วันอาทิตย์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2557

กลับไม่ได้ ไปไม่ถึง นับถอยหลังเลือกตั้งเลือด !


ถึงแม้ ธงแห่งวันเลือกตั้ง จะยังถูกปักไว้ในวันที่ 2  กุมภาพันธ์ 2557 แต่หนทางแห่งการก้าวเดินไปถึงวันนั้น  น่าหวั่นไหวยิ่ง

ไม่เพียงพื้นที่กรุงเทพมหานคร  ใจกลางมหานคร ประเทศไทยเท่านั้น  ที่มีแต่ป้ายหาเสียงของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย  หากแต่พื้นที่ลำปาง ก็มีเพียงป้ายโฆษณาหาเสียงของบางคน บางพรรค วางตั้งไว้อย่างโดดเดี่ยวด้วย ไม่ว่าหนทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไร จะมีเลือกตั้งหรือไม่ มีแล้วจะมีอันเป็นไปอย่างไร แต่ขอให้ได้แขวนป้ายไว้ว่า ได้มีส่วนร่วมในการเมืองสนามใหญ่เท่านั้นก็พอ  เรียกว่าออกตัวแรง เพื่อสะสมเสบียงไปถึงวันที่ จะมีการเลือกตั้งจริงๆ วันที่ฟ้าใส วันที่ไม่มีอุปสรรค ขวากหนามใดๆ มาขวางกั้น

นี่ยังไม่ได้กล่าวถึง วันที่คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) ประกาศปิดกรุงเทพ ในวันจันทร์ที่ 13 มกราคมประเทศไทยทั้งระบบจะก้าวข้ามไปได้อย่างไร โดยไม่เสียเลือดเนื้อ คนไทยด้วยกันเอง หรือโดยนางมารร้ายที่ผู้คนมองเห็นเป็นลูกแมวเซื่องๆ จะไม่พลิกบทบาทกลับมาเป็นฆาตกรเลือดเย็น ที่เหี้ยมโหดอำมหิต มากกว่าคราวที่อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สั่งสังหารผู้ชุมนุมเมื่อปี 2553 หลายพันเท่า

แต่หากจะพยายามมองโลกให้สวย มีวันเลือกตั้ง มี ส.ส.ได้รับเลือกตั้ง มีคนยอมรับการเลือกตั้ง แต่มีปรากฏเช่นนี้...

คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติแจ้งข้อกล่าวหา ส.ส.และ ส.ว.จำนวน 308  คน ฐานปลอมเอกสาร และปฎิบัติหน้าที่มิชอบ กรณีที่ร่วมกันลงมติในร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในวาระที่ 1 , 2 และ 3 โดยจำนวนนี้เป็น ส.ส.พรรคเพื่อไทย ถึง 223 คน

คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตัดสิทธิ์ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ หรือปาร์ตี้ลิสต์ จำนวน 87 คน จาก 25 พรรคการเมือง เนื่องจากตรวจสอบแล้ว พบว่า ขาดคุณสมบัติ และมีลักษณะต้องห้ามในการรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส.โดยขาดคุณสมบัติเนื่องจากไม่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ในการเลือกตั้งทั่วไป เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 สังกัดพรรคการเมืองเดียวไม่ถึง 30 วัน จนถึงวันเลือกตั้ง เป็นสมาชิกพรรคเกินกว่า 1 พรรค อยู่ระหว่างถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง และอายุไม่ถึงเกณฑ์ที่จะลงสมัครได้

น่าแปลกใจที่มีผู้สมัครขาดคุณสมบัติมากมายเช่นนี้ ทั้งที่น่าจะรู้ว่าไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตั้งแต่แรก น่าสนใจว่านี่เป็นการระดมพรรคเล็ก พรรคน้อย มาสมัคร เพื่อให้มีการแข่งขันในสนามเลือกตั้ง เหมือนเช่นที่พรรครักไทยทำมาในการเลือกตั้งปี 2549 หรือไม่

การเลือกตั้งที่นำไปสู่การวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ สั่งการเลือกตั้งเป็นโมฆะในที่สุด

นั่นแปลว่า ความโกลาหลย่อมเกิดขึ้น ไม่สามารถเปิดสภาได้ การได้มาซึ่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งจะเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี จะทำได้ยากยิ่ง แม้กฎหมายรัฐธรรมนูญจะกำหนดให้ การเสนอชื่อ และการลงมติรับรอง ใช้คะแนนเสียงเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร แต่ประธานสภาผู้แทนราษฎรย่อมไม่สง่างาม นายกรัฐมนตรีย่อมไม่สง่างาม

นอกจากนั้น องค์ประกอบของความเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ต้องมีจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละเก้าสิบห้าของจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งหมด ซึ่งจะต้องดำเนินการให้ครบภายในหนึ่งร้อยแปดสิบวัน นับแต่วันเลือกตั้ง

จำนวน ส.ส.ไม่ครบตามเงื่อนไข ส.ส.ได้รับเลือกตั้งไม่ถึงเกณฑ์ 20 %  ใบเหลือง ใบแดง ที่ต้องติดตามมาอย่างปฎิเสธไม่ได้ นี่เองย่อมกล่าวได้ว่า ถึงแม้มีการเลือกตั้ง แต่ก็เสมือนไม่มีเลือกตั้ง

และถึงแม้มีเลือกตั้ง กปปส.ก็ต้องต่อต้านอย่างสุดฤทธิ์

กลับไม่ได้ ไปไม่ถึง ยังพอรับได้ แต่หากไปไม่ได้ แล้วยังล้มตาย เลือดนองแผ่นดิน นี่นับเป็นเรื่องที่น่าเศร้านักสำหรับคนไทย


(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 960  10 - 16 มกราคม 2557) 
Share:

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์