วันอังคารที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2568

ตำรวจ สภ.แม่เมาะ จ๊ะเอ๋ชายวัย 57 ปี ขี่รถมอเตอร์ไซค์ท่าทางพิรุธ เรียกตรวจรับสารภาพเพิ่งเสพยาบ้า ตรวจค้นพบกระสุนปืนรวม 15 นัด ดำเนินคดีหลายข้อหาตามกฎหมาย

 

        วันที่ 16 ธ.ค. 68 โดยการอำนวยการสั่งการของ พ.ต.อ.ฤกษ์ชัย แสงสว่าง ผกก.สภ.แม่เมาะฯ  และ พ.ต.ท.ณัฐวุฒิ เพ็ชรตา รอง ผกก.สส.สภ.แม่เมาะ  ชุดสืบสวน สภ.แม่เมาะฯ นำโดย พ.ต.ต.ปิติภัทร  ธิติปัญญวัต  ร่วมกันจับกุมนายทัน  อายุ 57 ปีเศษ  ที่อยู่ หมู่ที่ 5 ต.นาสัก อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง  ข้อหา มีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต , ขับขี่ยานพาหนะ (รถจักรยานยนต์) เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย และ เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีน) โดยผิดกฎหมาย

        ของกลาง กระสุนปืน ขนาด .45 จำนวน 5 นัด  กระสุนปืน ขนาด .380 จำนวน 9 นัด  กระสุนปืน ขนาด 9 มม. จำนวน 1 นัด  จับกุมได้บริเวณริมถนนสาธารณะ หมู่บ้านปงชัย หมู่ที่ 5 ต.แม่เมาะ อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง

        ก่อนเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้รับข่าวสารจากสายข่าว ว่า ที่บริเวณหมู่บ้านปงชัย หมู่ที่ 5 ต.แม่เมาะ อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง มีผู้มีพฤติการณ์เกี่ยวกับยาเสพติด (ยาบ้า) สร้างความเดือดร้อนรำคาญแก่ประชาชนทั่วไป จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ เมื่อไปถึงบริเวณถนนสาธารณะหมู่บ้านดังกล่าว พบ นายทัน ขับขี่รถจักรยานยนต์มาตามถนน ท่าทางมีพิรุธ เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อสอบถามถึงพฤติการณ์เกี่ยวกับยาเสพติด

            จากการสอบถาม นายทัน ยอมรับว่าเพิ่งเสพยาบ้ามาไม่นาน เจ้าหน้าที่จึงได้ขอทำการตรวจค้น ผลการตรวจค้นพบ กระสุนปืน จำนวน 15 นัด สอบถาม นายอุทันฯ ยอมรับว่า กระสุนปืนที่เจ้าหน้าที่ตรวจค้นพบเป็นของตนเองจริง และตนไม่เคยได้รับอนุญาตให้มีและใช้กระสุนปืนจากนายทะเบียนมาก่อนแต่อย่างใด จากนั้นได้ทำการตรวจปัสสาวะของ นายอุทันฯ ผลเป็นบวกพบสารเสพติดในปัสสาวะ เจ้าหน้าที่จึงได้จับกุมตัวพร้อมของกลางนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.แม่เมาะฯ ดำเนินคดีตามกฎหมาย

Share:

รวบแล้วมือยิงชายวัย 40 ปีดับกลางถนนหมู่บ้านแม่ทาน แม่ทะ ลำปาง ตำรวจคุมตัวพร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์ทำแผนประกอบคำรับสารภาพก่อนดำเนินคดี

 


ตำรวจ สภ.แม่ทะ  คลี่คลายคดียิงชายวัย 40 ปี เสียชีวิตกลางถนนหมู่บ้านแม่ทาน ล่าสุดรวบผู้ต้องหาชายวัย 58 ปี  พร้อมอาวุธปืนลูกซองไทยประดิษฐ์ อ้างยิงเพราะหวาดระแวง ก่อนคุมตัวทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ส่งดำเนินคดีตามกฎหมาย      

เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2568 เวลาประมาณ 00.20 น. ร.ต.ท.ธนกฤต มวงสุด รอง สว.(สอบสวน) สภ.แม่ทะ ได้รับแจ้งเหตุจากศูนย์วิทยุ สภ.แม่ทะ ว่ามีเหตุ คนถูกยิงเสียชีวิต บริเวณถนนสาธารณะในหมู่บ้านแม่ทาน หมู่ 9 ต.สันดอนแก้ว อ.แม่ทะ จ.ลำปาง จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบตามลำดับชั้น พร้อมกับแจ้งให้แพทย์เวรโรงพยาบาลแม่ทะ  และเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน 5  ลำปาง  ร่วมกับชุดสืบสวน สภ.แม่ทะ ร่วมกันตรวจสถานที่เกิดเหตุ

จากการตรวจสอบพบร่างผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย อยู่ในสภาพ นอนตะแคงขวา มีเลือดออกบริเวณศีรษะ  ที่หน้าอกด้านขวามีบาดแผล ลักษณะเป็นรูกระสุนจำนวนหลายรู กระจายอยู่บริเวณหัวไหล่และหน้าอกขวา  และมีบาดแผลเป็นรูลูกกระสุนบริเวณศีรษะข้างขวาจำนวน 3 รู  พบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 110 ไอ สีน้ำเงิน ป้ายทะเบียน คจษ 555 ชลบุรี ล้มลงใกล้กับผู้เสียชีวิต และพบอาวุธปืนแก๊ปยาวไทยประดิษฐ์ จำนวน 1 กระบอก  ตกอยู่ใกล้กับผู้เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ  ทราบชื่อผู้เสียชีวิตภายหลังคือ นายบุญเต็ม อายุ 40 ปี ที่อยู่ หมู่ที่ 1 ต.ร่องเคาะ อ.วังเหนือ จ.ลำปาง

จากการสอบสวน ผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านบริเวณใกล้เคียง เล่าว่า ได้ยินเสียงปืนใกล้ๆ บริเวณที่เกิดเหตุ จำนวน 4 นัด ยังไม่ทราบขนาดและชนิดของอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ   พ.ต.อ.พินิจ เนตรปัญญา ผกก.สภ.แม่ทะ จึงได้สั่งการให้ชุดสืบสวน สภ.แม่ทะ ดำเนินการสืบสวน กระทั่งสามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุไว้ได้เป็นชาย อายุ 58 ปี  ชาวบ้านแม่ทาน ต.สันดอนแก้ว อ.แม่ทะ จ.ลำปาง พร้อมกับอาวุธปืนลูกซองไทยประดิษฐ์ที่ใช้ก่อเหตุ   โดยอ้างว่าได้ยินเสียงรถเร่งเครื่องเสียงดัง กลัวจะมีคนเข้ามาทำร้ายและลักทรัพย์ จึงยิงข่มขู่ออกไป 




ต่อมา พ.ต.อ.คมสันต์  สอาดล้วน รอง ผบก.ภ.จว.ลำปาง  พร้อมด้วย พ.ต.อ.พินิจ เนตรปัญญา ผกก.สภ.แม่ทะ   พ.ต.ท.จิรเดช จันทร์อ่อน  รอง ผกก. (สอบสวน)  ร.ต.ท.ธนกฤต มวงสุด รอง สว.(สอบสวน)   ร่วมกันตรวจสอบที่เกิดเหตุ   พร้อมกับเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ได้นำตัวผู้ก่อเหตุมาทำแผนประกอบคำรับสารภาพ  ก่อนคุมตัวไปดำเนินดคีตามกฎหมายต่อไป

Share:

วันจันทร์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2568

นายอำเภอแจ้ห่มสั่งลุย! สนธิกำลังบุกยึดพื้นที่ป่าอ่างเก็บน้ำแม่ฟ้า ถูกลักลอบใช้จักรกลหนักแผ้วถางกว่า 4 ไร่


วันที่ 15 ธ.ค. 2568 เวลา 10.00 น. นายชาญ จูดคง นายอำเภอแจ้ห้ม ได้มอบหมายให้ฝ่ายความมั่นคง อ.แจ้ห่ม กองร้อย อส.อ.แจ้ห่ม ที่ 7 ร่วมกับบูณาการกับเจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าแม่มาย เจ้าหน้าที่สายตรวจปราบปรามพิเศษ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 13 สาขาลำปางเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 4 บก.ปทส. ประจำจังหวัดลำปาง เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ลป.11 (แม่ต๋า) เจ้าหน้าที่ตำรวจชป.ศปทส.ภ.จว.ลำปาง เจ้าหน้าที่ตำรวจ ศปทส.ภ.5 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.แจ้ห่ม ลงพื้นที่ตรวจยึดพื้นที่ป่าที่ถูกบุกรุก จำนวน 1 แปลง เนื้อที่รวมทั้งหมด 4-0-80 ไร่ แยกเป็นอยู่ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าแม่มาย จำนวน 4-0-5 ไร่ อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ต๋าและป่าแม่มาย จำนวน 0-0-75 ไร่ ณ บริเวณป่าอ่างเก็บน้ำแม่ฟ้า ท้องที่บ้านสบฟ้า หมู่ที่ 7 ตำบลแจ้ห่ม

ซึ่งคณะพนักงานเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบพบพื้นที่ป่าไม้ถูกบุกรุกลักษณะเป็นการทำเส้นทางโดยไม่ทราบสาเหตุ พบร่องรอยการใช้เครื่องจักรกลหนักขุดตัดหน้าดินเลียบข้างลำห้วย มีความกว้าง ประมาณ 2-5 เมตร มีความยาวประมาณ 860 เมตร สภาพรอบพื้นที่มีการแผ้วถางไม้พื้นล่างและไม้ไผ่และได้มีการตัดฟันต้นไม้ขนาดเล็กที่ไม่สามารถนำมาใช้ประโยชน์หรือนำมาเป็นสินค้าได้จำนวนมาก คณะพนักงานเจ้าหน้าที่จะได้ดำเนินการโดยใช้ แบบจำลองสำหรับประเมินค่าเสียหายทางสิ่งแวดล้อมบางประการหลังการทำลายป่าไม้ และสอบผู้เกี่ยวข้องเป็นพยานต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรแจ้ห่ม เพื่อหาตัวผู้กระ
ทำผิดมาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป




Share:

ระทึก เพลิงไหม้อาคารพาณิชย์ หลังตลาดสมบูรณ์ ย่านใจกลางชุมชน อ.เกาะคา คนงานถูกไฟลวกเจ็บ 1ราย

          เมื่อเวลาประมาณ 16:36 น. ​วันที่ 15 ธันวาคม 2568 สภ.เกาะคา รับแจ้งเกิดเหตุเพลิงไหม้อาคารพาณิชย์เกาะคาสมบูรณ์ บริเวณหลังตลาดเกาะคาทางทิศใต้ของตลาด  พื้นที่เทศบาลตำบลเกาะคา อำเภอเกาะคา จังหวัดลำปาง จึงประสานทางเจ้าหน้าที่งานป้องกันฯ เทศบาลตำบลเกาะคา ตำบลวังพร้าว ตำบลท่าผา ตำบลลำปางหลวง ตำบลไหล่หิน ประมาณ 6-7 คัน พร้อมทั้งดับเพลิงและกู้ภัยหลายหน่วยงานของ อ.เกาะคา ทั้ง อาสาสมัครกู้ภัยเกาะคา ,สมาคมกู้ภัยลำปาง จุดเกาะคา สมาคมกู้ภัยลำปาง ร่วมกันระงับเหตุ

           โดยที่เกิดเห็นเป็นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น 1 คูหา เลขที่ 63/1   เปิดเป็นร้านขายเนื้อหมู ชิ้นส่วนไก่ และอาหารแช่แข็ง โดยไฟได้ลุกไหม้บริเวณชั้น 3 ของอาคาร เจ้าหน้าที่ได้ระดมฉีเน้ำเร่งดับเพลิง ไม่ให้ลุกลาม เนื่องจากที่เกิดเหตุเป็นย่านชุมชมหนาแน่น ใกล้กับตลาด ซึ่งเป็นย่านเศรษฐกิจสำคัญของ อ.เกาะคา  โดยเจ้าหน้าที่ กฟภ. ได้เข้าทำการตัดไฟ จากนั้นจึงฉีดน้ำดับเพลิง ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง จึงควบคุมเพลิงไว้ได้ เบื้องต้นมีผู้บาดเจ็บถูกไฟลวกที่มือ 1 ราย เป็นลูกจ้างร้านค้าดังกล่าว 
          จากการสอบถามทราบว่า ขณะเกิดเหตุไม่มีใครอยู่ที่ร้าน มีคนเป็นควันและไฟลุกขึ้นมาจากด้านบนของอาคารจึงพากันแจ้งขอความช่วยเหลือ  โดนหนุ่มลูกจ้างกลับมาพบเหตุพยายามจะเข้าไปเอาของจึงถูกไฟลวกบาดเจ็บดังกล่าว 
       ต่อมานายคมสัน ขวัญวงค์ นายกเทศมนตรีตำบลเกาะคา   ร.ต.อ.อุดม ตาใจ รอง สว.(สอบสวน) สภ.เกาะคา  ได้เข้าตรวจสอบ เบื้องต้นคาดว่าเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร จากห้องนอนชั้นบน  ซึ่งทางเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน 5 ลำปาง จะได้ร่วมตรวจสอบอย่างละเอียดต่อไป
Share:

วันอาทิตย์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2568

ย้อนเส้นทางการเมือง "มิ้ง รภัสสรณ์" กับการตัดสินใจก้าวเดินที่เด็ดเดี่ยว

มิ้ง รภัสสรณ์ นิยะโมสถ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ลำปาง เขต 4 จากพรรคประชาชน คือหนึ่งในนักการเมืองหญิงรุ่นใหม่ที่น่าจับตา ด้วยเส้นทางที่พลิกผันและน่าสนใจ  ตั้งแต่การเป็นผู้โค่นล้ม "บ้านใหญ่สายใต้" ตระกูล “จันทรสุรินทร์” จากการลงเลือกตั้งสนามใหญ่ครั้งแรก  จนถึงการประกาศเดินหน้าบนเส้นทางใหม่ด้วยเหตุผลของ  "ความสบายใจ"

  •  จุดเริ่มต้น : จากนักธุรกิจรุ่นใหม่สู่สนามการเมือง

มิ้ง รภัสสรณ์ จบการศึกษาระดับปริญญาโทบริหารธุรกิจ หลักสูตรผู้บริหาร จากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่  ทายาทธุรกิจโรงแรมแม่วังรีสอร์ท  อ.เมืองลำปาง  มิ้งเริ่มเข้าสู่การเมืองระดับท้องถิ่น ในการทำงานร่วมกับกลุ่มลำปางพัฒนา ในตำแหน่งเลขาฯ  ก่อนจะผันตัวมาลงเลือกตั้งสนามใหญ่  แม้จะลงสนามการเมืองในฐานะผู้สมัครหน้าใหม่ แต่เธอก็ไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับคนลำปาง เนื่องจากได้ทำงานขับเคลื่อนกิจกรรมทางสังคมและการค้ามาอย่างต่อเนื่องในนาม YEC Lampang หอการค้าลำปาง ร่วมกับผู้ประกอบการคนรุ่นใหม่   

*แรงบันดาลใจในการเข้าสู่การเมืองของมิ้งเกิดจากความรู้สึกที่ว่า ลำปางเป็นเมืองที่ไม่หมุนตามกาลเวลา ประชาชนส่วนใหญ่ที่ทำงานภาคเกษตรกรรมกลับ "ทำมากได้น้อย" รายได้สวนทางรายจ่าย ทำให้แรงงานหนุ่มสาวต้องออกไปทำงานยังหัวเมืองใหญ่หรือต่างประเทศเพื่อหารายได้ เธอจึงตั้งใจที่จะอาสาเข้ามาเป็นทางเลือกให้ประชาชนได้มีโอกาสร่วมพัฒนาเมืองลำปาง

**พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลในขณะนั้น เคยชูจุดเด่นให้ "มิ้ง" เป็นเสมือน "ธาตุน้ำ" ที่จะนำพาความก้าวหน้ามาสู่ลำปางและประเทศชาติ ด้วยเหตุผลที่เธอมีความมุ่งมั่นตั้งใจติดตามปัญหาเรื่องน้ำท่วม น้ำแล้ง และผลักดันประเด็นสำคัญอย่าง พ.ร.บ.น้ำประปาสะอาด

(*,** สรุปข้อมูลจากเว็บไซด์มติชนอออนไลน์  https://www.matichon.co.th/politics/news_3990217) 


  • พลิกประวัติศาสตร์ : โค่นล้ม "จันทรสุรินทร์" บ้านใหญ่ 8 สมัย

ในการเลือกตั้งครั้งสำคัญ  มิ้ง รภัสสรณ์ สร้างปรากฏการณ์ด้วยการโค่นล้มตระกูลการเมืองที่เป็นบ้านใหญ่สายใต้ของลำปางอย่าง "จันทรสุรินทร์" ได้สำเร็จ ด้วยการลงสนามเลือกตั้งครั้งแรก ได้คะแนนเสียงถึง 47,027 คะแนน ทิ้งห่าง นายพินิจ จันทรสุรินทร์ อดีต ส.ส. 8 สมัย ที่ได้คะแนน 27,962 คะแนนเป็นชัยชนะอย่างขาดลอย ตอกย้ำถึงความต้องการการเปลี่ยนแปลงของพี่น้องชาวลำปาง


  • วิวาห์สะเทือนการเมือง : ประชาชนกับเพื่อไทย

เส้นทางชีวิตส่วนตัวของ ส.ส.หญิงผู้นี้ได้สร้างความฮือฮาครั้งใหญ่ในแวดวงการเมือง เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2568 มิ้ง รภัสสรณ์ นิยะโมสถ ส.ส.ลำปาง เขต 4 พรรคประชาชน เข้าพิธีวิวาห์กับ น๊อต ธนาธร โล่ห์สุนทร ส.ส.ลำปาง เขต 2 พรรคเพื่อไทย ลูกชายของนายไพโรจน์ โล่ห์สุนทร ส.ส.ลำปาง หลายสมัย

ส่วนงานฉลองมงคลสมรสที่จัดขึ้นในวันศุกร์ที่ 10 มกราคม 2568 ที่กรุงเทพฯ ยิ่งกลายเป็นจุดสนใจระดับประเทศ เมื่อภาพของ ทักษิณ ชินวัตร และ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ปรากฏร่วมเฟรมถ่ายภาพด้วยกันอย่างอบอุ่น ซึ่งถือเป็นภาพสัญลักษณ์ทางการเมืองที่สร้างความประหลาดใจให้กับทุกฝ่าย

  •  เส้นทางใหม่: ประกาศยุติบทบาทกับพรรคประชาชน

เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2568 หลังจากที่สภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลง มิ้ง รภัสสรณ์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กแถลงการณ์ยุติบทบาทการทำงานในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และประกาศแจ้งให้ทราบว่า "มิ้งจะยุติการทำงานกับพรรคประชาชน"

เธอย้ำชัดเจนว่า การตัดสินใจครั้งนี้ ไม่ใช่เพราะอุดมการณ์เปลี่ยน และ ไม่ใช่เพราะต้องการผลประโยชน์ใดๆ แต่เป็นเรื่องของ ความสบายใจของทุกฝ่าย ทั้งสมาชิกพรรค ทีมงานจังหวัด และคณะกรรมการบริหาร (กกบห.) พร้อมทั้งยืนยันว่า

"จากนี้ไป มิ้งขอเดินหน้าบนเส้นทางใหม่ ด้วยความตั้งใจเดิม ทำงานเพื่อประชาชนให้ดีที่สุด ไม่ว่าตำแหน่งหรือสังกัดจะเปลี่ยนไปอย่างไร"

การประกาศครั้งนี้เป็นไปพร้อมกับการสนับสนุนจากสามี น๊อต ธนาธร โล่ห์สุนทร ที่ได้แชร์โพสต์พร้อมข้อความให้กำลังใจว่า ทุกอย่างมีเหตุผลที่มาที่ไปเสมอเป็นกำลังใจให้ที่รักครับ อย่างไรก็ตาม มิ้งยืนยันว่าสามีไม่มีส่วนในการตัดสินใจ และเธอจะขอพิสูจน์ตัวเองด้วยผลงานและการทำงานเพื่อชาวลำปางอย่างต่อเนื่อง

             เส้นทางการเมืองของ  “มิ้ง รภัสสรณ์ นิยะโมสถ”  ยังไม่ปิดฉากลง การก้าวลงจากพรรคประชาชนและประกาศเดินหน้าบนเส้นทางใหม่  จึงเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายสำคัญที่น่าติดตามว่า ส.ส.หญิงผู้โค่นล้ม “จันทร์สุรินทร์” แห่งบ้านดอยเงิน ผู้นี้จะนำพาการเมืองและพัฒนาการของจังหวัดลำปางไปในทิศทางใด

 

Share:

น้ำใจคนลำปาง รวมพลังสร้างบ้านใหม่ให้ชายผู้ยากไร้ หลังต้องนอนในห้องน้ำมานานหลายปี

 



        คณะเจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ลป.19 (แม่โป่ง) เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ลป.20 (แม่หวด) เจ้าหน้าที่หน่วยป้องกันรักษาป่าที่ ลป.21 (แม่ตีบ) เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภองาว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.งาว ผู้ใหญ่บ้าน บ้านสบป๋อน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน คณะกรรมการ และประชาชนชาวบ้านสบป๋อน หมู่ที่ 3 ตำบลบ้านร้อง อำเภองาว จังหวัดลำปาง ได้ร่วมกันสร้างบ้านพักอาศัยให้กับ ผู้ยากไร้ ยากจน  ชื่อนาย วิสันต์ มะโนสาร ราษฎรบ้านเลขที่ 104/1 ท้องที่บ้านสบป๋อน หมู่ที่ 3 ตำบลบ้านร้อง อำเภองาว จังหวัดลำปาง

        สืบเนื่องจากคณะเจ้าหน้าที่ ได้ทราบข้อเท็จจริงจากนายปรินทร์ธวัช คำผง ว่านายวิสันต์ มะโนสาร ซึ่งเป็นลูกบ้านของตนเองยังไม่มีบ้านพักอาศัย เนื่องจากมีฐานะยากจน ต้องอาศัยหลับนอนอยู่ในห้องน้ำมาเป็นเวลานานแล้ว ประกอบกับพื้นที่ที่นายวิสันต์ฯ อาศัยอยู่นั้น ไม่มีเอกสารสิทธิ์ใดๆ จึงไม่สามารถขอรับการสนับสนุนจากหน่วยงานราชการอื่นใดเพื่อมาทำการช่วยเหลือได้ 

        เมื่อทราบข้อเท็จจริงแล้ว ทางคณะเจ้าหน้าที่ จึงได้นำเรียน ให้นาย กรัณย์พล แสงทอง ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 3 (ลำปาง) นายสมจิตร จุลเจริญ นายอำเภองาว นายภัทรเรนทร์  ประสิทธิกุล ผู้อำนวยการส่วนป้องกันรักษาป่าและคบคุมไฟป่า และนายประกาสิทธิ์  นางวงค์ หัวหน้าหน่วยป้องกันและพัฒนาป่าไม้งาว เพื่อทราบ คณะเจ้าหน้าที่ จึงได้ดำเนินการประสานไปยัง การรถไฟแห่งประเทศไทย บริษัท อิตาเลี่ยนไทย ขอรับการสนับสนุนไม้สักท่อน ที่ทางการรถไฟได้รับอนุญาตจากกรมป่าไม้ ให้ทำการก่อสร้างเส้นทางรถไฟรางคู่ สาย เด่นชัย - เชียงของ พร้อมได้รับความอนุเคราะห์ จากร้านใหม่วัสดุก่อสร้าง สนับสนุนวัสดุอุปกรณ์ในการก่อสร้างบ้านพัก จนสามารถสร้างบ้านพักอาศัยให้กับ นายวิสันต์ฯ จนสำเร็จ  


       นายประกาสิทธิ์  นางวงค์ หัวหน้า นปพ.งาว/รายงาน

Share:

วันศุกร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2568

3+1 พรรคไหนครองใจคนลำปาง กระแสชาตินิยม ดัน “อนุทิน” คัมแบ็ค


นักข่าวถาม กระแสโซเชียล ทวงเงินโครงการคนละครึ่งพลัส 2,400 บาท

            “เดี๋ยวกลับมา”

            อนุทิน ชาญวีรกูล ตอบคำถามอย่างอารมณ์ดี คล้ายล้อเล่น แต่เรื่องจริง เขาและพรรคภูมิใจไทย น่าจะมั่นใจได้ว่า กระแสชาตินิยมที่หนุนส่งให้ทหารไทยรบแตกหักกับกัมพูชา เป็นสงครามสั่งสอนที่สร้างความสะใจให้กับผู้คน เมื่อเห็นทหารไทยระดมยิงจรวดราคาหลายสิบล้านถล่มฐานที่มั่นกัมพูชา คละเสียงหัวเราะชอบใจของคนที่มอนิเตอร์อยู่หน้าจอ

            แม้จะมีเสียงทักท้วง ก็บางเบา ไม่มีใครฉุกคิดว่า สถานการณ์เช่นนี้ก็ไม่ต่างไปจากรัสเซีย บุกถล่มยูเครน ผ่านมาสามปีกว่าแล้ว ยูเครนก็ยังปักหลักสู้ โดยมีมหาอำนาจตะวันตกหนุนหลัง ภาพชาติใหญ่รังแกชาติเล็ก คือสิ่งที่สายตาชาวโลกสัมผัสรับรู้ได้มากกว่า ดังนั้น ยิ่งทอดเวลาออกไป ไทยก็มีแต่จะเสียเปรียบ

            นั่นเป็นฉากทัศน์ ที่นักการเมืองมองไม่เห็น เพราะพวกเขาหวังผลระยะสั้น และเชื่อว่าชาตินิยมจะเป็นลมใต้ปีกให้ภูมิใจไทยไปไกลกว่าพรรคอื่น โดยเฉพาะพรรคประชาชนที่กลายเป็นละอ่อนทางการเมือง รู้ไม่เท่าทันเกมอำนาจของอนุทิน ชาญวีรกูล

            แม้ก่อนหน้านี้ เซียนการเมืองพนันกันว่า อนุทิน ชาญวีรกูล จะไม่กล้ายุบสภาก่อน 31 มกราคม เพราะวิกฤติศรัทธาจากมหาอุทกภัยภาคใต้ แต่เมื่อเกิดสถานการณ์สู้รบที่ชายแดน และอนุทิน ชาญวีรกูล แสดงบทบาทผู้นำที่ถูกใจกองเชียร์รักชาติ ใช้นโยบายตาต่อตา ฟันต่อฟัน กับกองทัพกัมพูชา กระแสวิกฤติศรัทธาก็พลิกกลับ

            น่าจับตา สนามเลือกตั้งจังหวัดลำปาง ซึ่งนาทีนี้ คงมีเพียง 3 + 1 พรรค ที่จะเป็นแคนดิเดทในสนามนี้ ไล่ตามลำดับความคาดหมายในคะแนนนิยม ตั้งแต่พรรคภูมิใจไทย ประชาชน เพื่อไทย และตัวสอดแทรก พรรคกล้าธรรม

            การยุบสภา ทำให้ส.ส.ได้พักการทำหน้าที่ในสภา แต่ก็เป็นห้วงเวลาสำคัญที่ต้องแข่งขันช่วงชิงพื้นที่ เพื่อจะกลับคืนสู่อำนาจอีกครั้ง โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทย ที่หากเลือกตั้งเร็วเท่าใด พวกเขาก็จะมีโอกาสมากกว่าพรรคอื่น แปลว่า นี่อาจเป็นหนทางให้จันทรสุรินทร์กลับมาทวงตำแหน่งคืนได้

            ในขณะที่ อดีต ส..ส.พรรคประชาชน ทั้ง 3 คน ทิพา ปวีณาเสถียร  รภัสสรณ์ นิยะโมสถ และชลธานี เชื้อน้อย ก็ใช้โซเชียล แสดงตัวตน ย้ำเตือนไม่ให้คนลำปางลืมเลือนเขาในทันทีที่มีประกาศยุบสภา

            “ขอบคุณโอกาสที่ประชาชนมอบให้ในสภาชุดที่ 26 ครับ แล้วเราจะกลับมาพบกันใหม่”

            ชลธานี โพสต์ข้อความนี้ไว้ใต้รูปบัตรประจำตัวสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร

            เที่ยวนี้ ส.ส..พรรคประชาชน คงเหนื่อยหนักกว่าครั้งก่อน เพราะไม่เพียงจุดขายผู้นำพรรคที่ขายไม่ได้ กระแสชาตินิยมก็เป็นอุปสรรคสำคัญที่เขาไม่อาจก้าวข้ามง่ายดาย

            ทุกคนบอกว่า พวกเขาจะกลับมา แต่เก้าอี้ส.ส.ลำปางมีแค่ 4 ทั้งประเทศ 500

            ใครจะมีโอกาส กลับมา ติดตาม “ม้าสีหมอก” วิเคราะห์การเมืองลำปางตอนต่อไป

 



Share:

ตำรวจ สภ.เขลางค์นคร บุกจับหนุ่มวัย 46 ปี คาหอพักย่านถนนลำปาง–แม่ทะ พบยาบ้า 106 เม็ด ก่อนขยายผลตามรวบได้อีก 2 ราย รวมยาบ้ากว่า 330 เม็ด


วันที่ 12 ธันวาคม 2568   เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เขลางค์นคร ภายใต้การอำนวยการสั่งการของ พ.ต.อ.ภูชิชย์ ตรียัมปราย ผกก.สภ.เขลางค์นคร  พ.ต.ท.จิรัฎฐ์ จิรพัชรศิรพร รอง ผกก.สส.สภ.เขลางค์นคร ชุดจับกุม นำโดย พ.ต.ท.สิงห์แก้ว มูลฟู สว.สส.สภ.เขลางค์นคร  พร้อมเจ้าหน้าที่สืบสวน ร่วมกันจับกุมตัวผู้ต้องหาคดียาเสพติด  คือ นายสันต์  อายุ 46 ปี ที่อยู่  ม.6 บ้านกอกชุม ต.พระบาท อ.เมืองลำปาง จ.ลำปาง  พร้อมยาบ้ารวม 106 เม็ด  ได้บริเวณหอพักแห่งหนึ่ง  ม.9 ถนนลำปาง-แม่ทะ ต.ชมพู อ.เมืองลำปาง จ.ลำปาง

ก่อนทำการจับกุมในคดีนี้ ชุดจับกุมได้ร่วมกันทำการสืบสวนทราบว่า นายสันต์  พักอาศัยหอพักดังกล่าว มีพฤติการณ์มั่วสุมเสพยาเสพติด และพกยาเสพติดไว้กับตัวเสมอ  จึงเดินทางไปตรวจสอบ เมื่อเดินทางมาถึงบริเวณหอพักดังกล่าว พบนายสันต์  เดินออกจากหอพักไปยังโรงจอดรถ และถือกระเป๋าเงินสีม่วงลายจุดถือไว้ในมือข้างซ้าย เชื่อว่าอาจจะมีสิ่งของผิดกฎหมายอื่นซุกซ่อนอยู่ จึงอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.ยาเสพติด(ฉบับที่ 2) พ.ศ.2564 ม.11/1 และ ป.วิอาญา ม.92(4) เข้าทำการตรวจค้น  เมื่อนายสันต์เห็นเจ้าหน้าที่มีอาการตกใจวิ่งหนี เจ้าหน้าที่ได้วิ่งตามและจับกุมตัวได้ และขอทำการตรวจค้น กระทั่งพบ ยาบ้าจำนวน รวม 106 เม็ด ใส่ถุงซิปล็อคใส และแยกใส่ไว้ในซองบุหรี่  ซองกาแฟสีน้ำตาล ทั้งหมดอยู่ในกระเป๋าเงินสีม่วงหลายจุด

          จากการสอบถามนายสันต์ ให้การรับสารภาพว่า ได้ติดต่อซื้อยาบ้าจากนายกุ๊ก ไว้เพื่อเสพฯ และจำหน่าย จำนวน 1 ถุง (200 เม็ด) ราคา 3,000 บาท แต่ยังไม่ได้จ่ายเงิน  เมื่อได้ยาบ้าดังกล่าวมา ได้เสพ และจำหน่ายยาบ้า และโอนเงินค่ายาบ้าให้กับนายกุ๊ก  จนกระทั่งถูกจับกุม  จากนั้นเจ้าหน้าที่นำตัวผู้ต้องหาส่ง พนักงานสอบสวน สภ.เขลางค์นคร เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดเดียวกัน ได้ทำการขยายผลเข้าทำการจับกมตัว นายกุ๊ก อายุ 45 ปี ชาว จ.พิษณุโลก ตามที่นายสันต์ได้ซัดทอด  โดยเข้าจับกุมได้ที่ หอพักแห่งหนึ่ง หมู่ที่ 3 บ้านกล้วยม่วง ต.กล้วยแพะ  อ.เมืองลำปาง จ.ลำปาง ยาบ้าทั้งหมด 147 เม็ด  ซึ่งเจ้าหน้าที่ ให้นายสันต์ โทรติดต่อนายกุ๊กและเปิดเสียงลำโพงให้ดังโดยให้เจ้าหน้าที่ได้ยิน และทำการสั่งซื้อยาบ้า จำนวน 200 เม็ด ราคา 2,500 บาทพร้อมตกลง ว่าจะจ่ายเงิน ค่ายาบ้าที่ค้างไว้จำนวน 2,500 บาท โดยนัดหมายกันบริเวณถนนริมคลองหลังมหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง

เมื่อถึงเวลานัดหมายนายกุ๊ก ได้ให้นายอ๋า เป็นคนมาส่งยาบ้า แต่เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่นายอ๋าได้เร่งรถจักรยานยนต์อาศัยความชำนาญในพื้นที่ขี่รถหลบหนีไปได้ ดังนั้นนายสันต์จึงแจ้งว่า นายกุ๊กพักอยู่ที่ใด จึงนำเจ้าหน้าที่ไปยังหอพักดังกล่าว และพบนายกุ๊กยืนอยู่หน้าห้องพัก  แต่พอเห็นเจ้าหน้าที่ก็ได้วิ่งหลบเข้าไปในห้องและทำการล็อคประตู เรียกอยู่นานจึงยอมเปิดประตู ก่อนจะยอมรับว่านำยาบ้าทิ้งลงโถส้วมและกดน้ำลงบ่อเกรอะไปแล้ว เจ้าหน้าที่ไม่ลดละ ได้พานายกุ๊กไปทำการเปิดฝาบ่อเกรอะ พบซองบุหรี่ มีทิชชู่อยู่ของใน จึงได้เอาถุงบุหรี่ดังกล่าวมาตรวจสอบและยาบ้า จำนวน 147 เม็ด

ระหว่างคุมตัวนายกุ๊ก ได้มี นายฮ๊อต อายุ 26 ปี  ชาว จ.พิษณุโลก วิ่งออกมาจากห้องพักข้างๆ ชุดจับกุมจึงวิ่งทำการติดตามจนสามารถควบคุมตัวได้ ผลการตรวจค้นพบยาบ้า จำนวน 77 เม็ด อยู่ในถุงพลาสติกแบบซิบล็อคสีน้ำเงิน ใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อข้างขวา นายฮ๊อต รับสารภาพว่า ได้ติดต่อซื้อยาบ้ากับนายเน็ทไม่ทราบชื่อนามสกุลจริง เป็นจำนวน 1 ถุง มีจำนวนทั้งหมด 200 เม็ด เป็นราคา 3,000 บาท โดยเจ้าหน้าที่จะได้ทำการขยายผลต่อไป  จากนั้น เจ้าหน้าที่จึงคุมตัวผู้ต้องหาทั้งหมด 3 คน  ส่งพนักงานสอบสวน สภ.เขลางค์นคร ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

Share:

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์