เมื่อวันที่
15 ตุลาคม 2568 สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)
ได้เผยแพร่มติคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดคดีร่ำรวยผิดปกติ ของนายประยูร
เรียนปิงวัง เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลลำปาง อ.เมืองลำปาง จ.ลำปาง พบว่าร่ำรวยผิดปกติ รวมมูลค่า 14,430,110 บาท
ข้อเท็จจริงจากการไต่สวนปรากฏว่า
ในระหว่างเดือนมกราคม 2557 ถึงเดือนเมษายน 2560
ขณะดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนอนุบาลลำปาง นายประยูร เรียนปิงวัง
ได้เบียดบังเงินรายได้ ของโรงเรียนอนุบาลลำปางไปเป็นประโยชน์ส่วนตนโดยทุจริต
และนำเงินดังกล่าวไปซื้อทรัพย์สินและชำระหนี้สินหลายรายการ โดยนายประยูร
เรียนปิงวัง และคู่สมรส
มีรายได้จากการรับราชการปรากฏตามแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ระหว่างปี
2557
– 2560 รวมเป็นเงิน 4,423,006.82 บาท แต่มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น
ผิดปกติไม่สอดคล้องกับรายได้ และไม่สามารถชี้แจงแหล่งที่มาได้ รวมมูลค่า
14,430,110 บาท ดังนี้
1.
บ้านพักอาศัย ตั้งอยู่บ้านป่าเหียง หมู่ที่ 1 ตำบลบ่อแฮ้ว อำเภอเมืองลำปาง
จังหวัดลำปาง โดยมีบุตรเป็นเจ้าบ้านหรือผู้ครอบครอง มูลค่าประมาณ 3,811,000 บาท
2.
บ้านพักอาศัย ตั้งอยู่บ้านห้วยเป้ง หมู่ที่ 5 ตำบลบ้านค่า อำเภอเมืองลำปาง
จังหวัดลำปาง โดยมีบุคคลใกล้ชิดเป็นเจ้าบ้านหรือผู้ครอบครอง มูลค่าประมาณ
6,592,000 บาท
3.
กัญญาการ์เด้นท์โฮม รีสอร์ท ตั้งอยู่บ้านห้วยเป้ง หมู่ที่ 5 ตำบลบ้านค่า
อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง โดยมีบุคคลใกล้ชิดเป็นเจ้าบ้านหรือผู้ครอบครอง
มูลค่าประมาณ 1,310,400 บาท
4.
รถยนต์นั่งส่วนบุคคล ยี่ห้อโตโยต้า วีออส
โดยมีบุคคลใกล้ชิดเป็นผู้ใช้หรือผู้ครอบครอง มูลค่ารวมเงินจ่ายล่วงหน้า
(เงินดาวน์) และค่าเช่าชื้อ เป็นเงินจำนวน 703,322 บาท
5.
รถยนต์นั่งส่วนบุคคล ยี่ห้อโตโยต้า แคมรี่ โดยมีบุคคลใกล้ชิดเป็นผู้ใช้หรือผู้ครอบครอง
มูลค่ารวมเงินจ่ายล่วงหน้า (เงินดาวน์) และค่าเช่าชื้อ เป็นเงินจำนวน 2,013,388
บาท
คณะกรรมการ
ป.ป.ช. พิจารณาแล้วมีมติว่า นายประยูร เรียนปิงวัง ร่ำรวยผิดปกติ
โดยมีทรัพย์สินมากผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ
หรือมีหนี้สินลดลงมากผิดปกติ หรือได้ทรัพย์สินมาโดยไม่มีมูลอันจะอ้างได้ตามกฎหมาย
สืบเนื่องมาจากการปฏิบัติตามหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ รวมมูลค่า
14,430,110 บาท
คณะกรรมการ
ป.ป.ช. ให้ส่งรายงาน สำนวนการไต่สวน เอกสาร พยานหลักฐาน
และความเห็นไปยังอัยการสูงสุด เพื่อยื่นคำร้องต่อศาลซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดี
เพื่อขอให้ศาลสั่งให้ทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติตกเป็นของแผ่นดิน
และให้ส่งคำวินิจฉัยพร้อมด้วยข้อเท็จจริงโดยสรุปไปยังผู้บังคับบัญชา
เพื่อสั่งลงโทษไล่ออก ให้ผู้มีอำนาจสั่งพ้นจากตำแหน่งแล้วแต่กรณี ภายในหกสิบวัน โดยให้ถือว่ากระทำการทุจริตต่อหน้าที่
ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วย การป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.
2561 มาตรา 122 วรรคหนึ่ง และวรรคสาม
หากไม่สามารถบังคับเอาแก่ทรัพย์สินที่คณะกรรมการ
ป.ป.ช. มีมติว่าร่ำรวยผิดปกติตกเป็นของแผ่นดินได้ทั้งหมดหรือแต่บางส่วนแล้ว
ให้ขอให้ศาลบังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินอื่นของผู้ถูกกล่าวหาได้ภายในระยะเวลาสิบปี
ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561
มาตรา 125
อย่างไรก็ตามการชี้มูลความผิดของคณะกรรมการ
ป.ป.ช. ยังไม่สิ้นสุด ผู้ถูกกล่าวหาทุกราย ยังมีสิทธิ์ต่อสู้คดีพิสูจน์ความบริสุทธิ์ในชั้นศาลได้
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น