สมาชิกของกลุ่มครือข่ายสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ จ.ลำปาง เดินทางมายื่นไปรษณียบัตร ส่งถึง หน. คสช.วอนขอให้ทำงานไม่กระทบกับชาวบ้านผู้ยากจน
หลังที่ผ่านมายังมีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่แยกแยะ ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน
เมื่อวันที่
28 ก.ค. 57 เวลา 11.00 น.กลุ่มสมาชิกของกลุ่มครือข่ายสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ
จังหวัดลำปาง ประมาณ 30 คน ได้เดินเท้าจากหน้าทางเข้าศูนย์ราชการจังหวัดลำปาง
เข้ามายังหน้ามุข ศาลาลากลางจังหวัดลำปาง พร้อมถือป้าย ข้อความต่างๆ
พร้อมถึงข้อความที่เขียนในไปรษณียบัตร เพื่อที่ จะส่งไปถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ผ่าน ที่ทำการไปรษณีย์ สาขาศาลากลางจังหวัดลำปาง
โดยก่อนที่จะส่งไปรษณีย์นั้น
นายประเวท ปิ่นแก้ว คณะกรรมการสมาชิกของกลุ่มครือข่ายสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ
จังหวัดลำปาง ได้อ่านแถลงการณ์ของกลุ่มฯ ผ่านตัวแทนของจังหวัดลำปาง คือนายสุทัศน์
สมคำ รักษาราชการป้องกันจังหวัดลำปาง ที่มารับฟังแถลงการณ์และรับหนังสือครั้งนี้
จากนั้น สมาชิกของกลุ่มครือข่ายสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ จังหวัดลำปาง
ได้พากันเดินเข้าไปยังที่ ทำการไปรษณีย์ พร้อมทั้งส่งไปรษณีย์ทั้งหมดเพื่อที่จะ
ส่งไปถึง หน.คสช.ต่อไป
ขณะที่
นายประเวท ปิ่นแก้ว คณะกรรมการสมาชิกของกลุ่มครือข่ายสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ
จังหวัดลำปาง แกนนำในครั้งนี้ กล่าวว่า หลังจากมีคำสั่ง 64/2557 และ 66/2557
เรื่องปราบปรามและการหยุดยั้งการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ โดย คสช.มีเจตนารมณ์
ที่จะปราบปรามนายทุน ผู้มีอิทธิพล
และกลุ่มขบวนการลักลอบตัดไม้ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ
ซึ่งเน้นย้ำว่าการดำเนินการตามคำสั่งดังกล่าวต้องไม่กระทบต่อประชาชนผู้ยากไร้
ผู้มีรายได้น้อย และผู้ไร้ที่ดินทำกิน
ซึ่งได้อาศัยอยู่พื้นที่เดิมนั้นๆก่อนมีผลบังคับใช้ แต่
ข้อเท็จจริงที่ปรากฏตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้มีเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่
เกี่ยวข้องนำไปปฏิบัติการโดยไม่แยกแยะ
ว่าเป็นนายทุน ผู้มีอิทธิพล หรือประชาชนผู้ยากไร้ ผู้ที่มีรายได้น้อย
และผู้ไร้ที่ดินทำกิน ซึ่งอยู่อาศัยในพื้นที่นั้นมาก่อน ตลอดจน
บางครั้งมีเจ้าหน้าที่บางส่วนอ้างคำสั่ง ดังกล่าวเข้าไปข่มขู่คุกคาม
ทำให้กลุ่มชาวบ้านวิตกหวาดกลัว จนไม่สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างปกติ
จึงได้มีการประชุมเครือข่ายและได้มีมติออกมาเคลื่อนไหว
เขียนข้อความใส่ไปรษณียบัตร
เพื่อส่งไป ถึง หน.คสช.โดยขอให้เร่งดำเนินการตามข้อเรียกร้อง
ในมาตรการเร่งด่วนคือ
ให้ หัวหน้า คสช.กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปฏิบัติการด้วยความรอบคอบ
เป็นธรรมและยึดถือตามคำสั่งที่ 66/2557
เร่งรัดให้สำนักนายกรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขปัญหา
ที่ดินทำกิน
เร่งรัดการแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสถาบันบริหารจัดการ
ที่ดินให้เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันฯ
พร้อมทั้งอนุมัติงบประมาณสนับสนุนการดำเนินงานของสถาบันฯ
และอนุมัติโครงการนำร่องธนาคารที่ดินจำนวน 167
ล้านบาทตามนัยยะมติคณะรัฐมนตรี 21
พฤษภาคม 2557ส่วนมาตรการระยะกลาง และระยะยาว
ให้ผลักดันให้เกิดการกระจายการถือครองที่ดินโดยมาตรการจัดเก็บภาษีในอัตรา
ก้าวหน้าและนำภาษีที่ได้มาจัดตั้งธนาคารที่ดินให้แก่คนจนและเกษตรกรรายย่อย
ได้มีโอกาสเข้าถึงที่ดินที่ทำกินและที่อยู่อาศัยอย่างเป็นธรรม
ผลักดันให้เกิดการกระจายการถือครองที่ดินโดยมาตรการจัดเก็บภาษีที่ดินใน
อัตราก้าวหน้าและนำภาษีที่ได้มาจัดตั้งธนาคารที่ดินให้แก่คนจนและเกษตรกรราย
ย่อยได้มีโอกาสเข้าถึงที่ดินทำกินและที่อยู่
อาศัยอย่างเป็นธรรม ผลักดันกฎหมายรองรับสิทธิชุมชนในการจัดการที่ดิน ป่าไม้
น้ำ
และทะเล
เพื่อเป็นการกระจายอำนาจในการจัดการทรัพยากรไปสู่ชุมชนอย่างมีประสิทธิภาพ
และ
บรรจุเนื้อหาว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิชุมชนไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับถาวรเพื่อให้
ชุมชนท้องถิ่นและชุมชนท้องถิ่นดั้งเดิมมีสิทธิในการดูแลรักษา
จัดการ และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่มีอยู่ในชุมชนอย่างสมดุลและยั่งยืน
โดยแกนนำเครือข่าย ฯ
ได้เน้นย้ำว่าจะมีการติดตามผลการส่งไปรษณียบัตรถึงหัวหน้า
คสช.อย่างใกล้ชิดเพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาที่ดินของเกษตรกร ต่อไป
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 989 ประจำวันที่ 1 - 7 สิงหาคม 2557)