วันศุกร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

STeP ผสานกำลังทุกภาคส่วน เดินหน้า เสนอจัดตั้ง “มูลนิธิพัฒนาลำปางเพื่อความยั่งยืน” มุ่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจลำปางสู่การเติบโตอย่างต่อเนื่อง

จากกรณีที่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) แม่เมาะ  อุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่(STeP) และ หอการค้าจังหวัดลำปาง ได้ผนึกกำลังศึกษาและจัดตั้ง องค์กรนิติบุคคล เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจังหวัดให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อรองรับผลกระทบจากการที่เหมืองถ่านหินแม่เมาะ ซึ่งสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจถึง  17% ของจังหวัด และถ่านหินจะหมดลงตามแผนในปี 2585  โดยมีการประชุมเมื่อช่วงเดือนกันยายน 2568 ที่ผ่านมา  โดยทาง ผศ.ดร.เกษมศักดิ์ อุทัยชนะ รองผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่   ระบุว่า การจัดตั้งนิติบุคคลกลางนี้คาดว่าจะเกิดขึ้นจริงภายในระยะสั้นไม่เกิน 6 เดือน



ความคืบหน้าในเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2568 ที่ผ่านมา  อุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (STeP) ร่วมกับ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) แม่เมาะ และหอการค้าจังหวัดลำปาง ได้มีการประชุมรายงานผลการศึกษา โครงการการศึกษารูปแบบการจัดตั้งนิติบุคคลเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจจังหวัดลำปางอย่างยั่งยืนเพื่อเสริมสร้างกลไกการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจังหวัดลำปางให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยจัดการประชุมนำเสนอผลการศึกษารูปแบบการจัดตั้งนิติบุคคล และรับฟังความคิดเห็นต่อ (ร่าง) แผนงานและแนวทางการดำเนินงานนิติบุคคลเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจจังหวัดลำปางอย่างยั่งยืน ณ ห้องประชุมธาราบอลรูม โรงแรมทรีธารา จังหวัดลำปาง โดยมีผู้แทนจากภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคการศึกษา และภาคประชาชน เข้าร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและให้ข้อเสนอแนะต่อแนวทางการดำเนินงาน

           ผศ.ดร.เกษมศักดิ์ อุทัยชนะ รองผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นำเสนอผลการศึกษาการจัดตั้ง “มูลนิธิพัฒนาลำปางเพื่อความยั่งยืน” ซึ่งมุ่งพัฒนาโครงสร้างเศรษฐกิจของลำปางให้เข้มแข็งด้วยพลังความร่วมมือของทุกภาคส่วน โดยมูลนิธิฯ มี วิสัยทัศน์ สนับสนุนการพัฒนาจังหวัดลำปางให้เป็นศูนย์กลางการลงทุนด้านพลังงานสะอาด ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยระบบนิเวศนวัตกรรม และการพัฒนาทุนมนุษย์เพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ และสังคมอย่างยั่งยืน” 

            มีวัตถุประสงค์ เพื่อ ส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะของจังหวัดลำปาง , ส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาระบบนิเวศของวิสาหกิจเพื่อสังคม วิสาหกิจชุมชน วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และ สตาร์ทอัพ , ส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาทุนมนุษย์และแรงงานในจังหวัดลำปาง  , ส่งเสริมและสนับสนุนการบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคการศึกษา ภาคประชาสังคม และเครือข่ายต่าง ๆ ในการดำเนินกิจกรรมที่เป็นประโยชน์สาธารณะ และ จัดสรรและบริหารทรัพย์สินเพื่อประโยชน์สาธารณะ ทั้งด้านการศึกษา วิทยาศาสตร์ ศิลปะ ศาสนา กีฬา การกุศล และกิจการสาธารณประโยชน์อื่น ๆ รวมถึงการทำนุบำรุงทรัพย์สินของมูลนิธิ

ซึ่งได้กำหนดพันธกิจหลัก 4 ด้าน เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ได้แก่  1. ส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดอย่างยั่งยืน เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานและพัฒนา  แม่เมาะสู่ต้นแบบเมืองพลังงานสะอาดของประเทศ  2. ส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมอนาคต ที่สอดคล้องกับศักยภาพของจังหวัด เพื่อยกระดับโครงสร้างเศรษฐกิจให้แข่งขันได้ในระยะยาว  3. สร้างระบบนิเวศธุรกิจเพื่อผู้ประกอบการอาชีพในพื้นที่ ทั้งรายเดิมและรายใหม่ให้เติบโตอย่างมั่นคงและเชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมท้องถิ่น  4. พัฒนาทุนมนุษย์และแรงงานลำปางให้พร้อมต่อเศรษฐกิจใหม่ สร้างโอกาสให้แรงงานรุ่นใหม่กลับมาทำงานและพัฒนาบ้านเกิดอย่างยั่งยืน

        ทั้งนี้ มูลนิธิฯ ตั้งเป้าหมายให้จังหวัดลำปางสามารถ ดึงดูดและรักษากำลังแรงงานรุ่นใหม่ให้อยู่ร่วมพัฒนาและสร้างอนาคตของจังหวัดอย่างต่อเนื่อง พร้อมผลักดันให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด (GPP) เติบโตเฉลี่ย  ร้อยละ 5 ต่อปี ภายใน 40 ปี (พ.ศ. 2610) เพื่อสร้างเศรษฐกิจฐานใหม่ที่เข้มแข็งและยั่งยืน

          ภายในงานได้รับเกียรติจาก นายวิบูรณ์ แววบัณฑิต ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง กล่าวว่า การมีนิติบุคคลจะเชื่อมโยงความร่วมมือของทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคการศึกษา และภาคประชาชน อีกทั้งยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของจังหวัด เปิดโอกาสการลงทุนใหม่ และสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจในระยะยาวของลำปาง

          นายพีระรักษ์ พิชญกุล ประธานหอการค้าจังหวัดลำปาง กล่าวแสดงเจตนารมณ์ของภาคเอกชนว่า หอการค้าจังหวัดลำปางพร้อม และยินดีสนับสนุนการพัฒนาจังหวัดลำปางด้วยโมเดลใหม่นี้ ซึ่งคาดว่าจะช่วยดึงดูดการสนับสนุนทั้งในระดับชาติและระดับนานาชาติเข้ามาร่วมพัฒนาลำปางให้เข้มแข็ง ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมขณะที่

          นายสุชาติ ตุ่นแก้ว ผู้ช่วยผู้ว่าการเหมืองแม่เมาะ กล่าวถึงศักยภาพของพื้นที่แม่เมาะในการขับเคลื่อนพลังงานสะอาด โดยเน้นว่า กฟผ.แม่เมาะ พร้อมดำเนินแผนการเปลี่ยนผ่านพลังงาน เพื่อช่วยให้แม่เมาะและจังหวัดลำปาง พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

ผลการศึกษาในครั้งนี้ สะท้อนถึง พลังแห่งความร่วมมือของทุกภาคส่วนในจังหวัดลำปาง ที่ได้ร่วมกันกำหนดทิศทางการพัฒนาเชิงพื้นที่อย่างรอบด้าน เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเปลี่ยนผ่านทางเศรษฐกิจและสังคมในอนาคต

โดยมูลนิธิฯ จะทำหน้าที่เป็นกลไกกลางเชื่อมโยงการมีส่วนร่วมของประชาชน หน่วยงานในพื้นที่ และเครือข่ายภาคีความร่วมมือ ภายใต้โครงสร้างการบริหารจัดการที่โปร่งใส ยึดหลักธรรมาภิบาล และดำเนินงานโดยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากหลากหลายสาขา เพื่อร่วมกันวางแผนและติดตามการดำเนินงานให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม

มูลนิธิฯ จะมีบทบาทสำคัญในการผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจจังหวัดลำปางในอนาคต โดยมุ่งส่งเสริมและสนับสนุนการลงทุนในพื้นที่ สร้างโอกาสการจ้างงาน ดึงดูดและรักษาแรงงานทักษะสูง พร้อมทั้งขยายความร่วมมือและการสนับสนุนจากทั้งระดับชาติและนานาชาติ   เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านโครงสร้างเศรษฐกิจของจังหวัดให้เติบโตอย่างมีกลยุทธ์ เป็นระบบ และสอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่ อันจะนำไปสู่การสร้าง การเติบโตใหม่อย่างยั่งยืนและยกระดับลำปางให้เป็นจังหวัดต้นแบบของการพัฒนาในระดับประเทศ

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

3 องค์กรใหญ่ผนึกกำลัง ตั้ง “นิติบุคคล”   https://www.lannapost.net/2025/09/3.html 

Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์