 ชั้น ประดับประดาด้วยเครื่องไม้แกะสลัก งานปูนปั้นรูปสัตว์หิมพานต์ รวมถึงทวยเทพยดานั้น งดงามตามศิลปะท้องถิ่น วัดสบลี วัดเล็ก ๆ แสนสมถะ ทว่าง่ายงาม น่าชมยิ่งนัก

ที่ตำบลบ้านขอ วัดพระธาตุจอมก้อย มีพระพุทธรูปปางไสยาสน์ขนาดใหญ่สานด้วยตอก ซึ่งถือเป็นแห่งแรกในประเทศไทย สร้างด้วยความศรัทธาในพระพุทธศาสนาของชาวเมืองปาน ที่ตำบลทุ่งกว๋าว วัดปลายนาหลวงเป็นวัดเก่าแก่กว่า 650 ปี ประดิษฐานพระเจ้าทันใจและพระศิลาหิน พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ของผู้คน

ด้านแหล่งธรรมชาติไฮไลต์คงต้องยกให้ อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน ซึ่งวันนี้ปรับภูมิทัศน์ใหม่ มีบ่อน้ำร้อนให้แช่เพิ่มขึ้น ที่นี่ยังเป็นจุดเริ่มต้นของเมนูเด็ดอย่างไข่ยำน้ำแร่ โดยหม่อมราชวงศ์ถนัดศรี สวัสดิวัตน์ ได้ริเริ่มเมนูนี้ ปรากฏว่าเป็นที่ติดอกติดใจแก่ผู้ได้ลิ้มลองทุกคน จนกลายเป็นจานเด็ดประจำอำเภอไปแล้ว ยิ่งถ้าได้กินกับข้าวไรซ์เบอร์รีร้อน ๆ หอม ๆ ซึ่งอำเภอเมืองปานนับเป็นแหล่งปลูกข้าวไรซ์เบอร์รีที่มีชื่อเสียง ก็คงจะฟินมาก ๆ

ห่างจากอุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อนไปราว 14 กิโลเมตรจะถึง บ้านป่าเหมี้ยง กลางดอยสูงกว่า 1,000 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง หมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้ช่างเงียบสงบ สะอาดสะอ้าน ไล่ระดับไปบนเนิน ธารน้ำสายหลักไหลรินอยู่เบื้องล่าง นอกจากจะเป็นแหล่งชมเสี้ยวดอกขาว ชาวบ้านยังปลูกชา ทำเมี่ยงส่งขายทั่วภาคเหนือ ทำหมอนใบชา มีโฮมสเตย์ บนเส้นทางมี จุดชมวิวดอยล้าน และ กิ่วฝิ่น ที่สูงจากระดับทะเลปานกลาง 1,517 เมตร มองเห็นรอยต่อจังหวัดลำปางและจังหวัดเชียงใหม่

บ้านแม่แจ๋ม บนทางหลวงหมายเลข 1252 ตั้งอยู่กลางแดนดอยหนาวเย็น จึงเป็นแหล่งปลูกพืชพรรณเมืองหนาวอย่างแมกคาเดเมีย กาแฟ เสาวรส และผลไม้นานาชนิด ว่ากันว่า คนที่นี่เริ่มปลูกสตรอว์เบอร์รีได้เป็นที่แรก ๆ ของจังหวัดลำปาง

สำหรับปฏิทินท่องเที่ยวประเพณีท้องถิ่น ในโบรชัวร์ระบุว่าเดือนมกราคม-ชมดอกซากุระบานบนดอยกิ่วฝิ่นและบ้านแม่แจ๋ม เดือนกุมภาพันธ์-เทศกาลดอกเสี้ยวบาน บ้านป่าเหมี้ยง / เทศกาลวันปีใหม่กลุ่มชาติพันธุ์ม้ง เดือนมีนาคม-ประเพณีเลี้ยงผีปู่ย่า เดือนเมษายน-ประเพณีปี๋ใหม่เมือง / ประเพณีสรงน้ำพระธาตุ เดือนพฤษภาคม-ประเพณีแปดเป็ง เดือนมิถุนายน-ประเพณีเลี้ยงผีเจ้าบ้าน เดือนกรกฎาคม-ประเพณีเข้าพรรษา เดือนกันยายน-ประเพณีตานก๋วยสลาก เดือนตุลาคม-ประเพณีออกพรรษา เดือนพฤศจิกายน-ประเพณีตานเดือนยี่เป็ง เดือนธันวาคม-ชมดอกซากุระบานบนดอยกิ่วฝิ่นและบ้านแม่แจ๋ม / ประเพณีเลี้ยงผีข้าวแฮก / พิธีเอาข้าวใส่ถุง / พิธีซ้อนขวัญข้าว

หากไม่ได้ไปเที่ยวต่างจังหวัด ลองหันมาสำรวจซอกแซกไปยังต่างอำเภอของเรา อาจบางทีได้พบเจอเรื่องราวสนุก ๆ เพราะความสุขนั้นช่างเรียบง่าย และบางครั้งไม่ต้องดั้นด้นไปไหนไกลเลย


(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1207 วันที่ 30 พฤศจิกายน - 6 ธันวาคม 2561)
Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์