สื่อยุค 4.0 เสื่อมสุดขีด

จำนวนผู้เข้าชม

ความเชี่ยวชาญ คล่องแคล่ว ว่องไว ในการใช้เครื่องมือสื่อสารสมัยใหม่ ส่งข่าว ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว เพื่อตอบสนอง “นายทาส” เจ้าของโรงงานอุตสาหกรรมข่าว ทำให้นักข่าวยุค 4.0 มีราคาค่างวด มากกว่านักข่าวยุคฉับแกละ ส่งข่าวด้วยโทรศัพท์ในตู้แดงหลายเท่า

พวกเขาถูกส่งออกไป “ล่าเนื้อ” พร้อมอุปกรณ์สื่อสารชนิดพกพา แทบเล็ต สมาร์ทโฟน และอื่นๆ ด้วยค่าตัวที่สูงขึ้น ขอเพียงให้ล่ามาให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าด้วยวิธีใด ในบางครั้ง นายพรานยิงเหยื่อเพียงนัดเดียว ก็ได้เนื้อมาเพียงพอจะเลี้ยงชีวิตได้

แต่บางครั้ง ก็กลับกลายเป็น แร้งที่รุมกันทึ๊ง และกัดกินเหยื่อ อย่างตะกรุมตะกราม

นักข่าว 4.0 เก่ง เฉลียวฉลาด แต่การอบรมบ่มเพาะ จากนายทาส ที่คิดแต่จะค้ากำไรต่ำ พวกเขาจึงไม่รู้ว่า คนที่อยู่ในวิชาชีพสื่อ ก็ต้องเรียนรู้เรื่องมารยาท กาลเทศะ และการปฏิบัติต่อแหล่งข่าวอย่างเหมาะสมด้วย ปรากฏการณ์อันเกิดขึ้นกับพระมหามุนีวงศ์ ก่อนที่ท่านจะได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราชอย่างเป็นทางการนั้น มิใช่เรื่องที่จะสำคัญผิด ทึกทักเอาว่า คำตำหนิของท่านเป็นความเมตตา

แม้ไม่สามารถกล่าวพระนามสมเด็จพระสังฆราชได้เต็มคำ หากเมื่อนายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  เดินทางเข้ากราบสักการะพระมหามุนีวงศ์ เพื่อถวายฏีกานิมนต์สถาปนาเป็นสมเด็จพระสังฆราชนั้น ยังก็แต่พระราชพิธีภายในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เท่านั้น หากแต่ฐานานุรูปของพระองค์ ณ ขณะนั้น ย่อมเรียกได้ว่าเป็นประมุขแห่งสงฆ์ทั้งปวง อันมีฐานะเสมอพระองค์เจ้าแล้ว

ดังนั้น สิ่งที่พระองค์ทรงตรัสเตือนสตินักข่าว ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่สมเด็จพระสังฆราชตรัสเช่นนี้ ก็เป็นเรื่องที่สมควรอับอาย และแสดงความรับผิดชอบอย่างชัดเจน มิเพียงแสดงข้อความขอความร่วมมืออย่างเลื่อนลอย พิมพ์แบบตก ๆหล่นๆ คล้ายจะเร่งรีบ ขององค์กรวิชาชีพสื่อที่เกี่ยวข้อง

โปรดฟังอีกครั้ง..

“ผู้ที่มาร่วมภายในงานก็ดี นักข่าว หรือผู้สื่อข่าวก็ดี ควรเห็นใจซึ่งกันและกัน เพราะฉะนั้นเราต่างคนต่างรู้ ต่างคนต่างเข้าใจกันแล้ว ก็ควรที่จะประสานกันให้เป็นไปด้วยความงดงาม ดูดี ไม่ใช่ตุ้บตั้บ ๆ อย่างที่ทำกันทั่วไปทุกวันนี้

คิดว่างานนี้ครั้งนี้คงจะเป็นงานขั้นต้น ท่านทั้งหลายไม่ต้องแย่งกันจับภาพ เราจับภาพไปพร้อม ๆ กัน แล้วมันจะสวยจะงาม แล้วสถานที่นี้ เราก็นึกดูแล้วกัน เป็นพระอุโบสถที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐทรงสร้างไว้ พวกเรารู้กันดีแล้ว ต่อจากนี้ก็ขอให้ท่านทั้งหลาย ไม่ว่าที่แห่งใดก็ตาม ก็ขอไม่ต้องยื้อแย่งกัน อาตมาจะนั่งให้ถ่ายอย่างดี ๆ”

น่าอับอายอย่างยิ่ง เป็นรอยด่างในวงการสื่อที่ต้องย้อนถามว่า ยามที่ตั้งตนเป็นผู้รู้ ผู้ถูกต้องดีงามเสมอ วิพากษ์วิจารณ์คนอื่น วิพากษ์วิจารณ์สังคม เคยตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาตัวเองบ้างหรือไม่

หนังสือพิมพ์มติชน เคยประกาศปิดตัวเอง ๓ วัน เพื่อแสดงความรับผิดชอบ กรณีผิดพลาดตีพิมพ์จดหมาย พาดพิงถึงสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ก่อน

ผ่านมาถึงวันนี้ เมื่อเกิดกรณีร้ายแรงยิ่งกว่ากับสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ปัจจุบัน อันสมควรเป็นที่เคารพ สักการะสูงสุด องค์กรสื่อ องค์กรวิชาชีพสื่อ แผ่วเบายิ่ง  เสียงเพรียกหาเสรีภาพเมื่อวันก่อนกลับแผ่วเบายิ่ง ไม่มีการแสดงความรับผิดชอบไม่มีแถลงการณ์ ไม่มีคำอธิบายใดๆ

นี่คือปรากฏการณ์สำคัญในยุค 4.0 ที่สื่อเสื่อมสุดขีด

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์  ฉบับที่ 1117 วันที่  17 - 23 กุมภาพันธ์ 2560 )