โครงการต้นแบบของฝ่ายการผลิตโรงไฟฟ้าแม่เมาะ (อฟม.) ชื่อ โครงการนวัตกรรมระบบวิเคราะห์การสะสมตัวของเถ้าหลอมในหม้อไอนํ้าเชิงรุก (ABC Active Boiler Condition Monitoring System) ผ่านการคัดเลือกเป็นโครงการต้นแบบที่มีความโดดเด่นในการปฏิบัติตามหลักธรรมาภิบาลสายงานรองผู้ว่าการผลิตไฟฟ้า(รวฟ.) ประจำปี 2568 ด้วยหลักธรรมาภิบาลที่โดดเด่นด้าน หลักความคุ้มค่า ผ่านการคัดเลือกได้เป็นตัวแทนสายงานเข้าไปนำเสนอผลงานในรอบ กฟผ.ในเดือนมิถุนายน 2568
Active Boiler Condition Monitoring System (ABC) คือ การใช้ Machine Learning เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำความสะอาด Boiler เพื่อสร้างความมั่นคงของระบบไฟฟ้าและเพิ่มประสิทธิภาพให้กับระบบผลิต ซึ่งการผลิตไฟฟ้าด้วยถ่านหินลิกไนต์ของโรงไฟฟ้าแม่เมาะ ก่อให้เกิดความสกปรกขึ้นภายในเตาเผา ต้องใช้อุปกรณ์ทำความสะอาด(Water Cannon) มากถึง 288 ครั้งต่อวัน ใช้น้ำมากถึง 5 ตันต่อครั้ง ฉีดพ่นเข้าไปในกองไฟทุกครั้งที่มีการทำความสะอาด เกิดการสูญเสียความร้อนและทำให้ต้องใช้ถ่านหินลิกไนต์เพิ่มขึ้นอีก 130 ตันต่อวัน จากปัญหาที่กล่าวมาทำให้ทีมได้คิดวิธีแก้ปัญหา คือ การลดการทำความสะอาดให้เหมาะสมกับสภาพความสกปรกของเตา
โรงไฟฟ้าแม่เมาะมีการนำ ABC เข้ามาใช้งานเพื่อลดความถี่ของการทำความสะอาดเตาจากเดิม 288 ครั้งต่อวัน เหลือเพียง 24 ครั้งต่อวัน ทำให้ช่วยลดการใช้ถ่านได้ 130 ตันต่อวัน โดยที่โรงไฟฟ้ายังมีความมั่นคง ซึ่งการใช่ถ่านหินลิกไนต์ที่น้อยลงส่งผลให้ CO2 ที่จะปล่อยสู่บรรยากาศลดลงไปด้วย จากข้อมูลเมื่อปี พ.ศ. 2565 สามารถลดการปลดปล่อย CO2 สะสมถึง 65,000 tonCO2e ซึ่งการนำ ABC เข้าใช้งานในโรงไฟฟ้าแม่เมาะเครื่องที่ 14 ยังช่วยแก้ไขปัญหาหินหลอมละลาย(Slag) ที่เกิดจากการเผาไหม้ถ่านหินลิกไนต์ที่ไม่สมบูรณ์เกาะสะสมอยู่ตามผนังเตาเป็นก้อนขนาดใหญ่และตกลงมาสร้างความเสียหายกับอุปกรณ์จนทำให้โรงไฟฟ้าต้องหยุดเดินเครื่องอยู่บ่อยครั้ง โดยตั้งแต่นำเขาใช้งานก็ไม่เกิดปัญหานี้ขึ้นอีก การที่โรงไฟฟ้าสามารถเดินเครื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพสม่ำเสมอ ใช้ถ่านหินน้อยลง ลดการปลดปล่อย CO2 จึงเป็นนวัตกรรมใหม่และเป็นทรัพย์สินทางปัญญาของ กฟผ. ซึ่งตัวชี้วัดและเกณฑ์การดำเนินงานมีความน่าเชื่อถือและเป็นที่ยอมรับในธุรกิจผลิตไฟฟ้าทั้งในและต่างประเทศ สามารถนำไปปรับใช้ได้กับโรงไฟฟ้าอื่นๆ ได้
โรงไฟฟ้าแม่เมาะตระหนักและทราบดีว่าการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงถ่านหินลิกไนต์มีการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เป็นสาเหตุของสภาวะโลกร้อน ทั้งนี้ทิศทางพลังงานในอนาคตที่มุ่งเน้นไปสู่พลังงานสะอาดและลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งตามแผนการดำเนินงานโรงไฟฟ้าแม่เมาะจะค่อยๆ ลดการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินลิกไนต์ลง และเพิ่มสัดส่วนพลังงานหมุนเวียนเข้ามาแทนที่ ซึ่งต้องดำเนินการควบคู่ไปกับการรักษาความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศไว้ด้วย การบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน(Carbon Neutrality) ให้ได้ภายในปี ค.ศ.2050 ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นด้านพลังงาน สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ สังคม และการเมือง ที่สำคัญประชาชนต้องเข้าใจและตระหนักถึงความสำคัญของพลังงานสะอาด รวมไปถึงภาครัฐที่ต้องเพิ่มความเข้มข้นในการกำหนดนโยบาย เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านบรรลุวัตถุประสงค์และไม่เกิดปัญหาขาดแคลนพลังงานขึ้นในอนาคต
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น