ผู้บัญชาการเรือนจำคนใหม่เข้ม
ออกระเบียบเพิ่มคุมเข้มทั้งเจ้าหน้าที่และผู้ต้องขัง
ห้ามนำของใช้ส่วนตัวเข้าภายในเด็ดขาด หวังลดปัญหานำยาเสพติดและสิ่งของต้องห้าม
พร้อมของบประมาณจากกรมราชทัณฑ์ 500,000 บาท เพิ่มตาข่ายสูงรอบเรือนจำ ป้องกันการโยนสิ่งของจากภายนอก
และทยอยติดตั้งกล้อง cctv เพิ่ม
เชื่อป้องกันปัญหาได้ในระดับหนึ่ง
ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา
ข่าวการโยนสิ่งของและลักลอบนำยาบ้าเข้าไปภายในเรือนจำกลางลำปาง
มีเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้สื่อข่าวลานนาโพสต์จึงได้สอบถามมาตรการป้องกันต่างๆ
ไปยัง นายคัมภีร์ อนุรักษ์ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางลำปาง ซึ่งเปิดเผยว่า ตั้งแต่ที่เข้ามารับงานเมื่อ
10 มี.ค. 57 ที่ผ่านมา พบว่ามีการลักลอบโยนสิ่งของต้องห้าม
เช่น ยาเสพติด โทรศัพท์มือถือ
รวมทั้งที่ตรวจพบทางประตูเข้ามาเรือนจำหลายครั้ง
มาตรการป้องกันสิ่งของต้องห้ามเหล่านี้มีมาโดยตลอด อันดับแรกคือการตรวจค้นข้าราชการ ผู้ต้องขัง
บุคคลภายนอก ซึ่งทำอยู่เป็นประจำ
นอกจากนั้นได้มีการตรวจสิ่งของที่ถือติดมือมา ตรวจยานพาหนะที่ขนอาหาร
วัสดุที่ทำไปฝึกอาชีพต่างๆ เข้าไปด้านในอย่างละเอียด
ผู้บัญชาการเรือนจำกลางลำปาง
กล่าวต่อไปว่า หลังจากพบปัญหาบ่อยขึ้น ได้มีการเพิ่มมาตรการใหม่เข้าไปอีกหลายข้อด้วยกัน
โดยได้กำชับให้มีการห้ามเจ้าหน้าที่หิ้วสิ่งของเข้าไปด้านในเรือนจำโดยเด็ดขาด
ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า ของใช้ส่วนตัว อาหาร เว้นแต่สิ่งของที่เป็นของทางราชการที่ต้องนำไปปฏิบัติหน้าที่
แต่ต้องลงรายละเอียดและตรวจค้นก่อนนำเข้า โดยจะให้ผู้ต้องขังแดนหญิงปรุงอาหารเลี้ยงเจ้าหน้าที่เวรยาม
เพื่อป้องกันการซุกซ่อนสิ่งผิดกฎหมายเข้าไปกับอาหาร และสิ่งของที่นำเข้าไป
ที่ประตูจะมีกล้องถ่ายภาพของที่ได้รับอนุญาตเข้าไปด้านในไว้ทั้งหมด รวมทั้งออกระเบียบห้ามเจ้าหน้าที่ที่ไม่มีหน้าที่ภายในเรือนจำเข้าออกโดยพลการ
ต้องขออนุญาตหรือเข้าไปในหน้าที่ราชการเท่านั้น
และในเรื่องของการฝากขายของในร้านสวัสดิการเรือนจำ จะมีการเข้มงวดขึ้น ซึ่งจะต้องแจ้งรายการที่ส่งเข้าไปด้านในทุกรายการ
จะมีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบว่าส่งเข้าไปตามรายการที่แจ้งจริงหรือไม่
สำหรับมาตรการป้องกันการโยนสิ่งของผิดกฎหมายข้ามกำแพงนั้น
ตอนนี้ได้งบประมาณจากกรมราชทัณฑ์มาเสริมตาข่ายสูงขึ้นไปประมาณ 500,000 บาท ซึ่งทำไปแล้ว 2 ด้าน อยู่ระหว่างทำด้านที่ 3 โดยจะต่อความสูงขึ้นไปอีกประมาณ 5 เมตร คาดว่าจะช่วยได้ในระดับหนึ่ง ส่วนที่เป็นปัญหาในตอนนี้คือ
กล้องวงจรปิดของเรือนจำมีไม่เพียงพอ เพราะขาดงบประมาณในการติดตั้ง
ทางเรือนจำจะต้องติดตั้งกล้องให้มากขึ้นทั้ง 4 ด้านอย่างต่ำ 10
ตัวขึ้นไป จะเริ่มชุดแรกด้วยงบประมาณของเรือนจำเอง คาดว่าชุดละประมาณ
50,000 บาท อาจจะเริ่มได้ก่อน 5 ชุด
ให้สามารถตรวจสอบในแต่ละจุดได้ ส่วนที่เหลือก็ต้องรองบประมาณจากกรมฯ
เพราะต้องใช้งบประมาณสูง ซึ่งยังตอบไม่ได้ว่าจะดำเนินการเสร็จเมื่อไร
เพราะทางกรมฯก็ต้องพิจารณาให้งบประมาณเรือนจำหลายแห่ง จึงต้องเริ่มทำตามงบประมาณอยู่ไปก่อน
นายคัมภีร์
ยังได้กล่าวถึงมาตรการในส่วนของผู้ต้องขังว่า
จากการที่ยาเสพติดเข้าสู่เรือนจำเพราะด้านในมีความต้องการจึงพยายามหาเข้ามา
โดยภายในสั่งการหรือลักลอบติดต่อกันทางโทรศัพท์
การเยี่ยมญาติก็เป็นการส่งข้อความกันได้ เป็นโค้ดหรือรหัสต่างๆที่รู้กันเองในกลุ่ม
ทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถตรวจสอบได้
โทรศัพท์จึงสำคัญที่จะเป็นตัวเชื่อมในการสั่งของ
ปัจจุบันก็ใช้วิธีการเครดิตกันโดยไม่จ่ายเงินสด
ผู้ต้องขังก็จะหาวิธีการนำเข้า โดยการโยน
หรือการนำเข้าทางทวารหนักตามที่เป็นข่าว
ซึ่งส่วนใหญ่ทางเจ้าหน้าที่เรือนจำก็ได้รับแจ้งข่าวมาก่อนว่าจะมีการนำเข้า
ดังนั้นจึงจะมุ่งเน้นไปยังผู้ต้องขังที่ออกไปด้านนอก
ทั้งนักโทษชั้นดีที่ออกไปทำงาน นักโทษที่ไปขึ้นศาล
หรือนักโทษที่รับเข้ามาใหม่ โดยมีผู้ต้องขังบางคนได้รับการประกันตัวกลับบ้าน
และกลับมาศาลเพื่อรับฟังการตัดสิน ซึ่งรู้ตัวอยู่แล้วว่าจะโดนเข้าเรือนจำแน่
ก็ยัดทวารมาจากบ้านเลยก็มี วิธีการก็คือจะตรวจสอบลักษณะการเต้นของหัวใจ
โดยจะมีเจ้าหน้าที่ที่เชี่ยวชาญตรวจสอบ และใช้วิธีทางจิตวิทยา
ซึ่งผู้ต้องขังบางคนก็รับ บางคนก็ไม่รับ
หากไม่รับสารภาพก็จะนำส่งไปเอ็กซเรย์ที่โรงพยาบาล
โดยทางโรงพยาบาลได้ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
สำหรับการขยายผล
ได้มีการสอบสวนหาความจริง แต่ได้คำตอบเหมือนๆกันคือเจอในถังขยะในห้องขัง
โดยไม่เคยบอกระบุชื่อบุคคลเลย จึงไม่สามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้
ตัวนักโทษเองก็จะโดนโทษเพิ่มในการละเมิดอำนาจศาล ส่วนการนำตัวไปศาลนั้นทางเรือนจำมีหน้าที่เพียงจัดรถและคนขับ
โดยจะมีตำรวจควบคุมตัวไป และมีตำรวจศาลดูแลที่ห้องควบคุมใต้ถุนศาล ทางเรือนจำก็ยอมรับว่าไม่ได้มีเจ้าหน้าที่ซื่อสัตย์กันหมดทุกคน
ตามที่เห็นในข่าวว่ามีการจับและไล่ออกไปหลายคน
เพราะฉะนั้นหน่วยงานอื่นก็อาจจะเป็นเช่นเดียวกัน นายคัมภีร์ กล่าว
ผู้บัญชาการเรือนจำลำปาง
ยังได้กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า การออกมาตรการเหล่านี้มีทั้งผลตอบรับที่ดีและไม่ดี
เจ้าหน้าที่ที่เสียประโยชน์ก็จะคับข้องใจบ้าง
แต่สักวันคงจะเข้าใจเพราะทำเพื่อประโยชน์ของทางราชการ
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 979 ประจำวันที่ 30 พฤษภาคม - 5 มิถุนายน 2557)