จากกรณีที่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) แม่เมาะ อุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่(STeP) และ หอการค้าจังหวัดลำปาง ได้ผนึกกำลังศึกษาและจัดตั้ง องค์กรนิติบุคคล เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของจังหวัดให้เติบโตอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อรองรับผลกระทบจากการที่เหมืองถ่านหินแม่เมาะ ซึ่งสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจถึง 17% ของจังหวัด และถ่านหินจะหมดลงตามแผนในปี 2585 โดยมีการประชุมเมื่อช่วงเดือนกันยายน 2568 ที่ผ่านมา โดยทาง ผศ.ดร.เกษมศักดิ์ อุทัยชนะ รองผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ระบุว่า การจัดตั้งนิติบุคคลกลางนี้คาดว่าจะเกิดขึ้นจริงภายในระยะสั้นไม่เกิน 6 เดือน
ความคืบหน้าในเรื่องนี้
เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2568 ที่ผ่านมา อุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (STeP) ร่วมกับ
การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) แม่เมาะ และหอการค้าจังหวัดลำปาง ได้มีการประชุมรายงานผลการศึกษา
“โครงการการศึกษารูปแบบการจัดตั้งนิติบุคคลเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจจังหวัดลำปางอย่างยั่งยืน”
เพื่อเสริมสร้างกลไกการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจังหวัดลำปางให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง
โดยจัดการประชุมนำเสนอผลการศึกษารูปแบบการจัดตั้งนิติบุคคล
และรับฟังความคิดเห็นต่อ (ร่าง)
แผนงานและแนวทางการดำเนินงานนิติบุคคลเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจจังหวัดลำปางอย่างยั่งยืน
ณ ห้องประชุมธาราบอลรูม โรงแรมทรีธารา จังหวัดลำปาง โดยมีผู้แทนจากภาครัฐ ภาคเอกชน
ภาคการศึกษา และภาคประชาชน
เข้าร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและให้ข้อเสนอแนะต่อแนวทางการดำเนินงาน
ผศ.ดร.เกษมศักดิ์ อุทัยชนะ รองผู้อำนวยการอุทยานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นำเสนอผลการศึกษาการจัดตั้ง “มูลนิธิพัฒนาลำปางเพื่อความยั่งยืน” ซึ่งมุ่งพัฒนาโครงสร้างเศรษฐกิจของลำปางให้เข้มแข็งด้วยพลังความร่วมมือของทุกภาคส่วน โดยมูลนิธิฯ มี วิสัยทัศน์ “สนับสนุนการพัฒนาจังหวัดลำปางให้เป็นศูนย์กลางการลงทุนด้านพลังงานสะอาด ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยระบบนิเวศนวัตกรรม และการพัฒนาทุนมนุษย์เพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ และสังคมอย่างยั่งยืน”
มีวัตถุประสงค์ เพื่อ ส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณะของจังหวัดลำปาง
, ส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาระบบนิเวศของวิสาหกิจเพื่อสังคม วิสาหกิจชุมชน
วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และ สตาร์ทอัพ , ส่งเสริมและสนับสนุนการพัฒนาทุนมนุษย์และแรงงานในจังหวัดลำปาง
, ส่งเสริมและสนับสนุนการบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาครัฐ
ภาคเอกชน ภาคการศึกษา ภาคประชาสังคม และเครือข่ายต่าง ๆ ในการดำเนินกิจกรรมที่เป็นประโยชน์สาธารณะ
และ จัดสรรและบริหารทรัพย์สินเพื่อประโยชน์สาธารณะ ทั้งด้านการศึกษา วิทยาศาสตร์
ศิลปะ ศาสนา กีฬา การกุศล และกิจการสาธารณประโยชน์อื่น ๆ
รวมถึงการทำนุบำรุงทรัพย์สินของมูลนิธิ
ซึ่งได้กำหนดพันธกิจหลัก 4 ด้าน เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ได้แก่ 1. ส่งเสริมการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดอย่างยั่งยืน เพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานและพัฒนา แม่เมาะสู่ต้นแบบเมืองพลังงานสะอาดของประเทศ 2. ส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมอนาคต ที่สอดคล้องกับศักยภาพของจังหวัด เพื่อยกระดับโครงสร้างเศรษฐกิจให้แข่งขันได้ในระยะยาว 3. สร้างระบบนิเวศธุรกิจเพื่อผู้ประกอบการอาชีพในพื้นที่ ทั้งรายเดิมและรายใหม่ให้เติบโตอย่างมั่นคงและเชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมท้องถิ่น 4. พัฒนาทุนมนุษย์และแรงงานลำปางให้พร้อมต่อเศรษฐกิจใหม่ สร้างโอกาสให้แรงงานรุ่นใหม่กลับมาทำงานและพัฒนาบ้านเกิดอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ มูลนิธิฯ
ตั้งเป้าหมายให้จังหวัดลำปางสามารถ “ดึงดูดและรักษากำลังแรงงานรุ่นใหม่”
ให้อยู่ร่วมพัฒนาและสร้างอนาคตของจังหวัดอย่างต่อเนื่อง
พร้อมผลักดันให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด (GPP) เติบโตเฉลี่ย ร้อยละ 5 ต่อปี ภายใน 40 ปี (พ.ศ. 2610)
เพื่อสร้างเศรษฐกิจฐานใหม่ที่เข้มแข็งและยั่งยืน
ภายในงานได้รับเกียรติจาก
นายวิบูรณ์ แววบัณฑิต ผู้ว่าราชการจังหวัดลำปาง กล่าวว่า “การมีนิติบุคคลจะเชื่อมโยงความร่วมมือของทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน
ภาคการศึกษา และภาคประชาชน อีกทั้งยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของจังหวัด
เปิดโอกาสการลงทุนใหม่ และสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจในระยะยาวของลำปาง”
นายพีระรักษ์
พิชญกุล ประธานหอการค้าจังหวัดลำปาง กล่าวแสดงเจตนารมณ์ของภาคเอกชนว่า “หอการค้าจังหวัดลำปางพร้อม และยินดีสนับสนุนการพัฒนาจังหวัดลำปางด้วยโมเดลใหม่นี้
ซึ่งคาดว่าจะช่วยดึงดูดการสนับสนุนทั้งในระดับชาติและระดับนานาชาติเข้ามาร่วมพัฒนาลำปางให้เข้มแข็ง
ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม” ขณะที่
นายสุชาติ
ตุ่นแก้ว ผู้ช่วยผู้ว่าการเหมืองแม่เมาะ
กล่าวถึงศักยภาพของพื้นที่แม่เมาะในการขับเคลื่อนพลังงานสะอาด โดยเน้นว่า “กฟผ.แม่เมาะ พร้อมดำเนินแผนการเปลี่ยนผ่านพลังงาน
เพื่อช่วยให้แม่เมาะและจังหวัดลำปาง พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต”
ผลการศึกษาในครั้งนี้
สะท้อนถึง “พลังแห่งความร่วมมือ” ของทุกภาคส่วนในจังหวัดลำปาง ที่ได้ร่วมกันกำหนดทิศทางการพัฒนาเชิงพื้นที่อย่างรอบด้าน
เพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเปลี่ยนผ่านทางเศรษฐกิจและสังคมในอนาคต
โดยมูลนิธิฯ
จะทำหน้าที่เป็นกลไกกลางเชื่อมโยงการมีส่วนร่วมของประชาชน หน่วยงานในพื้นที่
และเครือข่ายภาคีความร่วมมือ ภายใต้โครงสร้างการบริหารจัดการที่โปร่งใส ยึดหลักธรรมาภิบาล
และดำเนินงานโดยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากหลากหลายสาขา เพื่อร่วมกันวางแผนและติดตามการดำเนินงานให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม
มูลนิธิฯ
จะมีบทบาทสำคัญในการผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจจังหวัดลำปางในอนาคต
โดยมุ่งส่งเสริมและสนับสนุนการลงทุนในพื้นที่ สร้างโอกาสการจ้างงาน
ดึงดูดและรักษาแรงงานทักษะสูง
พร้อมทั้งขยายความร่วมมือและการสนับสนุนจากทั้งระดับชาติและนานาชาติ เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านโครงสร้างเศรษฐกิจของจังหวัดให้เติบโตอย่างมีกลยุทธ์
เป็นระบบ และสอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่ อันจะนำไปสู่การสร้าง “การเติบโตใหม่อย่างยั่งยืน” และยกระดับลำปางให้เป็นจังหวัดต้นแบบของการพัฒนาในระดับประเทศ
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
3 องค์กรใหญ่ผนึกกำลัง ตั้ง “นิติบุคคล” https://www.lannapost.net/2025/09/3.html















0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น