วันจันทร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2558

ปั่นสองล้อ ผ่อเมืองลำปาง


กุลธิดา สืบหล้า...เรื่อง

เมื่อวันที่ 28-29 สิงหาคมที่ผ่านมา ณ ข่วงนครเมืองลำปางคึกคักมีสีสันจากงาน หยุดเวลาไว้...ที่ลำปาง Timeless @ Lampang ซึ่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) โดยภูมิภาคภาคเหนือ เป็นโต้โผใหญ่จัดงานครั้งนี้ร่วมกับเทศบาลนครลำปาง และนับเป็นครั้งแรกที่มีการโชว์และปั่นจักรยานสไตล์วินเทจในบ้านเรา
           
ในช่วงเวลาเดียวกัน วันที่ 28-30 สิงหาคม กองส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยวของ ททท. ก็ได้จัด Product Testing เส้นทาง ปั่นรถถีบ ผ่อเมืองรถม้า ซึ่งลำปางเราเป็น ในเส้นทางจักรยาน 12 เมืองต้องห้ามพลาด ที่กองส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยว ททท. จะนำออกเผยแพร่ในเร็ว ๆ นี้ แต่ก่อนอื่น เขาได้เชิญบริษัททัวร์และสื่อมวลชนมาทดลองปั่นจักรยานในเส้นทางจริงดูก่อน งานนี้ชาว ททท. บางคนแพ็ก Bromton จักรยานพับแสนเก๋ ขึ้นเครื่องมาจากกรุงเทพฯ เลยทีเดียว
           
เส้นทาง ปั่นรถถีบ ผ่อเมืองรถม้า มีระยะทาง กิโลเมตร เริ่มต้นที่วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม ทุกคนสวมเสื้อจักรยานสีเขียวสดใส พร้อมได้รับแจกหมวกจักรยานสวย ๆ เข้าชุดกัน ก่อนจะเดินชมศิลปกรรมภายในวัด ซึ่งนับว่ามีความหลากหลาย โดยมีการผสมผสานศิลปะล้านนา ศิลปะพม่า และศิลปะตะวันตกเข้าไว้ด้วยกันอย่างน่าสนใจ
           
ความโดดเด่นอยู่ที่มณฑป โดยเพิ่งได้รับการบูรณะทำความสะอาดและทาสีในส่วนของหลังคาเรือนยอดซ้อนชั้น หรือภาษาพม่าเรียกว่า เปี๊ยะดั๊ด ทุกคนพากันเข้าไปชมความงามด้านในมณฑป กราบพระพุทธรูปบัวเข็มและชมงานปูนปั้นประดับกระจกปิดทองฝีมือช่างมัณฑะเลย์ ก่อนจะออกมาเดินชมเจดีย์ทรงระฆังแบบล้านนาร่วมสมัยกับพระธาตุลำปางหลวง
           
จากนั้นก็ได้เวลาปั่นจักรยานมาตามถนนที่อ้อมมาด้านหน้าวัด เลี้ยวซ้ายตรงวัดนางเหลียว แล้วเลี้ยวขวาเข้าถนนป่าไม้ ถนนเส้นเล็ก ๆ ที่ผ่านเข้าไปในชุมชนท่านางลอยและท่ามะโอ แวะจอดรถดูการทำถั่วงอกที่บ้านป้าอ้อย ซึ่งการทำถั่วงอกนี้ นับเป็นอาชีพเก่าแก่ของชุมชนริมแม่น้ำวังในละแวกนี้
           
ออกจากบ้านป้าอ้อย นักปั่นมาแวะอีกครั้งที่คอกม้าของโกตี๋ เรียนรู้เรื่องการเลี้ยงม้า ซึ่งจะว่าไปแล้ว ม้านับเป็นสัตว์สัญลักษณ์อย่างหนึ่งของเมืองลำปางก็ว่าได้ จากคอกม้าเลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนราษฎร์วัฒนา เส้นทางนี้ผ่านบ้านไม้สวย ๆ หลายหลัง เพราะเป็นย่านคหบดีที่ร่ำรวยจากการทำไม้ ผ่านวัดท่ามะโอ จากนั้นข้ามถนนเพื่อมาชมบ้านเสานัก ได้ดื่มน้ำมะขามอร่อย ๆ จนเรี่ยวแรงกลับคืนมาก็ขึ้นไปเดินชมบนบ้านกันจนเพลิน
           
วัดประตูป่องคือจุดหมายถัดไป ชาวจักรยานได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นจากกลุ่มแม่บ้านท่ามะโอด้วยน้ำตะไคร้ น้ำเปล่า และข้าวแต๋น ทั้งยังได้กราบนมัสการท่านเจ้าอาวาส พร้อมชมความงามของวิหาร ซึ่งด้านในมีงานจิตรกรรมร่วมสมัย ส่วนจุดเด่นอยู่ที่หน้าแหนบ หรือหน้าบัน เป็นลายสลักไม้ปิดทองประดับกระจก มีโก่งคิ้วไม้ลายไส้หมูที่เป็นเอกลักษณ์ของลำปางและพะเยา
           
ชาวจักรยานปั่นเรื่อย ๆ มาตามถนนป่าไม้ ผ่านท้ายตลาดรัษฎาฯ ข้ามสะพานรัษฎาภิเศก ซึ่งหลายคนอดไม่ได้ที่จะหยุดรถเพื่อถ่ายภาพสะพานสีขาวของเรา ข้ามสะพานมาก็เที่ยงพอดี ชาวจักรยานจึงได้อุดหนุนร้านก๋วยเตี๋ยวหงวนชุนคนละชามสองชาม

เมื่อกองทัพเดินด้วยท้องได้แล้ว ก็พากันเลี้ยวเข้าถนนตลาดเก่า หรือย่านกาดกองต้านั่นเอง ชาวจักรยานที่ไม่เคยมาเมืองลำปางต่างตื่นตาตื่นใจกับสถาปัตยกรรมอาคารบ้านเรือนของย่านกาดกองต้า จากนั้นก็แวะกินกาแฟที่ร้านหม่องโง่ยซิ่น ซึ่งเป็นอาคารไฮไลต์ของย่านนี้เลยก็ว่าได้ ใช้เวลาอยู่ที่นี่พักใหญ่ จึงปั่นออกไปยังจุดแวะสุดท้าย นั่นคือสมาคมรถม้าลำปาง

เส้นทางกลับนี้ ข้ามสะพานรัตนโกสินทร์ 200 ปี หรือที่เราเรียกสั้น ๆ ว่าสะพานวัดเกาะฯ จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าถนนเจริญประเทศ (โดยหลายคนให้ความเห็นว่า น่าจะเพิ่มจุดแวะที่วัดปงสนุกด้วย) เมื่อไปถึงเชิงสะพานรัษฎาภิเศก ชาวจักรยานหักเลี้ยวขวาลงเนินลอดใต้สะพานไปปั่นเลียบแม่น้ำวัง ชมวิวแม่น้ำและบ้านเรือนสองฝั่งร่มรื่นดีทีเดียว และแล้วก็ถึงสมาคมรถม้าลำปางในเวลาไม่นาน แม้จะเป็นเส้นทางระยะสั้น ๆ ทว่าก็ได้สัมผัสวิถีชีวิต วัด อาคารบ้านเรือน และย่านการค้าเก่าแก่อย่างครบถ้วน ทั้งนี้ ในช่วงเย็น ชาวจักรยานยังได้รับประทานอาหารแบบขันโตก พร้อมหัดทำตุงกับกลุ่มตุงและโคมศรีล้านนาที่หอศิลป์ลำปาง ปิดท้ายด้วยการเดินช็อปปิงในกาดกองต้า เป็นการจบทริปแบบสวย ๆ

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์  ฉบับที่ 1044 วันที่ 4 - 10 กันยายน 2558)
Share:

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์