วันศุกร์ที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2559

แม่วัง ทุกข์ยังไม่สิ้น



จำนวนผู้เข้าชม good hits
           
มื่อ “ม้าสีหมอก” มาเยือนลำปางครั้งแรกๆ นั่งรถผ่านสะพาน ที่ประดับประดาด้วยซุ้มประตู เมืองเก่าเขลางค์นคร มองลงไปเห็นคล้ายลำคลองขนาดใหญ่ ตื้นเขิน เต็มไปด้วยวัชพืช และขยะ น้ำสีดำ ถามเจ้าของถิ่น ได้ความว่า นี่คือแม่น้ำวัง
           
เพราะบ้านอยู่ริมน้ำเจ้าพระยา แม่น้ำสายหลักของประเทศ เมื่อได้รับฟังคำว่า สิ่งที่มองเห็นอยู่เบื้องล่างนั้น ก็เรียกชื่อว่าแม่น้ำเช่นกัน ก็ต้องถามกันให้ได้ความว่า คนลำปางลืมเลือนไปแล้วหรือว่า นอกจากแม่เมาะ รถม้า เซรามิคแล้ว ลำปางยังมีแม่น้ำวัง
           
แม่น้ำวังตายแล้วจากการรับรู้ของคนลำปาง และนี่เป็นเหตุผลหนึ่ง ที่”ม้าสีหมอก” คิดอ่านจะผลักดันให้คนลานนาโพสต์ กำหนดวาระข่าวสารว่าด้วยเรื่องราวของแม่น้ำวัง จนกระทั่งเรื่องแม่น้ำวังได้รับรางวัลระดับชาติ อีกทั้งเทศบาล หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างกระตือรือร้น ช่วยกันทำให้แม่น้ำวังกลับมามีชีวิตอีกครั้ง
           
จนถึงวันนี้ผ่านห้วงเวลาไฟไหม้ฟางมาแล้วในที่สุด ชะตากรรมของแม่น้ำวังที่เคยมีความหวังเพียงวาบหนึ่งที่มีการระดมพลรักษ์แม่น้ำวังกลางเมืองก็พลันดับสลายลง มาวันนี้แม่น้ำวังกลับมาตื้นเขิน ลอยไว้ด้วยตะไคร่ จอกและคราบไคลสกปรก เทศบาลนครลำปางที่เคยมีบทบาทเป็นแม่งานใหญ่เงียบงัน คล้ายไม่เคยรู้จักแม่น้ำวังมาก่อน แม่น้ำวังถูกทอดทิ้งอีกครั้ง
           
เมื่อหน่วยงานที่รับผิดชอบ กลับคืนสู่ความเป็นราชการไม่สั่งไม่ทำ ไม่สร้างแรงกดดันไม่เคลื่อน ชาวบ้านที่เคยตื่นตัวก็กลับเงียบเหงา และไม่ใส่ใจแม่น้ำวังอีก ทั้งที่ความสำคัญของแม่วังไม่ได้ลดลง
           
แม่น้ำวัง เป็นแม่น้ำสายสำคัญที่ไหลพาดผ่านเมืองลำปาง คล้ายแม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่านเป็นเส้นเลือดใหญ่หล่อเลียงชีวิตคนกรุงเทพ และชุมชนในที่ราบลุ่มภาคกลาง แต่ที่มีความแตกต่าง คือ แม่น้ำวังไม่ได้เป็นลมหายใจของชีวิตคนลำปางเหมือนเช่นในอดีตอีกแล้ว เนื่องเพราะความไม่ใส่ใจ การปล่อยปละละเลยของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบกับความเฉยชาของคนลำปางบางกลุ่มที่ไม่ได้ตระหนักว่าลำน้ำแห้งผาก เต็มไปด้วยตะไคร่ ขยะและซากสิ่งปฎิกูลที่อยู่ตรงหน้าพวกเขานี้เคยเป็นอู่ข้าว อู่น้ำ เป็นเส้นทางคมนาคมขนส่งสินค้า เป็นทรัพยากรท้องถิ่นที่ทรงคุณค่ายิ่งเมื่อกาลก่อน
           
น่าเสียดายที่พลังเล็กๆที่ทุ่มทลงไป จนกระทั่งได้รับการตอบสนองอย่างยิ่งใหญ่กว้างขวางในห้วงระยะเวลาที่ผ่านมา กำลังจะสูญเสียไป ด้วยความละเลยเพิกเฉย ของเทศบาลนครลำปาง หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง “ม้าสีหมอก” หวังว่า  ภาวะที่แม่วังสะอื้นไห้อีกครั้งหนึ่ง จะได้รับการเหลียวมอง และคิดได้ในสิ่งที่ทุ่มเทมาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ถ้าเราปล่อยให้เส้นเลือดใหญ่นี้เปราะบางต่อไปอีก ลำปางทั้งเมืองซึ่งเสมือนเรือนร่างทั้งหมดก็จะป่วยไข้รักษาไม่หาย
           
แน่นอน เราไม่ได้ใช้แม่น้ำวังเป็นทางสัญจร ไม่ได้ใช้แม่น้ำวังอาบ ดื่มกินเหมือนกาลก่อน แต่หากคิดถึงแม่น้ำวัง เป็นแม่น้ำเทมส์ไหลผ่านกรุงลอนดอน แม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่านกรุงเทพ และหลายจังหวัดในภาคกลาง เราคงปรารถนาที่จะเห็นแม่น้ำวังที่ใสสะอาด ไหลผ่านเมืองลำปางเช่นกัน
           
“ม้าสีหมอก” กลับมาเยือนลำปางอีกหลายครั้ง เมื่อผ่านสะพานเมืองเก่าเขลางค์นคร ที่แกะลวดลายวิจิตรบรรจง มองลงไปเบื้องล่างคล้ายทิพย์วิมาน อยู่บนกองขยะ แม่น้ำวังทำให้ภาพของแม่น้ำเจ้าพระยาผุดขึ้นมาเป็นภาพเปรียบเทียบในใจอีกครั้ง
           
ใครจะเป็นผู้พลิกฟื้นแม่น้ำวัง กลับมามีชีวิตที่ยืนยาว

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์  ฉบับที่ 1074 วันที่ 8 - 21 เมษายน 2559)
Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์