วันศุกร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2563

ข้อมูลการเลี้ยงปูนา และการท่องเที่ยวแจ้ห่ม

 

  เลี้ยงปูนา พารวย  

 การเลี้ยงปูนา อาจจะไม่ได้ง่าย แต่ก็ไม่ยากถ้าเรามีความตั้งใจ  เพราะปูนานั้น ขายได้ ทำอาหารได้ตลอดปี

 

สำหรับวิธีการเพาะเลี้ยงปูนาในปัจจุบันมีการเพาะเลี้ยงอยู่ 2 วิธี คือ วิธีการเพาะเลี้ยงปูนาแบบธรรมชาติ และวิธีการเลี้ยงปูนาแบบน้ำใส

 

วิธีการเพาะเลี้ยงปูนาแบบธรรมชาติ คือ  การเพาะเลี้ยงปูนาในนาข้าว มีการใช้กระเบื้องล้อมกั้นขอบเขตพื้นที่ ที่จะปล่อยปูนาลงไปเลี้ยง มักมีลำเหมืองไหลผ่านเพื่อสะดวกในการชักนำน้ำเข้านา ซึ่งการใช้กระเบื้องล้อมรอบพื้นดินปกติ มักมีการทำแอ่งน้ำตรงกลางเพื่อให้ปูลงไปเล่นน้ำได้  หรือเราอาจจะเลี้ยงในบ่อซีเมนต์ที่มีท่อระบายน้ำ และมีร่องน้ำในบ่อ การเลี้ยงแบบบ่อดินหรือบ่อซีเมนต์ ปกติจะมีการขึงสแลนบังความร้อนและฉีดสปริงเกอร์ให้ความชุ่มชื้นแก่ปูด้วย

 

การเลี้ยงปูนาแบบธรรมชาติทั้งหมด จะต้องมีการให้อาหารเสริมนอกเหนือจากอาหารตามธรรมชาติ เช่น อาหารปลาดุก ปลาที่สับเป็นชิ้นเล็กๆ กุ้งฝอย หรือผักบุ้งผักกาด  แต่ก็มีข้อควรระวังนะจ๊ะ คืออย่าให้อาหารปูมากเกินไป และต้องคอยหมั่นสังเกตดูว่าให้อาหารแค่ไหนปูถึงจะกินหมด เพราะถ้ามีอาหารเหลือก็จะบูดเน่า ซึ่งจะเป็นสาเหตุให้ปูเกิดโรคได้

 

สำหรับการเลี้ยงวิธีนี้ จะไม่มีการควบคุมการผสมพันธุ์ คือปล่อยให้ปูนาจับคู่ขยายพันธุ์กันเอง เมื่อต้องการขายหรือมีคำสั่งซื้อ เกษตรกรจะลงไปคัดเลือกปูในนามาขายตามความต้องการของลูกค้า ข้อดีของการเลี้ยงวิธีนี้คือ ปูนาจะโตเร็วกว่าการเลี้ยงแบบน้ำใส 2 เท่า

 

ส่วนวิธีการเลี้ยงปูนาแบบน้ำใส จะเป็นการเพาะเลี้ยงปูนาในกระชังบก บ่อปูน หรือเลี้ยงในวงบ่อซีเมนต์ จะใส่เครื่องพ่นอากาศหรือไม่ใส่เครื่องพ่นก็ได้ 

 

ข้อดีของวิธีการเลี้ยงปูแบบน้ำใส คือตัวปูสะอาด เกษตรกรสามารถสังเกตสภาพน้ำ และเลือกกำหนดวันเปลี่ยนถ่ายน้ำได้เอง นอกจากนี้ยังสามารถสังเกตพฤติกรรมของปูและนับยอดเช็คจำนวนปูได้ง่ายกว่า  แต่ต้องรักษาความสะอาดด้วย  ควรหมั่นล้างบ่อเมื่อน้ำในบ่อเริ่มสกปรก

 

วิธีการคือ ปล่อยน้ำเก่าออกให้หมด โดยไม่ต้องย้ายปูออกจากบ่อ  เอาเศษอาหารเก่าที่ตกค้างออกให้หมด  ใส่น้ำใหม่ลงในบ่อเลี้ยง โดยให้ระดับน้ำเสมอกับตัวปู และควรมีพื้นที่แห้งเพื่อให้ปูขึ้นมาตากอากาศได้

 

น้ำสำหรับเลี้ยงปูนา เราสามารถใช้น้ำประปา น้ำบาดาล หรือน้ำจากบ่อน้ำ จากคลองส่งน้ำได้   หากน้ำมีคลอรีนสูงให้ทิ้งไว้ประมาณ 2 ชั่วโมง กรณีที่เป็นแหล่งน้ำธรรมชาติจากห้วย หนองคลองบึง จะต้องมันใจว่าปลอดภัยจากสารเคมีที่อาจตกค้างกับน้ำ เช่น ยากำจัดวัชพืช (หญ้า)  ยากำจัดหอย เป็นต้น

 

ที่สำคัญควรมีการป้องกันพยาธิหรือปรสิตในบ่อปู  ผู้เลี้ยงสามารถนำใบหูกวางที่มีสีเหลือง (หล่นจากต้นใหม่ๆ) มาใส่ลงในบ่อเลี้ยงปู จะช่วยให้ปูไม่มีพยาธิหรือปรสิต

 

การให้อาหาร เราควรสลับชนิดของอาหารที่ให้ในแต่ละวัน  ให้อาหารเฉพาะมื้อเย็น โดยกะปริมาณอาหารให้พอดีกับจำนวนปู ใช้อาหารปลาดุกเม็ดเล็ก  กล้วยน้ำว้าสุก (1 ลูกแบ่งออกเป็นสี่ชิ้น) หรือให้ผลไม้อื่นๆ เช่น เนื้อมะพร้าวอ่อนหั่นเป็นชิ้น ข้าวโพดต้ม มะม่วงสุก มะละกอสุก  ส่วนการให้เนื้อปลาดิบสับจะใช้ปลาอะไรก็ได้  ต้องล้างเลือดปลาออกให้หมด โครงไก่ต้มสุก ไม่เอาหนังและเครื่องใน สับชิ้นไม่ใหญ่มาก  ข้าวสุก เส้นขนมจีน เป็นต้น 

 

ระหว่างเลี้ยงเราจะพบเจ้าปูนาลอกคราบแน่นอน ซึ่งการดูแลปูระหว่างลอกคราบ ถ้าเห็นเจ้าปูยืนนิ่ง แต่ขายังขยับ  เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าปูกำลังจะบอกคราบ ให้แยกออกใส่กะละมัง ปูที่ลอกคราบแล้วจะมีสีที่สดใสไม่ขุ่นมัว ตัวจะนิ่มให้แยกออกเลี้ยงจนกว่าจะแข็งแรง  การมีที่หลบซ่อนจำนวนมากในบ่อเลี้ยงจะช่วยให้ปูมีโอกาสรอดชีวิตสูง เนื่องจากปูที่กำลังลอกคราบจะอ่อนแอและอาจถูกรุมกัดจากปูตัวอื่นๆ


 สถานที่ท่องเที่ยว ในอำเภอแจ้ห่ม 

1.ท่าแพสำเภาทอง  ตั้งอยู่ ถนนลำปาง-แจ้ห่ม กม.32 ต.บ้านสา อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง บริเวณเหนือเขื่อนเป็นอ่างเก็บน้ำเหมาะแก่การล่องเรือหรือแพ เพราะมีทัศนียภาพสวยงาม การล่องแพ ใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งวันมีสถานที่น่าสนใจ เช่น แหลมชาวเขื่อนเกาะวังแก้ว ผางาม ผาเกี๋ยง ถ้ำสมบัติ ทะเลสาบกิ่วลม หมู่บ้านสา ฯลฯ   การเดินทางท่าแพบ้านสำเภาทอง ห่างจากตัวเมืองประมาณ 35 กิโลเมตร ตามเส้นทางสายลำปาง-แจ้ห่ม (ทางหลวงหมายเลข 1035) โดยแยกขวาประมาณหลักกม.ที่ 35 จะมีป้ายบอกทาง ท่าจอดแพบ้านสำเภาทอง เข้าไปอีกประมาณ 3 กิโลเมตร

 

2.วัดพระธาตุบ่อส้ม วัดเก่าแก่กว่า 100 ปี ที่อยู่มาตั้งแต่ก่อนสร้างเขื่อนกิ่วลม การเดินทางมี 2 เส้นทางคือ ทางเรือจะสามารถไปได้ในช่วงน้ำขึ้นเท่านั้น โดยไปถึงวัดได้เลย  อีกเส้นทางคือทางรถยนต์ จะต้องใช่ถนนสายลำปาง-แจ้ห่ม เลี้ยวเข้าทางบ้านสา  หมู่ 3 ไปอีกประมาณ 4-5 กิโลเมตร โดยจะมีป้ายบอกตลอดเส้นทาง  เราจะได้เห็นความสวยงามของพระธาตุกลางน้ำ และวิหารเก่าแก่ได้อย่างชัดเจน

 



3.จุดชมวิวดอยฟ้างาม  จุดชมทะเลหมอก 360 องศา ตั้งอยู่ที่บ้านสาแพะ ตำบลบ้านสา อำเภอแจ้ห่ม เป็นดอยสูงที่ล้อมรอบด้วยวิวทิวทัศน์ที่งดงาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงหน้าหนาว นักท่องเที่ยวจะได้เห็นภาพของทะเลหมอกยามเช้า ที่เกิดจากความชื้นของเขื่อนกิ่วลม ทั้งยังเป็นจุดถ่ายดาวพระธาตุสามจิกที่สวยงาม มีลักษณะเป็นลานโล่งกว้าง   สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการมาเที่ยวที่ "ดอยฟ้างาม" สามารถติดต่อคนนำเส้นทางได้ที่ เฟซบุ๊ก ดอยฟ้างาม บ้านสาแพะ ตำบลบ้านสา อำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง

 


4.วัดโป่งชัย  หนึ่งในโบราณสถานเก่าแก่ ตั้งอยู่ในพื้นที่บ้านแป้นโป่งชัย หมู่ 9 ต.บ้านสา  วัดแห่งนี้ ได้เคยมีการสำรวจพื้นที่โดยรอบจนทั่ว และได้มีการขุดค้นพบก้อนอิฐสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่ที่มีอักขระโบราณจารึกไว้จำนวนมาก อยู่บริเวณใต้ฐานพระประธาน แต่ไม่มีใครอ่าน หรือแปลความหมายได้ ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นจารึกเรื่องราวที่เกี่ยวกับวัดแห่งนี้ โดยก้อนอิฐดังกล่าวปัจจุบันได้มีการเก็บรักษาไว้ เพื่อรอการพิสูจน์

 





5.วัดอักโขชัยคีรี ตั้งอยู่ริมถนนสายลำปาง-แจ้ห่ม เส้นทางหลวงหมายเลข 1035 บริเวณกิโลเมตรที่ 50-51

บนยอดเขาเห็นเด่นเป็นสง่าอยู่ใจกลางเมืองแจ้ห่ม เป็นวัดคู่บ้านคู่ชาวเมืองแจ้ห่มมานานหลายร้อยปี แต่ไม่มีหลักฐานบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร นอกจากแผ่นศิลาจารึกที่จารด้วยอักษรล้านนาจำนวน 2 หลัก ซึ่งอดีตเจ้าเอาวาสรูปแรก ครูบาเจ้าสิทธิวัง เป็นผู้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2459 และ พ.ศ. 2474 เป็นหลักฐานที่ทำให้พอทราบได้ว่า แต่เดิมสภาพของวัดถูกทิ้งร้างเป็นป่ารก ไม่มีกุฏิสงฆ์ คงมีแต่เพียงวิหารพระยื่น ซึ่งเป็นวิหารไม้สูงเด่น จนกระทั้งปี พ.ศ. 2466 ครูบาเจ้าศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนา ได้เมตตาเป็นประธานสงฆ์ในอำเภอแจ้ห่ม ทำการสร้างวิหารพระยืนนามว่า วิหารพระศากยมุณี และบูรณะพระพุทธรูปยืนจนสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี  ซึ่งเป็นพระพุทธรูปยืนที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอแจ้ห่ม ชื่อว่า พระศากยมุณีคีรีอักโข นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปปางไสยาสน์ องค์พระนอนประดิษฐาน ภายในวิหารพระนอนบริเวณหน้าอนุสาวรีย์เจ้าพ่อพญาคำลือ 

 





6.อนุสาวรีย์เจ้าพ่อพญาคำลือ ที่ตั้ง ม.1 ต.วิเชตนคร อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง  เป็นที่ประดิษฐสถานอนุสาวรีย์เจ้าพ่อพญาคำลือ ซึ่งเป็นอุปราชใหญ่ได้ครองเมืองวิเชตนครตั้งแต่ปี พ.ศ. 1897 และเป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่เคารพสักการะกราบไหว้บูชาของประชาชนในพื้นที่ และนักท่องเที่ยว ที่ได้มาแวะเยี่ยมเยือนอำเภอแจ้ห่ม



7.วัดพระพุทธบาทปู่ผาแดง ตั้งอยู่ที่อำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง สิ่งที่โดดเด่นของวัดนี้ จนทำให้มีชื่อเสียงโด่งดัง คือ ภาพอันงดงามของเจดีย์เล็กๆสีขาวสร้างขึ้นบนภูเขาสูงเสียดฟ้า ล้อมรอบไปด้วยทิวเขาสูง ซึ่งสร้างจากแรงศรัทธาของมนุษย์   การเดินทาง ใช้เส้นทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1035 ลำปาง (จากตัวเมืองลำปางใช้ทางหลวงหมายเลข 1035 ไปแจ้ห่ม จากตัวเมืองแจ้ห่มเลยไปอีกประมาณ 1 กิโลเมตร จะมีทางแยกซ้ายมือ อยู่ตรงทางโค้งพอดี ให้เลี้ยวเข้าไปประมาณ 200 เมตร จะมีแยกซ้ายมือเขียนว่าไป วัดเฉลิมพระเกียรติพระจอมเกล้าราชานุสรณ์ ระยะทางประมาณ 5 กิโลเมตร) 

 




8. กาแฟบรูโน่ กาแฟคุณภาพเหรียญทองระดับโลก  ประวัติของกาแฟที่นี่น่าสนใจไม่น้อย ตั้งขึ้นเพื่อช่วยให้ชาวไทยภูเขามีอาชีพที่ยั่งยืนรวมทั้งให้มีโอกาสในด้านการศึกษาเล่าเรียนด้วยการรับซื้อเมล็ดกาแฟสดจากเกษตรกรชาวไทยภูเขาในอำเภอแจ้ห่ม นำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ ซึ่งรายได้ทั้งสิ้นจะผลกำไรได้นำไปจัดตั้งกองทุนด้านการศึกษาแก่เด็กนักเรียนในความอุปถัมภ์ของศูนย์พระแม่ราชินีแห่งสันติภาพ ซึ่งบาทหลวง Bruno ผู้ดูแลได้นำกาแฟเข้าประกวด IIAC ที่ผ่านมามีกาแฟจากทั่วโลกกว่า 149 ชนิดเข้าร่วมประกวด และกาแฟของบาทหลวงบูโน่ก็สามารถชนะเลิศได้ด้วยความโดดเด่นของกาแฟที่คั่วเอง

 














9.วัดผาแดงหลวง ตั้งอยู่ พื้นที่ ตำบลแจ้ห่ม อำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. ไหนยังไม่มีหลักฐานบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรที่แน่ชัด เพียงแต่ได้รับจากคำบอกเล่าของคนเฒ่าคนแก่ในอำเภอแจ้ห่มที่มี อายุ 80 ปีเศษ หลายๆ ท่านและจากหลักฐานที่เป็นลายลักษณ์อักษร พอจะอนุมานอายุของวัดได้ช่วงหนึ่ง มีแต่คัมภีร์ที่จารึกด้วยอักษรล้านนาที่มีอยู่ในหอธรรมของวัดมากกว่า 500 ผูก ศาสนวัตถุที่เป็นหลักฐานชี้ให้เห็นถึงความเป็นมาของผาแดงหลวงคงมีแต่พระเจดีย์ใหญ่ที่ตั้งตระหง่านเป็นศรีเมืองแจ้ห่ม ซึ่งเป็นการบ่งบอกถึงความศรัทธาเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาของชาวบ้านในครั้งนั้นเป็นอย่างดี




 

10.สะพานขัวแตะบ้านม่วง สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจอีกแห่งหนึ่ง เลยจากวัดผาแดงไปอีกหน่อย โดยเฉพาะช่วงวันเสาร์และวันอาทิตย์ จะมีตลาดนัดเล็กๆให้นักท่องเที่ยวและชาวบ้านได้จับจ่ายซื้อของ  และนำมานั่งรับประทานริมน้ำ ได้บรรยากาศไปอีกแบบ

 


11.ไร่ห่มฟ้า  ตั้งอยู่ตรงข้ามไร่ทรัพย์หมื่นแสน มีบรรยากาศถ่ายรูปดอกไม้สวยๆตามฤดูกาล แบบธรรมชาติเช่นกัน ใครสนใจลองเข้าไปเที่ยวชมได้จ้า  ค่าบริการ 50 บาท การเดินทางจากตัวเมืองลำปางใช้เส้นทางถนนหมายเลข 1035 เส้นทางมุ่งหน้าอำเภอแจ้ห่ม จ.ลำปาง จุดสังเกตให้ผ่านหน้าเจ้าพ่อพญาคำลือ และตรงตามทาง จะเจอกับโรงเรียนแจ้ห่มวิทยา แล้ว เลี้ยวขวา วิ่งตามทางสังเกตจะอยู่ขวามือมีกังหันใหญ่ๆ ก็ถึงแล้ว 

 


12.เขื่อนกิ่วคอหมา เป็นเขื่อนดินสูง   43.5   ล้าน ลบ.ม. ยาว  500 ม.  สันเขื่อนกว้าง 8 ม. สามารถกักเก็บน้ำได้  170 ล้าน ลบ.ม.  ตั้งอยู่พื้นที่บ้านห้วยสะเหน้า ต.ปงดอน อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง  เป็นโครงการก่อสร้างเขื่อนเก็บกักน้ำที่อยู่ตอนบนของเขื่อนกิ่วลม โดยดำเนินการเสร็จเมื่อพ.ศ. 2541 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2546 อนุมัติให้เริ่มดำเนินการก่อสร้างโครงการกิ่วคอหมา มีแผนการดำเนินงานปี พ.ศ. 2548 - 2553 วงเงินงบประมาณทั้งสิ้น 3,670.05 ล้านบาท โดยในปี พ.ศ. 2547 ให้เริ่มดำเนินการเตรียมความพร้อมของโครงการฯ แล้วเสร็จและสามารถกักเก็บน้ำได้ในปี 2551 ส่วนระบบท่อส่งน้ำ อยู่ในระหว่างการดำเนินงาน คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2557

 


13.น้ำตกตาดเหมย  ตั้งอยู่ห่างจากบ้านทุ่งฮ้าง หมู่ 1 ตำบลทุ่งผึ้ง อำเภอแจ้ห่ม เดินทางโดยรถยนต์เข้าไปประมาณ 8 กิโลเมตร เป็นน้ำตกที่มีน้ำใสสะอาดไหลลงแอ่งน้ำรองรับลงมาเป็นชั้นมีความสูงรวม 9 ชั้น แต่ละชั้นงดงามด้วยสายน้ำสีเขียวมรกตซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของน้ำตกบนภูเขาหินปูน

 



ตาดเหมยเป็นชื่อน้ำตกที่มีความสวยงามและเป็นป่าต้นน้ำของลำห้วยแม่เหม้า จึงมีความอุดมสมบูรณ์ของต้นไม้และพรรณไม้นานาชนิด  น้ำตกตากเหมยได้ถูกค้นพบเมื่อปี 2534 โดยพรานป่าที่เข้าป่าเพื่อทำการล่าสัตว์ได้ไปพบน้ำตกตาดเหมยโดยบังเอิญ และถูกกล่าวขานถึงความสวยงามและความอุดมสมบูรณ์ของตัวน้ำตกตาดเหมย ต่อมาเมื่อปี พ.ศ.2537 รายการท้าพิสูจน์ ซึ่งออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 สี ได้เดินทางเข้ามาถ่ายทำสารคดีในพื้นที่น้ำตกตาดเหมย เพื่อนำไปออกรายการท้าพิสูจน์ จึงทำให้เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยว และมีการเดินทางมาท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ต่อมาระยะหนึ่งก็ถูกลืม สาเหตุมาจากการขาดการประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับการเดินทางค่อนข้างที่จะลำบาก เนื่องจากไม่มีเส้นทางรถยนต์ที่จะเข้าถึงตัวน้ำตกตาดเหมยได้ จึงไม่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเท่าใดนัก

 

การเดินทางจากจังกวัดลำปางมาตามเส้นทางสายอำเภอแจ้ห่ม – วังเหนือ ถึงแยกเข้าสู่บ้านแจ้คอน ตรงตู้ยามตำรวจบ้านวังใหม่ระยะทางประมาณ 90 กิโลเมตร จากบ้านวังใหม่ - บ้านแจ้คอนหมู่ที่ 2 ผ่านบ้านแจ้คอนหมู่ที่ 6 - บ้านทุ่งฮ้างหมู่ที่ 1 ระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร เส้นทางจากบ้านทุ่งฮ้างหมู่ที่ 1 ไปถึงน้ำตกระยะทางประมาณ 12 กิโลเมตร เป็นถนนลูกรังจนถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติถ้ำผาไทส่วนย่อย จากที่ทำการอุทยานแห่ง ชาติถ้ำผ่าไทยส่วนย่อยถึงตัวน้ำตกระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร เป็นเส้นทางเดินเท้าลัดเลาะไปตามลำห้วยแม่เหม้า จนถึงตัวน้ำตกที่มีมากถึง 14 ชั้น และมีความสวยงามคุ้มค่ากับการเดินทาง เหมาะสำหรับการพักแรมเนื่องจากมีความเป็นธรรมชาติและเงียบสงบเป็นอย่างมาก รวมระยะทางจากตัวจังหวัดลำปาง ประมาณ 123 กิโลเมตร



เกษตรกรต้นแบบโครงการเลี้ยงปูนาอำเภอแจ้ห่ม จ.ลำปาง

 













Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์