กกต.ไปไหนมา สามวาสองศอก ความล้มเหลวของงานสื่อสารองค์กร

จำนวนผู้เข้าชม

ถ้าจะถามว่า วิชาการด้านนิเทศศาสตร์ หรือด้านการสื่อสารยังจำเป็นต่อโลกหรือไม่ คำตอบคงแจ้งชัดอยู่แล้ว จากบทบาทของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่มีหลายเรื่องราวต้องสื่อสารกับประชาชน แต่ กกต.กลับแสดงให้เห็นความอ่อนด้อย ในการสื่อสาร พูดจาภาษาคนให้คนอื่นเขาเข้าใจ

ยิ่งในภาวะที่ กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) วางยาให้สังคมปั่นป่วนไปด้วยวิธีการเลือกตั้งแบบสัดส่วนผสม วิธีคำนวณพรรคได้คะแนน  7 หมื่น กับพรรคได้คะแนน 3 หมื่น ต่างได้จำนวน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ 1 ที่นั่งเท่ากัน ไม่เพียง 3 หมื่น เทียบกับผู้มีสิทธิ 50 กว่าล้านทั่วประเทศ จะเป็นความเหลื่อมล้ำระหว่าวงผู้สมัคร ส.ส.ด้วยกัน อย่างยิ่งแล้ว กกต.ยังไม่รู้เลยว่า จะใช้สูตรใดคำนวณ เพื่อให้เห็นจำนวน ส.ส.แท้จริง อย่างสมเหตุสมผล

บัตรเลือกตั้งจากนิวซีแลนด์ 1,542 ใบ ที่ไม่ใช่บัตรเสีย แต่ใช้นับคะแนนไม่ได้ ก็เป็นปัญหาคาใจ ทั้งคนไทยที่นิวซีแลนด์ ที่เอาพวงหรีดไปไว้อาลัย กกต.ไทย และยื่นหนังสือประท้วงต่อสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงเวลลิงตัน ซึ่งหากนับเป็นคะแนน จะส่งผลต่อคะแนนเสียงของแต่ละพรรค อย่างมีนัยสำคัญ      

ปรากฎการณ์เหล่านี้ คือภาพสะท้อน กกต.ชุดนี้ ที่อ่อนประสบการณ์ ก่อให้เกิดวิกฤติศรัทธาในหมู่ประชาชน มากที่สุดนับจากตั้ง กกต.มา และน่าอายที่สุดเช่นกัน ที่ผู้ใหญ่ในรัฐบาลเช่นพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ยังหลับหูหลับตาว่า กกต.ทำดีแล้ว

แน่นอนว่า แม้ประชาชนนับล้านจะเข้าชื่อกัน ขับไล่ กกต. แต่กระบวนการที่จะแสดงผลอย่างจริงจังนั้น คงไม่เกิดขึ้นโดยง่าย ถึงกระนั้น กกต.รวมทั้งผู้สนับสนุน กกต.ทั้งหลาย ก็ควรจะต้องสำเหนียกว่า นี่คือสัญญาณลบสำหรับ กกต. ที่พวกเขาอาจมีเจตนาเพียงแสดงการปฎิเสธ กกต.ในเชิงสัญลักษณ์เท่านั้น

แม้กระทั่งใน กกต.ชุด 2 ที่มีพล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ เป็นประธาน เมื่อมีการฟ้องว่า กกต.จัดเลือกตั้งเอื้อประโยชน์ให้กับพรรคไทยรักไทย และในที่สุด พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ และ กกต.อีก 2 คน ก็ถูกศาลอาญาตัดสินจำคุกโดยไม่รอลงอาญา ซึ่งสังคมในตอนนั้น ก็ไม่ได้มีปฎิกริยาใดๆมากเท่า กลุ่มต่อต้าน กกต.ในวันนี้

ผู้บริหาร กกต.แม้ที่ผ่านมา อาจจะไม่มีความจำเป็นต้องพูดจากับสาธารณะมากนัก แต่บทบาทหน้าที่ในวันนี้ กับสถานการณ์ที่ต้องการทักษะในการสื่อสารถึงคนอย่างสูง ทั้งนายอิทธิพร บุญประคอง ประธาน พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ และระดับบริหารบางคนที่หมุนเวียนเปลี่ยนหน้ากันมาแถลงข่าว แต่พูดจาไม่รู้เรื่อง สื่อสารไม่เข้าใจ ต้องเข้าอบรมวิชาว่าด้วยการสื่อสารกันใหม่

และลืมไม่ได้คือนายปกรณ์ มหรรณพ กกต.คนหนึ่ง ที่เปรียบเปรยปัญหาบัตรเลือกตั้งนิวซีแลนด์ไว้เช่นนี้
“ขอให้นึกถึงการเลือกตั้งต่างๆและการส่งชิงโชคต่างๆ เมื่อดำเนินการเสร็จแล้ว บัตรต่างๆ เอกสารต่างๆ ที่ส่งมาใช้สิทธิ์ จะมาขอให้นับเมื่อดำเนินการเสร็จสิ้นแล้วนับไม่ได้ เราจึงวินิจฉัยเช่นนี้ เราไม่ได้วินิจฉัยว่าเสียหรือดี ถ้าเราวินิจฉัยว่าเสีย ฝ่ายดีก็จะยกขึ้นมาอ้างว่าขอให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ ถ้าวินิจฉัยว่าดี ฝ่ายเสียก็จะยกขึ้นอ้าง”

หากนี่มิใช่ถ้อยคำของ กกต.ผู้ทรงคุณวุฒิ ที่ผ่านการสรรหา ผ่านการพิจารณาอย่างถ้วนถี่ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ก็คงเข้าใจได้ แต่นี่คือ กกต.กลไกสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศนี้ กลับสู่วิถีประชาธิปไตย คิดได้ขั้นนี้ มีหรือไม่มี กกต.ก็ไม่ได้มีความหมายอันใดแล้ว

หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1224 วันที่ 5 - 11 เมษายน 2562