เปิดใจ
อดีต สท.บ่อแฮ้ว ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่ง สุดเจ็บปวดถูกรุมต่อว่าในสภาฯทำงานเอาหน้า
เผย 4 ปีที่ผ่านมาช่วยเหลือชาวบ้านมาตลอด
หลังชาวบ้านและเพื่อน สท.รู้ข่าว มาหาถึงบ้านขออยู่ต่อ แต่สุดทนแล้ว รู้สึกหลุดพ้นจากบ่วงกรรม
จากกรณีที่นายสุรินทร์ สุวรรณ สมาชิกสภาเทศบาลตำบลบ่อแฮ้ว
เขต 1 ได้ยื่นหนังสือต่อผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง ขอลาออกจากตำแหน่งสมาชิกสภาเทศบาลตำบลบ่อแฮ้ว
โดยให้เหตุผล 3 ข้อด้วยกัน คือ
ไม่มีความสามารถทำหน้าที่ได้ดีพอสมกับได้รับค่าตอบแทนจากเงินภาษีประชาชน ไม่สามารถสื่อสารและประสานงานในการทำงานร่วมกับสมาชิกสภาเทศบาลตำบลบ่อแฮ้วได้
ทำให้มีอุปสรรค
และทางครอบครัวไม่เข้าใจบทบาทในการทำงานในหน้าที่ของสมาชิกสภาเทศบาลฯ โดยมีผลวันที่
1 ธ.ค.61
ต่อมานายสุรินทร์
สุวรรณ อดีตสมาชิกสภาเทศบาลตำบลบ่อแฮ้ว ได้ให้สัมภาษณ์เปิดใจกับลานนาโพสต์ว่า การที่ตนเองยื่นหนังสือลาออกต่อผู้ว่าราชการจังหวัดลำปางนั้น
ตามเหตุผลข้อแรกคือไม่มีความสามารถในการทำงาน
ไม่คุ้มกับเงินตอบแทนที่ได้รับสภาเทศบาล
เรื่องนี้ตามจริงแล้วตนเองทำให้ชาวบ้านได้อีกมาก
ถึงแม้ว่าตนเองไม่ได้มีตำแหน่งก็พร้อมที่จะช่วยเหลือชาวบ้านเต็มที่
ซึ่งที่ผ่านมาก่อนที่จะมาเป็นสมาชิกสภาเทศบาลนั้น
ได้มีชาวบ้านเข้ามาพบและปรึกษาอยู่ตลอด เมื่อมีงานหรือมีกิจกรรมภายในหมู่บ้าน
ตนก็จะช่วยเหลือสนับสนุนตามความเหมาะสม
จนกระทั่งมีชาวบ้านเชียร์ให้ลงสมัครสมาชิกสภาเทศบาล จึงตัดสินใจลง
ตอนแรกจะลงในนามอิสระ แต่ทางนายกฯสมพร วะเท ได้มาทาบทามให้ตนร่วมลงสมัครในนามกลุ่มแม่ตุ๋ยพัฒนา
เพื่อร่วมกันพัฒนาหมู่บ้าน และมีผู้ใหญ่แนะนำด้วย จึงได้ลงสมัครในนามกลุ่ม
และได้รับเลือกคะแนนเป็นอันดับที่ 3 ของกลุ่ม ตลอดการทำงานก็ได้ช่วยเหลือชาวบ้านมาโดยตลอด
ไม่คิดว่าจะมีคนคอยต่อต้านตนอยู่
นายสุรินทร์
กล่าวต่อไปว่า ส่วนประเด็นที่ว่าไม่สามารถประสานงานกับสมาชิกสภาในกลุ่มได้
ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ ที่เกิดขึ้นมานานถึง 3 ปีแล้ว โดยมีปัญหาเพียง 3-4
คนเท่านั้น เนื่องจากที่ผ่านมาตนเองไม่เคยได้รับการประสานงานจากกลุ่ม เช่น
เมื่อไปงานต่างๆจะมีการใส่เสื้อทีมไป ตนเองก็ไม่เคยทราบเรื่อง
เมื่อไปสอบถามทางเลขานายก ก็ได้แจ้งว่าบอกประธานสภาให้แจ้งกับสมาชิกแล้ว
แต่ตนเองกลับไม่ทราบเรื่องจึงไม่ได้ใส่เสื้อทีมไป พอหลังงานก็ว่าให้ตนว่าไม่ให้ความร่วมมือกับกลุ่ม
และยังมีกรณีที่ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนแต่เทศบาลไม่มีงบให้
ตนเองได้ปรึกษากับทางกลุ่มว่าให้ช่วยกันลงขัน
เพื่อช่วยเหลือชาวบ้านแต่ก็ไม่มีใครตอบรับ จึงได้ใช้เงินส่วนตัวไปทำเอง
ซึ่งเรื่องนี้ทางครอบครัวก็ไม่ได้คัดค้าน
และยังสนับสนุนด้วยหากเป็นการช่วยเหลือชาวบ้านในหมู่บ้าน ไม่เฉพาะในเขต 1 ที่ตนเองดูแลอยู่ ถ้ามีชาวบ้านในพื้นที่มาขอความช่วยเหลือ
ก็จะพยายามช่วยเต็มที่ ยกตัวอย่าง ชาวบ้านอุดมพร ต้องการขุดลอกเพราะน้ำตื้นเขิน
ได้มาของบประมาณจากทางเทศบาล แต่ต้องรอหน้าแล้งถึงจะได้งบประมาณ ในขณะที่ชาวบ้านต้องการใช้น้ำทางการเกษตร
จึงช่วยเหลืองบส่วนตัวไป 5,000 บาท ให้เป็นค่าแรงวันละ 300
บาท
ก็กลับกลายเป็นว่าตนเองทำงานเอาหน้า ถูกไม่พอใจหาว่าอวดร่ำอวดรวย
“ครั้งที่เจ็บปวดที่สุดคือถูกรุมด่าในสภาว่า
ทำงานล้ำหน้า เอาหน้าจากการทำงาน ไม่ใช่ลูกผู้ชาย
แต่คติของตนคือถ้ารู้ว่าชาวบ้านเดือดร้อนก็จะเข้าไปหาชาวบ้านเพื่อช่วยแก้ไข
ไม่ใช่รอให้ชาวบ้านเข้ามาหา” นายสุรินทร์ กล่าว
อดีตสมาชิกสภาฯ
กล่าวว่า หลังเกิดปัญหาก็เคยไปปรึกษานายก และเลขานายก แต่ก็ไม่ได้มีการเรียกมาคุยหรือขอโทษกัน กลับยิ่งมีปัญหารุนแรงขึ้น ตนก็ได้ไปปรึกษาทาง กกต. ด้วย ทาง กกต.ได้แนะนำให้ไปแจ้งความ
แต่ถ้าเป็นเรื่องใหญ่โตก็อาจจะมีปัญหาในอนาคตทางการเมืองของเขา ตนจึงไม่ไปแจ้งความ ขอลาออกจากตำแหน่งแทน หลังยื่นหนังสือลาออกก็มีชาวบ้านโทรมาขอให้ระงับการลาออก มีเพื่อน สท.คนหนึ่งมาหาที่บ้านขอว่าไม่ให้ลาออก
ตนเองยืนยันไปว่าตั้งใจจะออกแล้ว แต่ก็รับปากว่าจะดูแลชาวบ้านอยู่ ส่วนกรณีเรื่องของครอบครัวไม่ได้มีอะไร
เพียงแต่เมื่อออกมาก็จะกลับมาดูแลครอบครัว
นายสุรินทร์
ยังได้กล่าวว่า การเมืองท้องถิ่นต้องปรับเปลี่ยนอีกมาก
ตอนหาเสียงทุกคนคุยกับชาวบ้านว่าจะดูแลทุกข์สุขของชาวบ้าน
แต่หลังจากได้ตำแหน่งแล้ว กลับคอยหลบหน้าชาวบ้าน พบตัวยาก งานบุญ งานศพก็ไม่ค่อยไป
ไม่ยึดติดกับการร่วมกันพัฒนา เมื่อชาวบ้านเข้ามาปรึกษาจะต้องขวนขวายที่จะดูแลช่วยเหลือ
ไม่ใช่ว่าเข้ามาเป็นแล้วต้องมารอกินเงินเดือน กินเงินส่วนต่างของโครงการ
ผมไม่มีธุรกิจอะไรรองรับกับโครงการของเทศบาล แต่บางคนที่มีอาชีพรองรับ และมาใช้ผลประโยชน์ทับซ้อนตรงนี้
สำหรับอนาคตทางการเมืองท้องถิ่นนั้น
ยืนยันว่าตนเองจะไม่ไปอยู่กลุ่มอื่น เพราะยังเคารพนายกสมพรอยู่ ในสมัยหน้านายกสมพรมาชวนไปลงร่วมกับกลุ่มตนยินดี
หากว่ายังจะเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้อยู่ ตนเองก็ไม่เอาดีกว่า แต่ถ้าทุกคนพร้อมที่ช่วยกันช่วยเหลือดูแลชาวบ้าน
โดยไม่นำเรื่องเดิมเข้ามาเป็นประเด็นอีก ตนเองก็ไม่มีปัญหาขัดข้อง ซึ่งการออกมาเปิดเผยเรื่องนี้
ยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง ชาวบ้านในพื้นที่ทราบกันดีหมดว่าเรื่องราวเป็นอย่างไร
นอกจากนี้นายสุรินทร์
สุวรรณ ยังได้ทำหนังสือแจกไปยังพี่น้องชาว ต.บ่อแฮ้ว แจ้งเรื่องที่ตนเองได้ลาออกจากตำแหน่งสมาชิกสภาเทศบาลแล้ว
ขอบคุณพี่น้องที่ให้ความเมตตาเลือกตนเองเข้ามาเป็นสมาชิกสภา
และร่วมรับใช้พัฒนาหมู่บ้านและตำบล 4 ปีกว่า
ได้รับความไว้วางใจและความร่วมมือจากชาวบ้านเป็นอย่างดี เมื่อพ้นสภาพสมาชิกสภาเทศบาลไปแล้ว เหมือนหลุดพ้นจากบ่วงกรรม
หวังว่าชาวบ้าน ต.บ่อแฮ้วจะให้ความเมตตาเช่นที่ผ่านมา และยินดีที่จะให้คำปรึกษาและให้ความช่วยเหลือทุกเมื่อ
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1208 วันที่ 7 - 13 ธันวาคม 2561)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น