
สหกรณ์ออมทรัพย์ครูเป็นเรื่องอีก
สมาชิกลงชื่อยื่นร้องเรียนคณะกรรมการดำเนินการชุดปัจจุบัน ทำงานไม่โปร่งใส
ส่อทุจริตในการใช้งบประมาณ
จี้เปิดประชุมใหญ่วิสามัญถอดถอนประธาน
ด้านประธานสหกรณ์ฯยัน ชี้แจงได้ทุกข้อ เผยทุกกระบวนการผ่านกรรมการถึง 3 ชุด
เมื่อวันที่
6 ธ.ค.61 นายสมบูรณ์ วงศ์เรือน สมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ครูลำปาง จำกัด
หน่วยอำเภอเมือง 1 ได้เข้ายื่นหนังสือต่อสหกรณ์จังหวัดลำปาง
ร้องเรียนการปฏิบัติหน้าที่ประธานคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูลำปาง
จำกัด และสั่งให้สหกรณ์ออมทรัพย์ครูลำปาง เปิดประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อดำเนินการถอดถอนประธานคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูลำปาง
ชุดที่ 62 พร้อมกับได้แนบเอกสารเกี่ยวกับประเด็นการร้องเรียนต่างๆ
และลายเซ็นของสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ครูจำนวนหนึ่ง
เพื่อเป็นเป็นหลักฐานในการยื่นหนังสือครั้งนี้
โดยมีนายนิกร กันเอ้ย ผอ.กลุ่มตรวจการสหกรณ์ เป็นผู้รับหนังสือแทน
ทั้งนี้
ตามหนังสือร้องเรียนดังกล่าว ระบุว่า ทางสมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ครูลำปาง
ได้ติดตามและตรวจสอบการทำงานของประธานคณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูลำปาง
ชุดที่ 62 พบพฤติการณ์ความไม่โปร่งใสส่อไปในทางทุจริต มีผลประโยชน์ต่างตอบแทน
ก่อให้เกิดความเสียหายแก่สมาชิก โดยมีการตั้งข้อสังเกตใน
3 ประเด็นด้วยกันคือ ข้อแรกมีการฝ่าฝืนมติ
ไม่ปฏิบัติตามมติที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2560 คือ
ที่ประชุมใหญ่ได้อนุมัติงบดำเนินการสรรหาผู้แทนสมาชิก 7
ล้านบาท เพื่อค่าใช้จ่ายเบี้ยประชุมและค่าพาหนะคนละ 800 บาท
ในการสรรหาผู้แทนสมาชิก ประจำปี 2561 แต่กลับจ่ายให้สมาชิกที่เข้าร่วมประชุม
เฉพาะค่าพาหนะคนละ 300 บาท
เป็นการลิดรอนสิทธิพึงได้ของสมาชิกสหกรณ์ ข้อสอง กระทำการอันน่าเชื่อว่าทุจริตต่อหน้าที่
และจงใจไม่รักษาผลโยชน์ของสมาชิก โดยมีผลประโยชน์ทับซ้อน กรณีการต่ออายุกรมธรรม์กับบริษัทไทยสมุทรประกันชีวิตจำกัด(มหาชน)
เดิมเบี้ยประกัน 475 บาท เพิ่มเป็น 550
บาท โดยไม่เปิดโอกาสให้บริษัทอื่นเข้ามาเสนอราคา และข้อสาม มีการกระทำอันน่าเชื่อว่าทุจริต
ไม่ควบคุมและตรวจสอบการทำงานในการอนุมัติจัดซื้อซุ้มเฉลิมพระเกียรติฯ ร.10 สูงเกินจริง โดยใช้งบประมาณ 125,000 บาท
ซึ่งการเปรียบเทียบการเสนอราคาตามสเปคที่สหกรณ์ออมทรัพย์ครูกำหนด
เมื่อเทียบกับแห่งอื่น จัดทำเพียง 53,500 บาท
และเทียบกับสเปคของซุ้มเฉลิมพระเกียรติที่มีขนาดใหญ่กว่าของสหกรณ์ออมทรัพย์ครู
ก็มีราคา 99,000 บาท
ยังต่ำกว่าราคาที่สหกรณ์ออมทรัพย์ครูลำปางจัดซื้ออยู่
จึงเชื่อว่าเกิดการทุจริตในการดำเนินการดังกล่าว
นายสมบูรณ์
วงศ์เรือน กล่าวว่า ค่อนข้างมั่นใจว่าทางคณะกรรมการชุดนี้มีความผิดจริง เนื่องจากตามระเบียบที่ประชุมใหญ่ได้อนุมัติออกมาแล้ว
แต่ทางคณะกรรมการไปปรับเปลี่ยนมติของที่ประชุมใหญ่ เกี่ยวกับเรื่องการลดเบี้ยประชุมของสมาชิก
จาก 800 บาทเหลือ 300 บาท บอกว่าประหยัดงบประมาณ
ซึ่งมติที่ประชุมใหญ่ถือว่าสำคัญที่สุด แต่กรรมการชุดนี้เอามติของตัวเองเป็นหลัก
ส่วนเรื่องการทำประกันชีวิตก็ไม่ได้มีการประมูลหาบริษัทใหม่
ได้มีการต่อสัญญาไปและเพิ่มเบี้ยประกัน สมาชิกต้องรับภาระเพิ่มอีก 75 บาทต่อคน จาก 457 บาท เป็น 550 บาท เป็นผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่ก็ไม่ทราบได้ และเรื่องการจัดซื้อซุ้มเฉลิมพระเกียรติ
มีราคากลางทั่วไป จากการตรวจสอบพบว่าราคา 5-6 หมื่นบาท
แต่ของสหกรณ์ออมทรัพย์ครู คณะกรรมการได้ไปดำเนินการกันเอง จัดซื้อมาในงบประมาณ 1 แสนกว่าบาท
นายนิกร
กันเอ้ย ผอ.กลุ่มตรวจการสหกรณ์ ต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าเรื่องต่างๆได้กระทำตามข้อระเบียบและกฎหมาย
หรือมีผลประโยชน์หรือไม่ ก่อให้เกิดความเสียหายต่อสมาชิกโดยรวมหรือไม่ กรณีพบว่ามีความผิดจริง
ต้องดูลักษณะโทษว่าเป็นเช่นไร ซึ่งมีทั้งตามกฎหมายแพ่งและกฎหมายอาญา
ส่วนวิธีการยื่นถอดถอนนั้นจะต้องเรียกประชุมสามัญ หรือวิสามัญประจำปี
และเสนอถอดถอนจากที่ประชุมใหญ่ ในกรณีที่มีเหตุชัดเจนว่ามีความผิดจริง
อย่างไรก็ตามต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน ซึ่งการตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นจะทำภายใน
15 วัน แต่จะยังไม่ได้ระบุว่าถูกหรือผิด
ต้องมีการพูดคุยกับทางคณะกรรมการของสหกรณ์ออมทรัพย์ครูด้วย
แต่อย่างไรก็ตามจะต้องทำตามกรอบเวลาที่กฎหมายกำหนด เมื่อตรวจสอบเสร็จแล้วก็จะแจ้งให้ผู้ร้องทราบเรื่อง
ด้านนายนพดล
อินปา ประธานดำเนินการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูลำปาง ชุดที่ 62 ได้เปิดเผยถึงกรณีการถูกร้องเรียนว่า เรื่องเบี้ยประชุมได้มีการเสนอในที่ประชุม
โดยมีคณะกรรมการเกี่ยวข้องอยู่ 3 ชุด คือ
คณะกรรมการสื่อสารและประชาสัมพันธ์ ได้เสนอมา 800 บาท
เป็นค่าเบี้ยเลี้ยง 500 บาท ค่าพาหนะ 300 บาท แต่เมื่อเข้าคณะกรรมการอำนวยการ ชุดกลั่นกรองก่อนเข้ากรรมการชุดใหญ่
ได้ตัดค่าเบี้ยเลี้ยงออก เหลือค่าพาหนะเพียง 300 บาท
โดยให้เหตุผลว่าเป็นการประหยัดงบประมาณ และถ้าจ่าย 800 บาท
สมาชิกจะไม่ได้รับทุกคน เพราะสมาชิกส่วนหนึ่งที่เป็นผู้สูงอายุ และเจ็บป่วยไม่สามารถเข้าร่วมประชุมได้
และนำมติเข้าที่ประชุมของคณะกรรมการดำเนินการซึ่งมีอยู่ 15
คน ก็ได้เห็นชอบให้จ่ายเฉพาะค่าพาหนะ 300 บาท ไม่มีนอกมีใน หรือมีทุจริตอย่างแน่นอน
ส่วนเรื่องซุ้มเฉลิมพระเกียรตินั้น
ไม่ได้มีการประเมินราคากลางไว้ แต่มีการเทียบกันระหว่างผู้เสนอราคา 2 เจ้า
ซึ่งได้ผ่านการตรวจสอบจากผู้ตรวจสอบกิจการและคณะกรรมการ 3
ชุด คือ คณะกรรมการต่อรองราคา คณะกรรมการควบคุมการก่อสร้าง และคณะกรรมการตรวจรับ
ยืนยันว่าเป็นไปตามระเบียบ
การต่อสัญญาประกันชีวิตกับบริษัทไทยสมุทรประกันชีวิตจำกัด
เดิมเมื่อปีก่อนมีเบี้ยประกันคนละ 475 บาท ทุนประกัน 1 แสนบาท คุ้มครอง 1 ปี เมื่อปีก่อนก็ได้ขอเบี้ยประกันเท่าเดิม ซึ่งเคยมีการจัดประมูล และมีอีกบริษัทหนึ่งเสนอ
เบี้ยประกันคนละ 550 บาท
จึงเลือกทำกับบริษัทเดิม ต่อมาในปีนี้ทางบริษัทไทยสมุทร
ได้ขอขึ้นเบี้ยประกันเป็น 550 บาท โดยอ้างเหตุผลว่าบริษัทขาดทุน
หากว่าจะต้องเปิดการประมูลใหม่จะทำให้สมาชิกที่ทำประกันอยู่เดิม
ต้องมีระยะเวลารอคอย 1 ปี
ถึงจะได้รับเงินค่าสินไหมทดแทนกรณีการเกิดอุบัติเหตุหรือเสียชีวิต
เนื่องจากประกันไม่ได้มีการตรวจสุขภาพใดๆ จึงต้องมีระยะรอคอย 1 ปี เพื่อให้ผู้ประกันรักษาสุขภาพให้แข็งแรงภายใน 1
ปี ซึ่งมีกรณีตัวอย่างว่า
มีสมาชิกรายหนึ่งเสียชีวิตก่อนครบ 1 ปี
ทำให้ไม่ได้รับสินไหมทดแทน
คณะกรรมการคำนึงถึงผลประโยชน์ของสมาชิก จึงต่อกับบริษัทไทยสมุทร
ซึ่งราคาไม่สูงไปกว่าอีกบริษัทหนึ่ง
ประธานดำเนินการสหกรณ์ออมทรัพย์ครู
กล่าวทิ้งท้ายว่า ยืนยันว่าคณะกรรมการชุดนี้ไม่ได้เป็นไปตามที่ถูกกล่าวหา
สามารถชี้แจงต่อผู้มีอำนาจได้ทุกประเด็น
ถ้าผู้กล่าวหาไม่พึงพอใจในคำชี้แจงก็ยื่นขอเปิดประชุมวิสามัญได้ แต่ตนเองจะไม่รอ
จะนำเข้าในที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปีในวันที่ 20 ธันวาคม 61 นี้ เพื่อให้สมาชิกได้พิจารณาตัดสินร่วมกัน
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1208 วันที่ 7 - 13 ธันวาคม 2561)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น