มอดไม้สุดเหิมลักลอบโค่นต้นไม้เนื้อแข็งในพื้นที่ป่าอุทยานแห่งชาติใน
จ.ลำปาง หวังเอาไปทดแทนไม้พยุงที่หากยากและถูกจับกุมหนักในภาคอีสานที่ส่งขายไปยังประเทศจีน
ล่าสุดลักลอบตัดไม้ในอุทยานเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายบุกทลายแต่ยังพบว่ามีการุกและทำลายอีกมาก
ตลอดทั้งวันวันที่
23 เม.ย.57 เจ้าหน้าที่สังกัดอุทยานแห่งชาติในพื้นที่จังหวัดลำปาง 5 แห่ง ประกอบด้วย
เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท อุทยานแห่งชาติแม่วะ อุทยานแห่งชาติดอบจง
อุทยานแห่งชาติขุนตาล อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน และเจ้าหน้าที่ สำนักพื้นที่อนุรักษ์
ที่ 13 สาขาลำปาง ตำรวจ ปทส.ทั้งส่วนกลาง และภาค 5 กว่า 60 นาย โดยการสั่งการของนายภาณุเทพ วงศ์วาน
ผอ.ส่วนสำนักพื้นที่อนุรักษ์ ที่ 13 สาขาลำปาง
ได้สั่งการให้นายสันทัด บันลือ ผอ.ส่วนอนุรักษ์และป้องกัน ทรัพยากรฯ นำเจ้าหน้าที่ช่วยกันลำเลียงไม้ท่อนขนาดใหญ่เส้นผ่าศูนย์กลางตั้งแต่
20-40 เซนติเมตร ความยาวตั้งแต่ 2.50 เมตร
อายุไม้กว่า 100 ปี ลงจากภูเขาสูงเพื่อนำไม้ทั้งหมดกว่า 60
ท่อน ไปเก็บรักษาเพื่อสืบสวนหาตัวผู้กระทำผิด เหตุเกิดที่
ป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่ช่อฟ้า (พื้นที่อุทยานแห่งชาติเตรียมการถ้ำผาไท)
ลำห้วยแม่แมะ หมู่ 4 ต.ปงดอน อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง
หลังเจ้าหน้าที่ได้ตรวจพบการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าและกำลังจะชักลากไม้ดังกล่าวออกนอกพื้นที่
ซึ่งการทำงานค่อนข่างเป็นไปอย่างอยากลำบากเนื่องจากไม้มีขาดใหญ่กว่าจะลำเลียงออกมาทั้งหมดต้องใช้เวลาหลายวัน
เบื้องต้นจาการตรวจสอบไม้ทั้งหมดเป็นไม่เต็งรัง ไม้ประดู ไม้ได ไม้สัก
และไม่อื่นๆที่เป็นไม่เนื้อแข็ง ซึ่งจากการสอบถามเจ้าหน้าที่ระดับสูงท่านหนึ่งเปิดเผยว่า
หลังจากที่ต้นเดือนที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดกลุ่มขบวนการลักลอบตัดไม้แปรรูปในพื้นที
อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง ได้ทั้งผู้ต้องหาและของกลางจำนวนมาก และทั้งหมดสารภาพว่า
มีนายทุนว่าจ้องให้ไปลักลอบตัดไม้เนื้อแข็ง เพื่อที่จะส่งไปยังท่าเรือแห่งหนึ่งใน จ.เชียงราย
ก่อนจะส่งไปประเทศจีน ซึ่งเป็นไม้ที่นิยมรองมาจากไม้พยุงในแทบภาคอีสาน
เนื่องจากเนื้อไม้ที่ลักษณะใกล้เคียงกัน และกำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก
โดยมีนายทุนในพื้นที่ว่าจ้างชาวบ้านเข้าไปลักลอบตัดและทยอยขนย้ายออกมาจากป่า โดยทางสำนักพื้นที่อนุรักษ์ ที่ 13 สาขาลำปาง
ได้สนธิกำลังและเปิดยุทธการป้องกันและปราบปรามการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ในพื้นที่อุยานแห่งชาติ
เมื่อวันที่ 22 เม.ย. 57 ที่ผ่านมา โดยกระจายเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติ
ออกตรวจตราพื้นที่ที่รับผิดชอบ พร้อมกำชับเจ้าหน้าที่ในสังกัดเข้มงวดกวดขันมากกว่าที่ผ่านมาเพื่อที่จะสกัดการเข้าไปตัดไม้ทำลายป่าพร้อมจะนำมาตรการที่เด็ดขาดจัดการต่อไป
ก่อนหน้านั้นเมื่อวันที่
22 เม.ย. 57 เวลา 15.00 น.กำลังเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงาน
นำโดย พ.ต.ประวิธ ธรรมชาติ ผู้บังคับกองร้อยฝึกรบพิเศษที่ 3 ค่ายประตูผา
ประกอบด้วย ทหารจากหน่วยรบพิเศษที่ 3 ค่ายประตูผา
ทหารพรานชุดปฏิบัติการเคลื่อนที่เร็วกรมทหารพรานที่ 31 กองทัพภาคที่
3 ตำรวจ ปทส.ทั้งส่วนกลางและภาค 5 เจ้าหน้าที่
กอ.รมอ.จ.ลำปาง ฝ่ายปกครอง อ.แม่เมาะ และเจ้าหน้าที่ป่าไม่ในพื้นที่กว่า 50
นายได้สนธิกำลังเดินลาดตระเวนเขตป่าสงวนแห่งชาติแม่งาว ฝั่งขวา
เขตลำห้วยละอู บ้านวังตม หมู่ 5 ต.จางเหนือ อ.แม่เมาะ
จ.ลำปาง ซึ่งเป็นเขตป่าต้นน้ำและมีการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าเป็นบริเวนกว้าง
โดยใช้ระยะทางเดินกว่า 4 กิโลเมตรถึงจะพบเป้าหมายแต่กลุ่มมอดไม้อาศัยความชำนาญในพื้นที่ทิ้งของกลางไว้บางส่วนก่อนหลบหนีไปได้
เบื้องต้นจากการตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบร่องรอยการตัดไม้ไม่ว่าจะเป็นไม้ชิงชัน
ไม้ประดู่ไม้แดง แต่ละต้นอายุมากว่า 80 ปี ถูกตัดทำลายตลอดเส้นทางมากกว่า
50 ต้น
โดยกลุ่มมอดไม้ได้แปรรูปและชักลากออกไปได้บางส่วนแล้วและบางส่วนอยู่ระหว่างดำเนินการแต่ทางเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจเจอ
สำหรับการเข้าตรวจทลายในครั้งนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้รับการร้องเรียนจากราษฎรในหมู่บ้านว่า
มีกลุ่มนายทุน เข้ามาว่าจ้างชาวบ้านบางคนเข้าไปตัดไม้เหล่านี้ และชักลากออกจากไปโดยจะไปส่งขายให้แก่นายทุน
เพื่อส่งขายต่อประเทศจีน ทางกลุ่มชาวบ้านได้ออกกฎและว่ากล่าวตักเตือนแล้วยังไม่ฟัง
จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่เข้าจัดการทันที ซึ่งระหว่างติดตามร่องรอยตัดไม้ทำลายป่าอยู่นั้นทากลุ่มเจ้าหน้าที่ต้องพบอุปสรรค์คือพายุฝนได้ตกลงมาอย่างหนักและรุนแรงนานกว่า
1 ชั่วโมงทำให้ต้องถอนกำลังออกจากป่าทันทีเนื่องจากตรวจพบว่าปริมาณน้ำในลำห้วยหลายแห่งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วหวั่นไม่ปลอดภัย และเมื่อทางเจ้าหน้าที่ถอนกำลังออกมได้แล้วปรากฏว่าได้เกิดน้ำป่าไหลหลากทันทีโชคดีที่ถอนกำลังออกมาได้ทันแต่ปริมาณน้ำป่าครั้งนี้ยังไม่ส่งผลกระทบและสร้างความเดือนร้อนแก่บ้านเรือนราษฎร
มีเพียงกัดเซาะคอสะพานและท่วมถนนระหว่างหมู่บ้านได้รับความเสียหายบางส่วน ก่อนที่จะไหลซึมลงไปในดิน
ทั้งนี้หากอย่างเข้าสู่ฤดูฝนจริงคาดว่าในพื้นที่แห่งนี้คาดจะเกิดอุทกภัยอย่างรุนแรงอย่างแน่นอน
เพราะสภาพป่าทั่วไปเริ่มเป็นเขาหัวโล้นหมดแล้ว หากยังไม่มีการตื่นตัวออกมาปกป้องรักษาป่าคาดการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติน่าจะรุนแรงอย่างแน่นอน
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 975 ประจำวันที่ 25 เมษายน - 1 พฤษภาคม 2557)