ผอ.กิ่วลมยันระบายน้ำปล่อยจอกหูหนูได้ผล
รอระบายทิ้งอีกครั้งวันที่ 1
เม.ย.เคลียร์พื้นที่รับนักท่องเที่ยวช่วงสงกรานต์ ขณะที่กรมชลประทานอนุมัติแผนงานเตรียมการแก้ปัญหาระยะยาว
งบ 1.5 ล้านบาทแล้ว
หลังจากเมื่อวันที่
17 มี.ค.57 ที่ผ่านมา เขื่อนกิ่วลมได้เปิดประตูระบายน้ำ
2 บาน ในอัตรา 160 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
หรือประมาณ 2 ล้านลูกบาศก์เมตร ช่วงเวลา 13.00-15.00 น. ประมาณ 2 ชั่วโมง เพื่อไล่จอกหูหนูที่มาสะสมอยู่หน้าเขื่อนออกไปเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าช่วยเหลือผู้ประกอบการชาวแพ
ซึ่งผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ติดตามการระบายน้ำของเขื่อนกิ่วลมในวันดังกล่าว
จะเห็นว่าทางเขื่อนได้นำทุ่นที่กั้นจอกหูหนูบริเวณหน้าเขื่อนออก
เพื่อให้จอกไหลออกประตูระบายน้ำไปทางท้ายเขื่อน ซึ่งจอกจำนวนมากได้ไปออค้างอยู่ที่ประตูระบายน้ำเพื่อรอการปล่อยออกไป
แต่จากการตรวจสอบด้านท้ายเขื่อนไม่พบว่ามีการทำหลักตาข่ายดักจอกไว้แต่อย่างใด
ซึ่งจอกหูหนูที่ปล่อยออกไปนั้นได้ลอยไปตามกระแสน้ำผ่านฝายหลวงสบอางและไหลไปตามแม่น้ำวังอย่างต่อเนื่อง
นายฤทัย
พัชรานุรักษ์
ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษากิ่วลม-กิ่วคอหมา เปิดเผยว่า หลังจากที่ปล่อยจอกหูหนูชุดแรกออกไปแล้ว ซึ่งได้มีการทำหลักรอดักจอกไว้ท้ายเขื่อนห่างไปประมาณ
500 เมตร แต่ปรากฏว่ากระแสน้ำค่อนข้างแรงจึงได้พัดหลักเสียหายไป
แต่จากการเฝ้าติดตามตั้งแต่ท้ายเขื่อนส่วนใหญ่จอกที่ตกลงมาจากประตูระบายน้ำก็จะกระจายแหลกเหลวออก
เมื่อน้ำแห้งจอกก็ตายไป ส่วนที่ไปติดค้างบนยอดหญ้าก็แห้งตาย
มีบางส่วนที่กระจายในน้ำก็ถูกสัตว์น้ำกินไปบ้าง
น้ำตั้งแต่ท้ายเขื่อนไปจนถึงฝายยางในเขตเทศบาลนครลำปางช่วงหลังการระบายน้ำ
ก็พบว่าน้ำสวยใสเป็นปกติดี ไม่มีจอกหูหนูสะสมอยู่ ตอนนี้เราได้มีการนำทุ่มมากั้นหน้าเขื่อนไว้เหมือนเดิมเพื่อดักจอกหูหนูชุดใหม่ที่ลอยเข้ามาในบริเวณสันเขื่อนเพิ่มเติม
มีจอกหูหนูไหลมาสะสมอยู่ประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์แล้ว
ระหว่างนี้ก็จะรอให้จอกไหลเข้ามาสะสมอยู่หน้าเขื่อนอีกระยะหนึ่ง จากนั้นวันที่ 1 เม.ย.ก็จะทำการเปิดประตูระบายน้ำอีกครั้ง เพื่อระบายจอกออกไป
เป็นการเคลียร์พื้นที่หน้าเขื่อนรองรับนักท่องเที่ยวในช่วงสงกรานต์นี้
ผู้อำนวยการโครงการฯ
กล่าวอีกว่า ขณะนี้ทางกรมชลประทานได้อนุมัติแผนงานมาแล้ว
ซึ่งทางโครงการได้ยื่นของไป 1.5 ล้านบาท เพื่อแก้ปัญหาจอกหูหนูในระยะยาว
ระหว่างที่รองบประมาณเราก็จะมีการเตรียมการวางแผนหาแนวทางการกำจัดจอกที่ลอยอยู่ในอ่าง
โดยได้มีการประสานงานสำนักชลประทาน จ.พิษณุโลกให้นำเรือกำจัดวัชพืชเข้ามาช่วยเหลือ
และต้นเดือน เม.ย.นี้ทางสำนักวิจัยและพัฒนาของกรมชลประทานจะลงพื้นที่เพื่อร่วมกันวางแผนในการแก้ปัญหาดังกล่าว คาดว่าเดือนเม.ย.จะได้รับงบประมาณมาดำเนินการได้
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 970 ประจำวันที่ 21 - 27 มีนาคม 2557)