วิบูรณ์
แววบัณฑิต มิใช่ตะเกียงไร้น้ำมัน
เขาเป็น
“สิงห์ขาว” จบรัฐศาสตร์ มช.เกียรตินิยมอันดับ 1 มีเกียรติประวัติการทำงานในตำแหน่งสำคัญๆตั้งแต่ปี 2550 ตำแหน่งสุดท้ายก่อนมาเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง
คือผู้ว่าราชการจังหวัดมหาสารคาม แปลว่า จากจังหวัดมหาสารคาม วัดกันด้วยขนาดของพื้นที่การปกครอง
ลำปางใหญ่กว่ามหาสารคามเกือบสามเท่า การมาลำปางจึงถือว่ามาดี
เรียกว่าอัพเกรดจากจังหวัดขนาดเล็กมาคุมจังหวัดขนาดกลาง
คนลำปาง
จึงน่าจะได้ประโยชน์ในการพัฒนา สร้างสรรค์ความเจริญให้กับเมือง ด้วยคนดี คนเก่ง
อย่างผู้ว่าฯวิบูรณ์
เรียกว่ามีเหตุผลในการโยกย้าย
โดยยึดหลักคุณธรรม ความรู้ ความสามารถ
แต่การเมืองคือการแย่งชิงอำนาจ
เมื่ออำนาจเปลี่ยน เมื่อช้างสารชนกัน หญ้าแพรกย่อมแหลกลาญไปด้วย
ตอนที่
ภูมิธรรม เวชยชัย ยึดเก้าอี้มหาดไทยคืนมาจาก อนุทิน ชาญวีรกูล
ไม่เพียงชำระบัญชีแค้น จากการเร่งรัดดำเนินการคดีที่ดินเขากระโดง ของการรถไฟ
ที่จังหวัดบุรีรัมย์เท่านั้น หากภูมิธรรม
ยังถือโอกาสกวาดล้างข้าราชการที่เขาเชื่อว่าเป็นสายสีน้ำเงิน
และสนับสนุนข้าราชการสายสีแดงขึ้นสู่ตำแหน่งใหญ่ด้วย
เมื่อฟ้าเปลี่ยนสี
การเมืองเปลี่ยนขั้ว อนุทินก็ “เอาคืน”
โดยเอาคนของเขาขึ้นมายึดฐานที่มั่นสำคัญ ซึ่งอนุทิน ก็ยอมรับโดยนัยว่า
เป็นการโยกย้ายเพื่อความเป็นธรรม
แม้ตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดจะอยู่ในอำนาจของปลัดกระทรวงมหาดไทย
ที่เขาไม่ได้ยุ่งเกี่ยว ไม่มีอำนาจแต่งตั้งก็ตาม
ดังนั้น
ในจำนวนข้าราชการระดับสูงของกระทรวงมหาดไทยที่ถูกโยกย้าย 45 ตำแหน่ง
วิบูรณ์ แววบัณฑิต จึงติดร่างแหไปด้วย ทั้งที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งไม่นาน
เก้าอี้ยังอุ่นๆ ตื่นนอนตอนเช้าที่ลำปางไม่กี่คืน
จังหวัดแม่ฮ่องสอนถือเป็นจังหวัดใหญ่กว่าลำปางเล็กน้อย
หากคิดในขนาดพื้นที่ แต่แม่ฮ่องสอนเป็นจังหวัดไกลปืนเที่ยง ไม่มีสายการบิน
เดินทางเข้าถึงยากลำบาก การถูกโยกย้ายจากจังหวัดลำปางไปแม่ฮ่องสอน
จึงน่าคิดว่าเขาถูกลดชั้นหรือไม่ แม้ตำแหน่งหน้าที่ราชการถือว่าเท่าๆกัน
แต่นั่นแหล่ะ
นี่คือเกมอำนาจ ใครมีอำนาจคนนั้นคือผู้ชนะ
ความรู้ ความสามารถ ระบบคุณธรรม
ใช้การไม่ได้ในสถานการณ์เช่นนี้
ลำปาง จึงมีผู้ว่าชื่อวิบูรณ์ แววบันฑิต เพียง 14 วัน
และตั้งตารอได้เลยว่า หลังจากเลือกตั้งครั้งใหญ่
เดือนมีนาคม 2569
ลำปางก็จะได้ผู้ว่าฯคนใหม่อีกคนหนึ่งแน่นอน
ผู้ว่ามาจากการเมืองก็ต้องไปตามการเมือง
ตอบลบ