วันอาทิตย์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ปรากฏการณ์ภัยเขียว

           
การรุกคืบ ขยายตัวทีละเล็กละน้อยของผักตบชวา พืชต่างถิ่น จนสามารถครอบครองผืนน้ำกว้างใหญ่ แออัดยัดเยียดไปด้วยสีเขียว คล้ายสิ่งที่เห็นเป็นเรื่องปกติ ไม่มีพิษภัย แต่หากมองไปในอนาคต สิ่งที่เห็นผิวเผิน และผ่านเลยนี้ อาจก่อให้เกิดปัญหาใหญ่ในอนาคตได้
           
ย้อนไปเมื่อราว 20 ปีก่อน เมื่อครั้งยังเด็กได้ยินคำว่า ปรากฏการณ์เรือนกระจก เป็นครั้งแรกในวิชาวิทยาศาสตร์ ว่าปรากฏการณ์เรือนกระจกเกิดจากการสะสมของ ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่มาจากการเผาไหม้เชื้อเพลิง การเผาไม้ทำลายป่า สาร CFC ที่ใช้ในระบบทำความเย็นทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นตู้เย็น เครื่องปรับอากาศ  รวมไปถึงก๊าซมีเทน ไนตรัสออกไซด์ทั้งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติและจากกิจกรรมของคนสะสมอยู่ในในบรรยากาศสะสมอยู่ในบรรยากาศ เมื่อพลังงานความร้อนจากดวงอาทิตย์มาสู่โลก รังสียูวีที่มีพลังงานสูงทะลุผ่านชั้นก๊าซเข้ามาได้ เมื่อผิวโลกร้อนขึ้นก็คายพลังงานความร้อนในรูปของรังสีอินฟาเรดซึ่งมีพลังงานต่ำกว่ารังสียูวีจึงไม่สามารถทะลุผ่านก๊าซเรือนกระจกออกไปนอกโลกได้
           
เปรียบปรากฏการณ์นี้ได้กับการจอดรถไว้กลางแจ้ง ปิดหน้าต่างทุกบานให้สนิท แสงอาทิตย์จะสาดส่องเข้ามาภายในรถได้ จากนั้นเบาะนั่งในรถจะดูดซับสะสมความร้อนไว้ โดยไม่สามารถปล่อย หรือสะท้อนความร้อนให้หลุดลอดออกจากตัวรถได้ ทำให้อากาศภายในรถร้อน ตราบใดที่เรายังไม่เปิดกระจก อุณหภูมิภายในรถจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ลองคิดดูว่าถ้าเราไปนั่งอบซาวน่าอยู่ในรถ เราคงจะเป็นลมตายเหมือนอย่างที่มีข่าวพ่อแม่ลืมลูกรถไว้ในรถ  
           
ผลที่ตามมาคือ อุณหภูมิของโลกสูงขึ้น เกิดภาวะโลกร้อน ตามมาติดๆ
           
หนำซ้ำที่ผ่านมา เรารณรงค์ลดภาวะโลกร้อนเป็นเหมือนแฟชั่น หมดงบประมาณมากมายกับการปลูกป่าสร้างภาพ แต่ป่าไม้ป่าสงวนกลับถูกกลุ่มนายทุนหน้าเงินลักลอบตัดไม้ทำลายป่า ป่าไม้เมืองไทยหายไปจำนวนมาก ทิ้งไว้แต่เพียงภูเขาหัวโล้นให้ดูต่างหน้า ชาวบ้านลักลอบถางป่าเพื่อทำการเพาะปลูกทำให้เสียพื้นที่ป่ามหาศาล แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่ต่ำกว่าสิบปีดูเหมือนจะไม่มีการจับตัวการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าได้เลยแม้แต่คนเดียว เหล่ามอดไม้ดูจะหนีออกไปจากพื้นที่ได้อย่างเฉียดฉิวดุจมีพรายกระซิบบอกทุกครั้งไป
           
พูดไปก็เหมือนน้ำท่วมปาก คนรู้ก็พูดไม่ได้ คนที่พูดได้ก็ไม่มีหลักฐานว่ามีการจ่ายเงินค่าเคลียร์ทางให้เจ้าที่เจ้าทางได้อิ่มหมีพีมัน พุงป่องกันถ้วนหน้า
           
ส่วนผลลัพธ์ก็อย่างที่เราได้รับผลกระทบจากภาวะโลกร้อนที่หนักหนาสาหัส จนเกิดปรากฎการณ์ทางธรรมชาติไม่ว่าจะเป็น ลานีญา เอลนิโญ  ส่งผลให้สภาพภูมิอากาศบางบริเวณจะผันแปรไปจากปกติ คือบริเวณที่เคยมีฝนชุกจะกลับแห้งแล้ง และบริเวณที่เคยแห้งแล้งจะมีฝนชุก เกิดความแปรปรวนของอากาศ ฝนไม่ตกต้องตามฤดูกาลซึ่งนั่นย่อมต้องส่งผลต่อการเกษตร ประมง อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
           
จนมาวันนี้ผลจากเราปฏิเสธไม่ได้ว่าเรากำลังเผชิญหน้ากับปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างหนักหน่วง แต่การปลุกให้ผู้คนสนใจ ใส่ใจ ดูจะสวนทางกับขนาดของปัญหาที่เราเผชิญ เพราะข่าวสิ่งแวดล้อมมักจะถูกจัดอยู่ในฐานะข่าวลูกเมียน้อย ไม่ค่อยปรากฏบนหน้าสื่อ คุณค่าของข่าวนี้ถูกกลบทับด้วยข่าวดราม่าดารา ข่าวอาชญากรรม ข่าววัวแปดขา หมาหางกุด
           
เราไม่ต้องมองไปหาปรากฏการณ์ภาวะโลกร้อน ภูเขาน้ำแข็งขั้วโลกละลาย  เกิดปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาว และสารพัดเหตุการณ์ทั่วโลก เพราะใกล้ตัวเรา จังหวัดลำปาง ก็มีปรากฏการณ์ที่ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมเรียกร้องความสนใจจากคนลำปาง จากหน่วยงานลำปางเพื่อให้ความสนใจปัญหาและลงมือแก้ไขอย่างจริงจัง ไม่ใช่การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าแบบไฟไหม้ฟาง
           
ตลอดเวลากว่าสี่ปีที่ลานนาโพสต์ ได้เกาะติด ติดตามข่าวสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องปัญหาแม่น้ำวังกลางเมือง ที่ก่อนหน้านั้นเน่าเหม็น แม่น้ำตื้นเขิน ผืนน้ำถูกจับจองด้วยสารพัดวัชพืช หน่วยงาน เจ้าหน้าที่ แม้แต่ชาวบ้านริมน้ำต่างไม่ฮือไม่อือ แต่มาวันนี้แม้ว่าปัญหาแม่น้ำวังยังไม่ได้รับการดูแลรักษาให้สวยงามเหมือนแม่น้ำปิงของเชียงใหม่ แต่คนลำปางเริ่มให้ความสนใจ ใส่ใจดูแลมากขึ้น ก็ถือว่าเป็นสัญญาณอันดี
           
ถัดจากปัญหาแม่น้ำวัง ก็ถึงคิวของเขื่อนกิ่วลม สถานที่ท่องเที่ยวติดอันดับของลำปางกลับถูกรุกรานจากการขยายตัวของจอกหูหนูนับพันตันที่แพร่พันธุ์อย่างรวดเร็ว ปกคลุมผืนน้ำอันกว้างใหญ่ของอ่างเก็บน้ำจนดูไม่ออกว่าผืนน้ำหรือสนามหญ้ากันแน่ มาวันนี้เกือบ 2 ปี จอกหูหนูก็ยังไม่หมดแต่มีแนวโน้มการลดลงอย่างต่อเนื่อง
           
แต่ความวัวไม่ทันหาย ความควายเข้ามาแทรก จอกหูหนูยังกำจัดไม่หมด แม่น้ำวังก็ถูกรุกรานด้วย ผักตบชวา วัชพืชน้ำที่ทนทายาท สร้างปัญหาทั่วประเทศ มาวันนี้ร่างเงาของปัญหาใหม่เริ่มส่งสัญญาณอย่างชัดเจนเมื่อผักตบชวาที่หนาแน่นเพียงแค่ในคลองในชุมชนทีเทศบาลนครกำจัดกันทุกปี มาปีนี้พบที่แม่น้ำวังกลางเมือง จะไหลไปตามกระแสน้ำอันน้อยนิดหลุดออกจากเขื่อนยาง ไปสะสมตัวที่สะพานบ้านหมอสมเขตพื้นที่ดูแลของเทศบาลเมืองเขลางค์ และคืบคลานอย่างเงียบๆเข้าสู่เขตอำเภอเกาะคา และห้วยแม่ปูนหลัง อบจ.ลำปาง มีผักตบชวาอัดแน่นจนปลาแทบไม่อยู่ไม่ได้
           
และหากยังไม่มีการใส่ใจดูแลอย่างเป็นระบบ และคิดว่านี่เป็นปัญหาเล็กๆ อีกไม่นานเราอาจจะได้สโลแกนใหม่ เป็น ลำปาง เมืองวัชพืชน้ำ

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์  ฉบับที่ 1037 วันที่ 17 - 23  กรกฏาคม 2558)
Share:

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์