วันพฤหัสบดีที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2566

จากซาอุฯถึงลำปาง ต้นทางคดีเพชรบันลือโลก

“ม้าสีหมอก” บินลัดฟ้า ไปสัมภาษณ์โมฮัมหมัด บิน ลุกมาน อดีตนายตำรวจผู้รับผิดชอบคดีเพชรซาอุฯที่ประเทศซาอุดิอาระเบีย เมื่อไม่นานมานี้ มีเนื้อหาบางประการที่น่าสนใจเกี่ยวกับคนลำปาง ที่ไปสร้างตำนานคดีเพชรบันลือโลกคดีนี้

การโจรกรรมข้ามชาติ ของนายเกรียงไกร เตชะโม่ง คนไทยจากหมู่บ้านแม่ปะหลวง ตำบลแม่ปะ อำเภอเถิน จังหวัดลำปาง ในห้วงเวลาระหว่างวันที่ 20 มิถุนายน-9 สิงหาคม 2532 โดยเฉพาะการนำมาซึ่งบลูไดมอนด์ เครื่องเพชรชิ้นสำคัญที่ซาอุฯ ต้องการอย่างยิ่ง

แม้คดีความที่เกี่ยวข้องทั้งเรื่องการลักทรัพย์ของนายเกรียงไกร เตชะโม่ง และคดีสังหารนักธุรกิจชาวซาอุฯ จะจบไปแล้ว และความสัมพันธ์ระหว่างสองชาติกำลังคืนกลับมาสู่ภาวะปกติ แต่เพชรเม็ดสำคัญยังสูญหาย นายตำรวจจำเลยที่ทางการซาอุฯ เชื่อว่าเป็นผู้อุ้มฆ่า นายโมฮัมหมัด อัลรูไวลี่ ไม่ได้รับการลงโทษ

 “ม้าสีหมอก” ได้มีโอกาสพบปะสนทนากับบุคคลสำคัญคนหนึ่งที่มีบทบาทเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ โมฮัมหมัด บิน ลุกมาน (นามสมมติ เพื่อความปลอดภัยของแหล่งข่าว)

โมฮัมหมัด บิน ลุกมาน  อดีตนายตำรวจซาอุฯ ที่ได้รับมอบหมายให้ติดตามคดีเพชรซาอุฯ และคดีอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เปิดบ้านต้อนรับ “ม้าสีหมอก” ที่บ้านของเขา อยู่ห่างจากนครมักกะห์  อันเป็นที่ตั้งของอัล-กะบะห์ ศูนย์รวมจิตใจของมุสลิมทั่วโลก ราว 8 กม.

โมฮัมหมัด บอกว่า เป็นย่านที่อยู่อาศัย อันเคยเป็นที่พักของอุสามะห์ บินลาเดน มาก่อน

บ้านของโมฮัมหมัด  เป็นตึกสีน้ำตาลอ่อนรูปทรงสี่เหลี่ยมลูกบาศก์ต่อกันคล้ายกล่องหลายกล่อง ภายนอกเรียบง่าย มีเพียงประตูเหล็ก ประดับลวดลายรูปทรงเรขาคณิต อันเป็นศิลปกรรมแบบอาหรับ หากแต่ภายในตกแต่งเรียบหรู มีห้องรับแขกแยกหญิง ชาย ห้องอาหาร ห้องครัว และห้องน้ำที่สะอาดมาก

ชาอาหรับ กลิ่นหอมโชยมาเตะจมูก เมื่อนั่งลงบนโซฟา ภายในห้องรับแขกติดม่านสีดำ

โมฮัมหมัด ในร่างสูงใหญ่ถือถ้วยชาเล็กๆ ไว้ในอุ้งมือหลายถ้วยในมือซ้าย มือขวาถือกาชารูปทรงตะเกียงอะลาดิน เขาใช้มือขวารินชาใส่ถ้วยอย่างคล่องแคล่ว แล้วส่งให้แขกเยือนทีละคน ไม่นานอินทผลัมชั้นดี ก็มาถึง ตามมาด้วยถั่วอาหรับ ขนมหวาน กุหลาบยามู แล้วบทสนทนาก็เริ่มต้น 

เขาไม่รู้หรอกว่า มันมีค่าขนาดไหน เอาไปฝังดินไว้บ้าง เอาไปขายถูกๆ บ้าง”

โมฮัมหมัด  พูดถึงเกรียงไกร เตชะโม่ง ซึ่งสอดรับกับที่เกรียงไกรทำหลังจากหอบเครื่องเพชร เครื่องประดับและอัญมณีมูลค่ากว่า 500 ล้านบาท มาจากซาอุดีอาระเบีย

เขามีแต่ความโลภ ที่ตอกย้ำความเลวร้ายของคนไทย คนงานไทยที่ไปต้มเหล้าเถื่อนกลางทะเลทรายก่อนหน้านี้

เกรียงไกรไม่มีความรู้เรื่องอัญมณี เขารู้แต่ว่าหากเป็นเพชรจริงจะแข็ง จึงใช้ของแข็งทุบ เม็ดไหนไม่แตกก็ไปขายให้แหล่งรับซื้อใน จังหวัดลำปาง ราคาถูกๆ ร้านเพชรในลำปางจึงเป็นร้านขาประจำที่เกรียงไกรทยอยนำมาขายอย่างต่อเนื่อง จนวันหนึ่ง เจ้าของร้านเพชรเห็นเพชรบางเม็ด งดงาม แวววาว เกินกว่าเพชรปกติธรรมดา

ในแวดวงผู้ค้าอัญมณี ย่อมรู้ดีว่า เพชรเม็ดไหนคู่ควรกับผู้ค้ารายใด เขาโทรศัพท์ไปบอกข่าวดีต่อสันติ ศรีธนะขัณฑ์ พ่อค้าเพชรย่านบ้านหม้อ ในที่สุดการซื้อขายเพชรเม็ดงาม ซึ่งสันนิษฐานว่ามีเพชรอาถรรพ์ “บลูไดมอนด์” รวมอยู่ด้วย

เรื่องราวระหว่างสันติ ศรีธนะขัณฑ์ และเกรียงไกร เตชะโม่ง ก็เกิดขึ้น

การรับซื้อเพชรเม็ดใหญ่ของสันติ ศรีธนะขัณฑ์ ครั้งนั้น นำมาซึ่งความตายของดาราวดี ภรรยา และ ด.ช.เสรี ศรีธนะขัณฑ์ ลูกชายของเขาด้วยฆาตกรรมอำพราง จากทีมสังหารของ ชลอ เกิดเทศ ดาราวดียังถูกทีมฆ่าข่มขืนก่อนสร้างฉากให้ดูเหมือนแม่และลูกศรีธนะขัณฑ์ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ด้วย

สำหรับ ชลอ เกิดเทศ เขากลายเป็นนักโทษเด็ดขาดโทษประหารชีวิต ชลอ อยู่ในคุกนานหลายปี ในที่สุดก็ได้อิสรภาพ ได้รับการพักโทษกลับออกมาสู่สังคมในสภาพอยู่บนรถเข็นกับร่างที่ชราภาพ 

เมื่อทางการซาอุฯ พบว่า เครื่องเพชรถูกขโมยไป โดยคนงานไทย ชื่อ นายเกรียงไกร เตชะโม่ง พวกเขาขอให้รัฐบาลไทยติดตามเพชรมาคืน และขอให้ส่งตัวเกรียงไกร ในฐานะผู้ร้ายข้ามแดนไปดำเนินคดีที่ประเทศซาอุฯ

แต่รัฐบาลไทย เลือกที่จะดำเนินคดีเกรียงไกร ตามกฎหมายไทย เกรียงไกร ถูกดำเนินคดีฐานลักทรัพย์ในเคหสถานในเวลากลางคืน ศาลมีคำพิพากษาให้ลงโทษจำคุก 7 ปี รับสารภาพ ลดให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 3 ปี แต่เกรียงไกรอยู่ในคุกเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก่อนถูกปล่อยตัวออกมา

ชีวิตวันนี้ของเกรียงไกร อยู่กับภรรยาเพียง 2 คนในหมู่บ้านแม่ปะหลวง จังหวัดลำปาง บ้านของเขาเป็นบ้านไม้เก่ายกพื้นสูง มีรถกระบะดัดแปลงเป็นรถดั๊มพ์ไว้รับจ้างบรรทุกหิน ดิน ทราย 1 คัน ไม่ยอมพบปะผู้คน ไม่ตอบคำถามเรื่องนี้ และมีชีวิตคล้ายหวาดระแวงอยู่ตลอดเวลา

เกรียงไกรรู้ดีว่า หากเขาถูกส่งกลับไปดำเนินคดีที่ซาอุฯ โทษคือการประหารด้วยการแขวนคอสถานเดียว เพราะเพียงลักขโมยทั่วไป ก็ถูกลงโทษตัดมือ ซึ่งเป็นการลงโทษตามชาริอะห์หรือกฎหมายอิสลามที่เคร่งครัดแล้ว เช่นเดียวกันรัฐบาลไทยก็คงไม่อยากส่งคนของตัวเองไปตาย

แต่การตัดสินใจครั้งนี้ ก็ถือเป็นความผิดพลาดเรื่องหนึ่ง

“เราไม่ได้คิดว่า จะเอาเกรียงไกรมาประหาร หรือตัดมือ แต่รัฐบาลซาอุฯ ต้องการสอบปากคำเขาถึงการนำเครื่องเพชรออกไปจากประเทศ ว่ามีเจ้าหน้าที่คนใดเกี่ยวข้องบ้าง เสร็จแล้วก็อาจส่งกลับ”

โมฮัมหมัด พูดถึงประเด็นที่รัฐบาลซาอุฯ ยังค้างคาใจ

ส่วน ชลอ เกิดเทศ หลังจากได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าชุด ติดตามจับกุมคนร้ายและนำเพชรมาคืนให้เจ้าของ ในฐานะนายตำรวจผู้กว้างขวางในเขตภาคเหนือ ได้รับฉายาว่า สิงห์เหนือ เจ้าพ่อแห่งคุ้มพระลอ เขาก็ทุ่มเทเต็มที่ที่จะทำงานให้สำเร็จ ไม่ว่าจะด้วยวิถีของโจรหรือผู้รักษากฎหมาย

ไม่นานนัก ชลอ เกิดเทศ ก็จับกุมเกรียงไกร เตชะโม่ง ได้ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ในอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก พร้อมทั้งยึดเพชรของกลางคืนมาได้ส่วนหนึ่ง ต่อมามีการแถลงข่าวที่กรมตำรวจ โดยมีการแสดงเครื่องเพชรที่ขโมยมาจำนวนมาก โมฮัมหมัดซึ่งอยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วย ยืนยันว่าเพชรของกลางทั้งหมดเป็นของจริง

ชลอ เกิดเทศ ขึ้นเครื่องราววีรบุรุษนำเพชรที่ยึดได้ไปคืน เขาได้รับการยกย่องเสมอ ชีค หรือตำแหน่งผู้นำ ชลอ ฝันว่าเขาจะได้เงินถึง 100 ล้านเป็นบำเหน็จตอบแทน เพื่อนำไปพัฒนาสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ที่มีเขาเป็นนายกสมาคม

แต่แล้วความฝันนั้น ก็กลายเป็นปราสาททราย ทลายลงกลางทะเลทราย เมื่อซาอุฯ พบว่า เพชรที่นำไปคืนนั้นไม่ครบถ้วน และส่วนหนึ่งเป็นของปลอม จากการที่นายตำรวจร่วมทีมชลอ ยักยอกของกลางไปเป็นของส่วนตัว

โมฮัมหมัด ได้รับคำสั่งให้นำตัว ชลอ เกิดเทศ และคณะ กลับประเทศไทยในทันที !

“ฉันก็ไม่รู้จะทำอย่างไร จะกลับยังไง ตอนไหน เพราะยังไม่ถึงกำหนด” 

โมฮัมหมัด  เล่านาทีวิกฤติของชลอ เกิดเทศ ก่อนที่เขาจะถูกอัปเปหิออกนอกประเทศ

จากวันนั้นความสัมพันธ์ก็เลวร้ายลงเป็นลำดับ รัฐบาลซาอุฯงดออกวีซ่าทำงานให้แก่คนไทย ที่ขณะนั้นทำงานอยู่หลายหมื่นคน และห้ามคนซาอุฯ เดินทางมาประเทศไทย

 

แต่ก่อนที่ ทักษิณ ชินวัตร จะหมดอำนาจ มีข่าวอ้างว่าเขาได้เสนอเงินจำนวน 2 หมื่นล้านบาท ให้แก่รัฐบาลซาอุฯ เพื่อฟื้นความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ และเพื่อให้แรงงานไทยกลับไปทำงานได้ตามปกติ

โมฮัมหมัด อามีน เล่าถึงความพยายามของทักษิณ ที่ยังไม่ทันได้รับการตอบรับหรือปฏิเสธก็มีการเปลี่ยนแปลงอำนาจในประเทศไทยเสียก่อน

จนถึงวันนี้ เวลาผ่านมาเนิ่นนาน ดุลอำนาจเปลี่ยน คณะผู้บริหารในซาอุฯเปลี่ยน นโยบายที่จะคบค้ากับต่างชาติเพื่อผลประโยชน์ของซาอุฯ เป็นเรื่องสำคัญกว่าประวัติศาสตร์บาดแผลในอดีต

แม้ในตอนนั้น โมฮัมหมัด บอกผมชัดถ้อยชัดคำว่า แนวคิดของรัฐบาลซาอุฯ คือตัดความสัมพันธ์ขั้นเด็ดขาดกับประเทศไทย แต่มีผู้ทักท้วงไว้ให้เห็นแก่การค้าระหว่างประเทศ และคนไทยมุสลิมในประเทศไทย

เวลาผ่านไป ทุกอย่างเปลี่ยนไป ผลประโยชน์ของชาติสำคัญที่สุดแล้วในนาทีนี้  ไม่ว่าจะเป็นประเทศไทยหรือซาอุดิอาระเบีย

 

Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์