วันพฤหัสบดีที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

วิพากษ์สื่อ วิพากษ์‘สุทธิชัย’ บนเวทีสัมภาษณ์หมูป่า

จำนวนผู้เข้าชม

พราะความเป็น “รุ่นใหญ่” เวทีสัมภาษณ์ 13 หมูป่า จึงเป็นที่จับจ้องของผู้คน ทั้งในแง่เรื่องราว ที่จะได้รับรู้ความจริงครั้งแรก จากหมูป่าที่ติดถ้ำอยู่ถึง 17 วัน และบทบาทของสุทธิชัย หยุ่น สื่อมวลชนอาวุโสที่มีบทบาท และได้การยอมรับสูงยิ่งในสังคมไทย

และแน่นอน เมื่อต้องประทับตราสุทธิชัย ก็ย่อมต้องมีรายละเอียดแตกต่างจาก รายการสัมภาษณ์ทั่วไป  โดยเปิดฉากด้วยทีมหมูป่า ใส่ชุดบอล วิ่งเข้ามา เล่นฟุตบอลกับเพื่อนๆในทีม ก่อนขึ้นเวทีให้สัมภาษณ์ คล้ายกับจะให้ดูว่าบรรยากาศผ่อนคลาย ไม่เครียด ไม่เข้ม เหมือนรายการสัมภาษณ์ผู้ใหญ่

กล่าวโดยเฉพาะเจาะจง บทบาทการสัมภาษณ์เด็กของสุทธิชัย หยุ่น อาจดูแข็งกร้าว ดุดัน ไปบ้าง หรือมีการใช้ถ้อยคำหยอกเอินที่เกินเลยไปบ้าง เช่น คำถามว่า “จะเข้าถ้ำอีกไหม” หรือ “ก็อยู่ในนั้นเสียเลย” หลังจากแพทย์ทหารเล่าบรรยากาศที่เด็กๆอยู่กับหน่วยซีล หรือตัดตอนคำถามที่ควรให้โค้ชเอกอธิบายเพิ่ม เช่น การให้เด็กๆสวดมนต์ก่อนนอนในถ้ำ การทำสมาธิเพื่อให้จิตใจสงบ ซึ่งน่าจะเป็นประเด็นที่ส่งสารไปถึงสื่อทั่วโลก ให้เข้าใจว่า การทำสมาธิซึ่งเป็นวิถีพุทธ ของประเทศไทยนั้น  ช่วยให้พวกเขาอยู่รอดปลอดภัยอย่างไร
สุทธิชัย หยุ่น ให้สัมภาษณ์ไทยรัฐทีวี  หลังจากนั้นว่า นี่เป็นการสัมภาษณ์ที่มีความสุขสำหรับเขา

“เป็นการสัมภาษณ์ที่มีความสุข  เพราะได้สัมผัสกับเด็กๆที่มีความคิด ความอ่าน มีประสบการณ์ที่หาได้ยากยิ่ง ปกติผมสัมภาษณ์นักการเมือง สัมภาษณ์นักธุรกิจ ก็เป็นเรื่องหนักๆ เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับนโยบายระดับชาติ  แต่กรณีหมูป่ามีบทเรียนมากมาย โดยเฉพาะถ้าให้หมูป่าพูด เล่า และวิเคราะห์ว่า บทเรียนที่ได้นั้นคืออะไร...”

ไม่แปลกด้วยชื่อ ชั้น ชั่วโมงบินของสุทธิชัย หยุ่น หลายคนอาจมีความคาดหวังสูงว่า เขาจะทำให้เวทีประวัติศาสตร์ครั้งนี้ เป็นบรรยากาศที่แม้จะเป็นผู้ใหญ่สัมภาษณ์เด็ก ก็ควรเป็นธรรมชาติ เป็นคำถามสำหรับเด็กที่คาดคั้นเอาคำตอบ และสะท้อนภาพของผู้ใหญ่ที่มีเมตตา ไม่ทำให้พวกเขาอึดอัด คับข้องใจ

ด้วยประสบการณ์ที่ต่างกัน ความคาดหวังที่ต่างกัน ข้างหลังภาพ หลังการสัมภาษณ์หมูป่าสิ้นสุดลง จึงมีทั้งคนชื่นชม และวิพากษ์วิจารณ์  และมีทั้งวิพากษ์วิจารณ์ ด้วยหลักการ ด้วยเจตนาบริสุทธิ์ กับวิพากษ์วิจารณ์จากพื้นฐานอคติที่มีต่อเขาอยู่แล้ว

ไม่ต้องบอกเขาว่า ไม่ต้องหวั่นไหว ความเป็นสุทธิชัย หยุ่น นั้น ไม่หวั่นไหวและไม่ใส่ใจในคำวิพากษ์วิจารณ์ที่มีอคติอยู่แล้ว ในทางตรงกันข้าม นี่กลับเป็นสิ่งที่สุทธิชัย ยินดี รับฟังโดยเฉพาะเมื่อเสียงเหล่านั้น มาจากกลุ่มคนสื่อ ที่ต้องคิด และวิพากษ์วิจารณ์ตลอดเวลา เพราะนั่นเป็นคุณสมบัติจำเป็นสำหรับคนเป็นสื่อมวลชน

นี่เป็นสิ่งที่เขาเคยพร่ำสอน กับผู้ร่วมงาน คนใกล้ชิด ให้ฝึกฝนการมองปรากฎการณ์ในเชิงวิพากษ์ ให้รู้จักคิด มีจินตนาการ เพราะงานข่าว เป็นงานที่ต้องใช้สมอง และไม่ควรเข้าใจว่าการวิพากษ์ หรือ Critical คือการด่า การประณาม หากแต่การวิพากษ์ เป็นกระบวนการที่นำไปสู่การตั้งคำถามที่อาจถูกมองข้ามไป

สุทธิชัย หยุ่น ในวันที่ปลดเกษียณจากงานประจำ แต่ไม่เคยปลดเกษียณจากความเป็นสื่อ มีทั้งคนรัก มีทั้งคนชัง เมื่อเขาต้องก้าวสู่เวทีที่อยู่ในสายตาของคนนับล้านทั่วโลก คนไทยเกือบทั้งประเทศ ที่วัดเรทติ้งจากรายการเดินหน้าประเทศไทยที่ซบเซามานาน  เป็นคนดู 11.3 ล้านคน/นาที ก็ต้องยอมรับว่า Soldier never died ทหารแก่ไม่เคยตาย

คนสื่อตัวจริง ย่อมไม่หวั่นไหว แม้ในวันที่คนวิพากษ์เขาว่า ใช้ขวานปลอกผลไม้ก็ตาม

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1188 วันที่ 20 - 26 กรกฎาคม 2561)
Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์