วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

นอภ.เข้มกาดทุ่งเกวียนห้ามขายสัตว์ป่าผู้ค้าโอดตลาดซบ

จำนวนผู้เข้าชม IP Address

นายอำเภอห้างฉัตร  เรียกประชุมด่วนส่วนที่เกี่ยวข้องและผู้ค้าซากสัตว์ในตลาดทุ่งเกวียน หลังมีกระแสข่าว ตลาดแห่งนี้ค้าขายซากสัตว์อย่างโจ๋งครึ้ม เตรียมทำข้อตกลงห้ามนำซากสัตว์ป่ามาวางขายในพื้นที่อย่างเด็ดขาด และจัดกำลังเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบอย่างต่อเนื่อง เพื่อกู้ภาพลักษณ์ ตลาดของฝากชื่อดังของจังหวัดลำปางกลับมาอีกครั้ง ขณะที่แม่ค้าครวญ การค้าขายเริ่มซบเซา

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 14 พ.ค.61 ที่ห้องประชุมที่ว่าการอำเภอห้างฉัตร จ.ลำปาง นายวาทิต ปัญญาคม นายอำเภอห้างฉัตร จังหวัดลำปาง พร้อมด้วย พ.ต.อ.สมพงษ์ ตั้งตัว ผกก.สภ.ห้างฉัตร ว่าที่ ร.ต.ฐนพงษ์ ปุรินทราภิบาล หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดอยผาเมือง  เจ้าหน้าที่ จาก หน่วยปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช หรือ DNP เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์อำเภอห้างฉัตร เจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอห้างฉัตร ฝ่ายปกครองอำเภอห้างฉัตร ทหารมณฑลทหารบกที่ 32 ค่ายสุรศักดิ์มนตรี ชป.ข่าวประจำที่ว่าการอำเภอห้างฉัตร ตำรวจ สภ.ห้างฉัตร ตำรวจ นปพ.ภ.จว.ลำปาง นางอุพิน อินทรบุรี เจ้าของผู้จัดการกาดทุ่งเกวียน และพร้อมกลุ่มแม่ค้าเนื้อสัตว์ในตลาดทุ่งเกวียนจำนวน 10 แผง เข้ามาประชุมเร่งด่วนเพื่อตรวจสอบและชี้แจงข้อเท็จจริงการจำหน่ายซากสัตว์และอื่นๆในตลาดทุ่งเกวียน ตลาดขายของฝากชื่อดัง อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง 

 

หลังก่อนหน้านี้มีข่าวแพร่หลายออกไปว่า ตลาดทุ่งเกวียนแห่งนี้ มีการลักลอบค้าขายซากสัตว์ป่าชัดเจน โดยเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องไม่มีการตรวจสอบ ทำให้ทางว่าที่ ร.ต.ฐนพงษ์ ปุรินทราภิบาล หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดอยผาเมือง ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริง และได้มีการสนธิกำลังออกสุ่มตรวจอีกครั้ง พบว่ามีการวางขายซากสัตว์และเนื้อสัตว์จริงแต่เป็นการปลอมแปลง จากเนื้อหมูเป็นเนื้อเก้งกวาง ส่วนซากหมูป่าที่ นำมาวางขายเป็นซากหมูป่า ที่มาจากฟาร์มเพาะเลี้ยงที่ จ.นครปฐม และจ.ตาก ส่วนนกกระทา มาจากฟาร์มไข่ นกกระทา ในพื้นที่ อ.ห้างฉัตร เป็นนกที่ไม่สามารถให้ไข่ได้แล้ว เอามาปลอมแปลงเป็นนกคุ้ม ซากไก่ป่าเป็นไก่บ้านและไก่พันธุ์สามสายที่เอามาย้อมสีที่เท้าแล้วอ้างว่าเป็นไก่ป่า ส่วนซากกระจง เป็นกระต่ายบ้านที่ เอามาปลอมแปลง เป็นซากกระจง โดยมีฟาร์มเลี้ยงในพื้นที่ อ.ห้างฉัตร เช่นกัน ซึ่งในการตรวจสอบ 2 วันติดกัน ยังไม่พบว่ามีการกระทำผิดการค้าซากสัตว์ป่าผิดกฎหมายแต่อย่างใด และในส่วนของการหลอกลวงผู้บริโภค ยังไม่มีผู้เสียหายเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์ จึงยังไม่สามารถดำเนินการใดๆได้ 

โดยในที่ประชุมกำหนดให้มีการนำมาตรการทางกฎหมาย ทั้ง พ.ร.บ.คุมครองสัตว์ป่า พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ร.บ.ปศุสัตว์ มาบังคับใช้ และให้ผู้ค้า ปิดป้ายแสดงว่าเป็นเนื้อสัตว์ชนิดไหนอย่างชัดเจน และไม่ให้มีการหลอกลวงอย่างเด็ดขาด และได้สรุปมาตรการในเบื้องต้นคือ ให้มีการทำบันทึกข้อตกลง 3 ฝ่ายคือ ส่วนราชการในพื้นอำเภอห้างฉัตร ผู้ประกอบการในตลาดทุ่งเกวียน เจ้าของตลาดทุ่งเกวียน ในการ ห้ามค้าขายซากสัตว์ป่าอย่างเด็ดขาด และหากพบว่ามีการกระทำผิดและถูกจุบกุมดำเนินคดีจนถึงที่สุด และทางเจ้าของตลาดจะมีมาตรการห้ามขายในพื้นที่ตลาดแห่งนี้อีกต่อไป

ต่อมาวันที่ 16 พ.ค.61  เวลา 14.00 น.เจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงานยังคงสนธิกำลังเข้าตรวจสอบการลักลอบค้าซากสัตว์ป่าในพื้นที่ตลาดทุ่งเกวียนอย่างต่อเนื่อง และได้มีการปรับปรุงปิดป้ายแสดงประเภทเนื้อสัตว์และราคาไว้ชัดเจน พร้อมทั้งขึ้นป้ายห้ามค้าขายซากสัตว์ป่าคุ้มครองทุกชนิดในพื้นที่ตลาดแห่งนี้เด็ดขาด


พ.ต.อ.สมพงษ์  ตั้งตัว ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรห้างฉัตร พร้อมด้วยนางศุกลรัตน์ จันทร์มณี ผู้อำนวยการกลุ่มงาน ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด  นางกิตติยา นิ้วยะวงค์ ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง อำเภอห้างฉัตร ว่าที่ ร.ต.ฐนพงษ์ ปุรินทราภิบาล หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดอยผาเมือง  เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์อำเภอห้างฉัตร เจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอห้างฉัตร ฝ่ายปกครองอำเภอห้างฉัตร กำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 4 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (กก.4บก.ปทส.) ตำรวจ ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตำรวจภูธรภาค 5 ( ศปทส.ภ.5 ) เจ้าหน้าที่ พาณิชย์จังหวัดลำปาง เจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ประจำจังหวัดลำปาง (สคบ.ลำปาง) เจ้าหน้าที่ด่านกักกันสัตว์ลำปาง และนางอุพิน อินทรบุรี เจ้าของผู้จัดการกาดทุ่งเกวียน ร่วมกันตรวจสอบ พ่อค้าแม่ค้าเนื้อสัตว์ในตลาดทุ่งเกวียน  อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง ที่มาวางขายเนื้อสัตว์ต่างๆจำนวน 10 แผง  ทั้งนี้ เพื่อตรวจสอบการได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ทั้ง พ.ร.บ.ปศุสัตว์ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค โดยทางเจ้าของตลาดได้มีการขึ้นป้ายขนาดใหญ่ ติดไว้บริเวณกลางตลาดว่า ห้ามขายสัตว์ป่าสงวนทุกชนิด

จากการตรวจสอบพบว่า เนื้อสัตว์ที่อ้างเป็นสัตว์ป่าได้ถูกแก้ไขและขึ้นป้ายชนิดเนื้อ และราคาไว้อย่างชัดเจน พร้อมกับทำการตรวจสอบใบอนุญาตค้าเนื้อสัตว์ที่ออกโดยปศุสัตว์ ซึ่งพ่อค้าแม่ค้าทุกแผงได้รับอนุญาตทั้งหมดแล้ว ทางเจ้าหน้าที่จึงได้แจ้งเตือน และกำชับห้ามนำซากสัตว์ป่ามาข้าขายในพื้นที่อย่างเด็ดขาด อีกทั้งยังห้ามหลอกลวงเรื่องเนื้อสัตว์ป่าอีก เพราะหากมีหลักฐานชัดเจนก็จะจับกุมดำเนินคดีทางกฎหมายทันที

ขณะที่กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าในตลาดทุ่งเกวียนโอดครวญการค้าขายเริ่มซบเซา ในรอบหลายสิบปี วอนขอความเห็นใจ บางรายทั้งวันขายได้แค่ 60 บาท   โดยสภาพบรรยากาศตามร้านแผงขายของฝากที่ตั้งอยู่ภายในตลาดทุ่งเกวียน แทบจะไม่มีประชาชนนักท่องเที่ยวเข้ามาเดินจับจ่ายซื้อของฝากที่ขึ้นชื่อ เช่น น้ำพริกหนุ่ม แคบหมู ไส้อั่ว หมูทอด หมูปิ้ง ขนมขบเคี้ยว ข้าวแต๋น ผลไม้หลากหลายชนิด เซรามิก สิ้นค้าโอทอป และอื่นๆอีกมากมายที่วางขายในตลาด ปกติจะมีประชาชนนักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศที่ผ่านเส้นทางสายนี้  แวะเพื่อเดินหาเลือกซื้อของกินของฝากติดไม้ติดมือไปอย่างไม่ขาดสาย โดยเฉพาะช่วงเทศกาลหยุดยาวหลายวัน หรือวันหยุดเสา-อาทิตย์  แต่หลังจากมีกระแสข่าวด้านลบ แม้จะผ่านมาแล้ว 3-4 วัน  ทำให้ประชาชนและนักท่องเที่ยว ลดน้อยลงอย่างชัดเจน

แม่ค้าตลาดรายหนึ่ง เปิดเผยว่า ผ่านมาแล้ว 3 วันการค้าขายสินค้าในตลาดซบเซาลงไปอย่างเห็นได้ชัด เพราะที่ผ่านมาวันปกติก็จะขายของได้ไม่ต่ำกว่า 500-1,000 บาท และช่วงวัดหยุดยาวหรือวันหยุดเทศกาลต่างๆจะขายได้วันละไม่ต่ำกว่า 5,000 บาท แต่ห้วง 3-4 วันที่ผ่านมานี้ ลูกค้าประชาชนนักท่องเที่ยวหดหายไป  เปิดร้านมาแล้วครึ่งวัน ขายของได้เพียงแค่ 60 บาท เช่นเดียวกันกับแม่ค้าขายของฝากรายอื่นๆต่างประสบปัญหาเช่นเดียวกัน และไม่เคยประสบปัญหาแบบนี้เลยตั้งแต่เปิดตลาดเป็นต้นมาแม้ที่ผ่านมาก่อนหน้านั้นเมื่อหลายปีก่อน ตลาดแห่งนี้เคยถูกไฟไหม้ครั้งใหญ่ สร้างความเสียหายอย่างหนักแต่ก็กลับพื้นคืนมาอย่างรวดเร็ว เพียงไม่กี่วัน แต่ในครั้งนี้ ส่งผลกระทบมาก จึงอยากวอนขอความเห็นใจ ว่าร้านค้าขายของฝากในตลาดแห่งนี้ ยังคงเปิดขายตามปกติ ขอให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวเข้ามาเลือกซื้อแวะชมชิมได้ทุกวันไม่มีวันหยุด

 (หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1179 วันที่ 18 - 24 พฤษภาคม 2561)


Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์