วันอาทิตย์ที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2557

หอมกลิ่น เครื่องแบบ




            ปรากฏการณ์ ARMY FEVER ย้อนมาให้เห็นอีกครั้ง หลังจากการรัฐประหาร วันที่ 19 กันยายน 2549 โดย พล.อ.สนธิ บุญยรัตนกลิน ในครั้งนั้นสถานการณ์บ้านเมืองก็อยู่ในภาวะตึงเครียด บีบคั้น มีการเคลื่อนไหวกำลังพลทหาร อาวุธยุทธโทปกรณ์ รถถัง รถฮัมวี่ เข้าประจำการณ์สถานที่ราชการและสถานที่ต่างๆ ภายใต้ภาพที่น่าหวั่นใจกับสถานการณ์การเมืองที่เดินหน้าเข้าสู่ทางตันจนถึงขั้นต้องใช้กำลังทหารเข้ายึดอำนาจ แต่ภาพที่ปรากฏคือภาพที่ประชาชนคนไทยต่างออกไปมอบดอกไม้ อาหาร-เครื่องดื่มมากมาย เป็นสัญลักษณ์ในการให้กำลังใจผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่ กระบอกปืนของทหารในครั้งนั้นผูกริบบิ้นสีเหลืองและมีผ้าพันคอสีเหลือง รถถังวิ่งบนท้องถนนมีแถบผ้าสีเหลืองติดเป็นสัญลักษณ์การแสดงออกถึงความจงรักภักดีแม้ในยามที่ต้องออกปฏิบัติการ
            รัฐประหารในครั้งนี้ก็ดูจะไม่ต่างกันมากนัก สถานการณ์การก่อนที่จะมีการประกาศกฏอัยการศึกมีแนวโน้มความวุ่นวายและกลิ่นความรุนแรงเริ่มโชยกลิ่นมากขึ้น เมื่อต่างฝ่ายต่างกำหนดวันดีเดย์ เดทไลน์ ประกาศรวมตัวชุมนุมครั้งใหญ่ครั้งสุดท้าย จนเมื่อใช้กฏอัยการศึกเพื่อนตรึงสถานการณ์และเรียกทุกฝ่ายมาทำการบ้านเพื่อหาทางออกให้ประเทศ ปรากฏว่าไม่มีใครยอมส่งการบ้านซักคน สุดท้าย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงต้องประกาศยึดอำนาจการปกครอง
            และเป็นการรัฐประหารอีกครั้งที่ประชาชนออกมามอบอาหาร เครื่องดื่มชูกำลัง บ้างก็ออกมาถ่ายรูปเซลฟีกับทหารอัพขึ้นเฟสบุ๊ค ทวิตเตอร์ อินสตราแกรม กลายเป็นกระแสแทรนด์ดี้สุดๆ ใครไม่มีถือว่าเอาท์ก็ว่าได้
            แร็ค ลานนา มีโอกาสพลัดหลงไปในดงเครื่องแบบกับเขาบ้าง ทำให้หัวใจกระชุ่มกระชวยขึ้นมาทันที อย่างน้อยด้านดีของ คสช. ที่สัมผัสได้ แตะต้องได้ คือโอกาสได้ใกล้ชิดพี่ๆในเครื่องแบบสีเขียว ชนิดหายใจรดต้นคอกันเลยทีเดียว เพราะร้อยวันพันปีจะมีโอกาสซักทีที่สำนักงาน ลานนาโพสต์และสถานีวิทยุลานนาเอฟเอ็ม จะมีโอกาสต้อนรับ ผบ.มทบ.32 พ.ต.อุกฤษณ์ อากาศวิภาต พร้อมด้วย กทสช.ลำปาง ที่แวะมาเยี่ยมเยือนและให้คำแนะนำการเผยแพร่ข่าวสารอย่างถูกต้องในช่วงนี้ ตอนแรก แร็ค ลานนา ก็ตกใจเล็กน้อยนึกว่ามาเยือนเพราะไปแอบเหล่พี่ทหารมาดแมนที่มาประจำการตามจุดต่างๆออกนอกหน้าจน เพราะหาโอกาสใกล้ชิดผู้ชายในเครื่องแบบยากเหลือเกิน แต่ก็อย่างว่าแหละ หากเราไม่ได้ความผิดก็ไม่ต้องกลัว
            ภายใต้กฏอัยการศึก ไปจนถึงช่วงเวลาที่มีการประกาศยึดอำนาจ ตามมาด้วย ประกาศและคำสั่งต่างๆมากมาย ในช่วงเวลานั้น ทั้งสื่อ วิทยุ โทรทัศน์ ต่างถูกระงับสัญญาณทั้งหมด มีเพียงสัญญาณจาก คณะรักษาความสงบแห่งชาติ และเพลงปลุกใจแทนรายการปกติ แร็ค ลานนา ก็เกาะขอบโทรทัศน์เพื่อติดตามข่าวสารเท่าที่มีจนจะร้องเพลงปลุกใจได้หมดแล้ว
            ส่วนข่าวสารทางอินเตอร์เนตก็เกาะขอบมือถือ ถูจนหน้าจอแทบจะสึก เพราะเป็นอีกช่องทางหนึ่งที่ยังมีการเคลื่อนไหวข้อมูล ทั้งที่กรองและยังไม่ได้กรอง แต่ดูเหมือนข่าวสารจะมาในรูปข่าวลือเยอะมาก และแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ภายใต้เครือข่ายไร้สาย ข่าวสาร ข่าวลือแพร่เร็วยิ่งกว่าไวรัส โดยเฉพาะสิ่งที่ทำให้ชาวเนตแตกตื่นมากเมื่อมีข่าวลือว่า ICT จะตัดสัญญาณอินเตอร์เนตจากผู้ให้บริการทุกเครือข่าย เพราะวัยรุ่นหลายคนพร่ำจะเป็นจะตายเมื่อจะไม่ได้ใช้อินเตอร์เนต
            ภายใต้สภาวะบ้านเมืองที่ยังไม่ปกติ แต่เรายังสามารถใช้ชีวิตตามปกติได้อาจต้องมีการปรับตัวเล็กน้อย แต่ก็เถียงไม่ได้ว่าบางธุรกิจได้รับผลกระทบ อย่างกลุ่มวิทยุธุรกิจ ที่มีคำสั่งให้ระงับการออกอากาศ แน่นอนว่า AIR TIME ทั้งหลาย นับเวลาเป็นมูลค่ากันทั้งสิ้น เพราะการจัดทำวิทยุล้วนแล้วแต่มีต้นทุน หรือแม้แต่ร้านเหล้า ร้านอาหารตอนค่ำคืนต่างโอดโอยกันทั้งนั้น เพราะในแต่ละวันต้องจ่ายเงินเดืิิอนให้ลูกน้อง เด็กเสิร์ฟ นักร้อง นักดนตรี ได้รับผลกระทบต่อกันเป็นทอดๆ แต่หากมองในมุมกลับ สถานีวิทยุที่ก่อนหน้าที่ กสทช. จะเข้ามาจัดระเบียบ ก็ปล่อยให้วิทยุหาเงินจนวิทยุคลื่นหลักก็โซเซหลายปีเหมือนกัน ส่วนร้านเหล้าก็มีหลายร้านที่เปิดเลยเวลาที่กฏหมายกำหนด หลายส่วนก็ได้รับผลประโยชน์จากการที่ละเมิดกฏระเบียบไปก็มาก ถือเสียว่าตอนนี้ก็เสียสละเพื่อชาติ ก็ได้แต่หวังว่าจะกลับเข้าสู่สถานการณ์ปกติในเร็ววัน จะได้ใช้ชีวิตปกติทั้งคนกลางวันและคนกลางคืน
            ฉะนั้นมองในด้านดี แม้จะเจ็บปวดอยู่บ้าง แต่ก็มีแง่งามให้สังคมได้มีโอกาสทบทวนปรับเปลี่ยนเรื่องร้ายๆได้เหมือนกัน


(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 980 ประจำวันที่  30 พฤษภาคม - 5 มิถุนายน  2557)


Share:

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์