และเมื่อวันที่ 3
เมษายน 2563 ที่ผ่านมา
ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาเพิกถอนคำสั่งกระทรวงมหาดไทยที่ 372/2557 ลงวันที่ 9
กรกฎาคม 2557 ที่ลงโทษไล่ออกนายดิเรก ก้อนกลีบ ออกจากราชการ และคำวินิจฉัยของ
ก.พ.ค. ที่วินิจฉัยยกอุทธรณ์ของนายดิเรก ก้อนกลีบ
โดยให้มีผลย้อนหลังไปถึงวันที่มีคำสั่งและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ดังกล่าว พร้อมคืนสิทธิประโยชน์ให้แก่นายดิเรก
ก้อนกลีบตามที่กฎหมายและระเบียบกำหนด
โดยให้เหตุผลว่า
ข้อเท็จจริงได้ปรากฏตามรายงานการตรวจสอบข้อเท็จจริงของคณะอนุกรรมการธิการ
ประสานภารกิจสภาปฏิรูปแห่งชาติ ด้านการปกครองท้องถิ่น
ในคณะกรรมมาธิการปกครองส่วนท้องถิ่น สภานิติบัญญัติแห่งชาติ พบว่า
การก่อสร้างอ่างเก็บน้ำทั้ง 4 แห่ง มีสภาพแข็งแรง
สามารถรองรับและเก็บน้ำได้อย่างดี และหากมีการบริหารจัดการเพื่อนำน้ำในอ่างมาใช้ประโยชน์
จะสามารถแก้ปัญหาภัยแล้งในพื้นที่ อ.แม่เมาะ
และทำให้ประชาชนมีน้ำใช้เพียงพอต่อการประกอบอาชีพ
ข้อเท็จจริงแสดงให้เห็นว่าการไม่ปฏิบัติตามระเบียบกรมป่าไม้ของนายดิเรก ก้อนกลีบ
ไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อทางราชการ
แต่กลับทำให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับประโยชน์จากโครงการดังกล่าว ไม่อาจถือได้ว่านายดิเรก
กระทำการได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง
อันเป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง
อย่างไรก็ตาม
นายดิเรก หรือ วรเดช ก้อนกลีบ ได้พ้นความผิดทางวินัยแล้ว แต่ในส่วนของคดีอาญายังคงอยู่ระหว่างการต่อสู้ในชั้นศาล
โดยเมื่อวันที่ 5 ก.ค. 2561ที่ผ่านมา ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 5
จังหวัดเชียงใหม่ ได้มีคำพิพากษาตัดสินลงโทษจำคุก นายดิเรก ก้อนกลีบ
อดีตผู้ว่าลำปาง และพวกรวม 14 ราย โดยไม่รอลงอาญา ในส่วนของ นายดิเรก และ นายเสริมศักดิ์
สีสันต์ อดีตนายอำเภอแม่เมาะ ถูกตัดสินลงโทษคนละ 4 กรรม ๆ และ 4 ปี รวมจำนวน 16 ปี
ส่วนจำเลยอื่นถูกตัดสินโทษลดหลั่นกันลงมา เบื้องต้นจำเลยทั้งหมด
ได้มีการยื่นหลักทรัพย์ขอประกันตัว เพื่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์และฏีกาต่อไป
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น