วันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2556

เจาะชีวิต 'เกรียงไกร' ต้นตำนานเพชรซาอุฯ


เจาะใจ เกรียงไกร เตชะโม่งต้นตำนานคดีเพชรมรณะ เผยชีวิตวันนี้ความเป็นอยู่ไม่ได้ร่ำรวย หาเช้ากินค่ำไปวันๆ ที่ผ่านมา ชีวิตหวาดระแวง ไร้ความสุข อยู่ในคุกเครียดจนเกือบบ้า ย้ำหากแก้ไขอดีตได้จะไม่คิดทำเช่นนั้น

หลังจากที่เรือนจำกลางบางขวาง ได้อนุญาตพักการลงโทษให้กับ นายชลอ เกิดเทศ  หรือ พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ อดีตผู้บัญชาการประจำกรมตำรวจ นักโทษเด็ดขาดถูกศาลพิพากษาประหารชีวิตในคดีอุ้มฆ่าสองแม่ลูกในตระกูลศรีธนะขัณฑ์ และถูกตัดสินจำคุกในคดียักยอกเพชรซาอุฯซึ่งเป็นของกลางในคดี และปล่อยตัวออกจากเรือนจำ เมื่อวันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจาก พล.ต.ท.ชลอ รับโทษจำคุกมาแล้วนานกว่า 19 ปี จึงมีคุณสมบัติเข้าเงื่อนไขพักการลงโทษ จากการรับโทษจำคุกมาแล้วเกิน 2 ใน 3 และยังเป็นผู้ต้องขังที่จัดอยู่ในกลุ่มนักโทษชรา มีอายุเกิน 70 ปี รวมทั้งมีอาการป่วยเรื้อรัง โรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท  ทำให้ชีวิตของของนายชลอ เกิดเทศ มีอิสรภาพอีกครั้ง

ทั้งนี้ จุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมดเกิดจากนายเกรียงไกร เตชะโม่ง  ผู้โจรกรรมเครื่องเพชรของกษัตริย์ไฟซาล แห่งซาอุดิอาระเบีย ซึ่งถ้าเขายังอยู่ที่นั่น โทษคือการตัดมือ ตามกฎเหล็กของศาสนา แต่โชคดีที่เขารับโทษจำคุกฐานลักทรัพย์ในประเทศไทยเท่านั้น

และนี่คือ บางเรื่องราวชีวิตจากปากคำของเกรียงไกร เตชะโม่ง  ผู้ก่อเกิดตำนานเพชรซาอุที่โด่งดังไปทั่วโลก

“ลานนาโพสต์” ได้ติดตามชีวิตความเป็นอยู่ของเกรียงไกร เตชะโม่ง ปัจจุบันอาศัยอยู่กับภรรยาเพียง 2 คนในหมู่บ้านแม่ปะหลวง ต.แม่ปะ อ.เถิน จ.ลำปาง ลักษณะเป็นบ้านไม้เก่ายกพื้นสูง มีรถกระบะดัดแปลงเป็นรถดั๊มไว้รับจ้างบรรทุกหิน ดิน ทราย อยู่เพียง 1 คัน ซึ่งชีวิตความเป็นอยู่ของเกรียงไกรไม่ได้ร่ำรวย ยึดอาชีพทำไร่ทำนาเหมือนกับชาวบ้านทั่วไป

นายเกรียงไกร เปิดเผยกับลานนาโพสต์ว่า  ปัจจุบัน มีอาชีพทำไร่ข้าวโพด ทำนา โดยที่ดินของตัวเองมีอยู่ 4 ไร่ ที่เหลือก็เช่าที่ดินของคนอื่นทำ และมีรถดั๊มเล็กไว้รับจ้างขนลากทรายอยู่ 1 คัน ถ้ามีคนสั่งหิน ทราย ก็จะไปรับที่ท่าทรายนำมาส่งให้  กับเพื่อนบ้านก็เข้ากันได้ดีเวลามีกิจกรรมในหมู่บ้านก็ร่วมกันทำ เท่าที่ดูแล้วคิดว่าเพื่อนบ้านเห็นว่าผมได้รับโทษแล้ว เมื่อพ้นโทษออกมาก็ไม่ประพฤติตัวแบบนั้นอีก ไม่เคยทำเรื่องไม่ดี จึงไม่มีใครพูดถึงเรื่องนั้นอีก  ส่วนมากจะคิดกันว่าผมยังมีเงินมีเพชรซ่อนอยู่ การที่ไปรับจ้างทำนาทำสวนก็คิดว่าผมแกล้งจน ความจริงแล้วเราไม่มีจริงๆ  แต่ผมก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะไมได้มีทรัพย์สินอะไรอยู่แล้ว ตอนนี้อายุมาก 55 ปีแล้ว อยู่กับภรรยาด้วยกันสองคนก็ต้องเข้าใจกัน ชีวิตความเป็นอยู่ทุกวันนี้ก็พอมีพอกิน ไม่ได้ทุกข์ใจอะไร ทำไร่ทำสวนไปเรื่อยๆ จะบอกว่าร่ำรวยก็คงไม่ใช่ ตอนนี้คิดอยากจะทำบ้านใหม่ก็ยังไม่เงิน
ต้องปรึกษาลูกก่อน บ้านหลังนี้ก็อยู่มากว่า 20 ปีแล้ว เคยโดนน้ำท่วมหนักเมื่อปี 2544 ทรุดโทรมไปมาก  ส่วนลูกทำงานอยู่กรุงเทพฯจะกลับมาเยี่ยมวันที่ 1 พ.ย.นี้

เมื่อถามว่าได้ติดตามข่าวบ้างหรือไม่  นายเกรียงไกร กล่าวว่า ติดตามข่าวทั่วไปเป็นปกติ ชอบดูข่าวเรื่องดินฟ้าอากาศ

 ส่วนข่าวของผมที่เกิดขึ้นก็ไม่อยากจะพูดถึง เพราะเกิดมานานกว่า 20 ปีแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นก็อยากจะลืม หากพูดถึงหรือนึกถึงก็จะทำให้คิดมากและเป็นผลเสียกับตัวผมเอง ทำให้เครียดขึ้นมา ไม่อยากจะกลับไปคิดอะไรอีก”

นายเกรียงไกร ยังกล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาต้องอยู่แบบหวาดระแวง หลบซ่อน อยู่ในเรือนจำเครียดจนจะเป็นบ้า พอพ้นโทษออกมาไม่อยากพูดหรือเล่าเรื่องอะไรอีก ไม่อยากเจอนักข่าวและพยายามหลบ แต่ก็ไม่เป็นผลดีกับตัวเองและญาติพี่น้อง จึงพยายามปรับตัวและรับเรื่องราวที่เกิดขึ้น จนทุกวันนี้หากมีใครเข้ามาหาก็พูดคุยได้ปกติ   

หากย้อนเวลากลับไปได้จะไม่ทำแบบนี้ ตอนนั้นไม่ได้คิดเลยว่าจะเกิดอะไร พอเกิดเรื่องลำบากมาก ตอนที่ไปอยู่ในเรือนจำแทบจะเป็นบ้า เป็นคดีที่อื้อฉาวใครพ่วงกับคดีนี้ก็เดือดร้อนกันเกือบทุกคนนายเกรียงไกร กล่าว

 (หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 950 วันที่ 1 - 7 พฤศจิกายน 2556)

Share:

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์