วันพฤหัสบดีที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

เครือข่ายเกษตร คสช. กำกับ จนท. ใช้อำนาจเข้ม


สมาชิกของกลุ่มครือข่ายสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ จ.ลำปาง เดินทางมายื่นไปรษณียบัตร ส่งถึง หน. คสช.วอนขอให้ทำงานไม่กระทบกับชาวบ้านผู้ยากจน หลังที่ผ่านมายังมีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้าที่โดยไม่แยกแยะ ทำให้ชาวบ้านเดือดร้อน  

เมื่อวันที่ 28 ก.ค. 57 เวลา 11.00 น.กลุ่มสมาชิกของกลุ่มครือข่ายสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ จังหวัดลำปาง ประมาณ 30 คน ได้เดินเท้าจากหน้าทางเข้าศูนย์ราชการจังหวัดลำปาง เข้ามายังหน้ามุข ศาลาลากลางจังหวัดลำปาง พร้อมถือป้าย ข้อความต่างๆ พร้อมถึงข้อความที่เขียนในไปรษณียบัตร เพื่อที่ จะส่งไปถึง  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ผ่าน ที่ทำการไปรษณีย์ สาขาศาลากลางจังหวัดลำปาง 

โดยก่อนที่จะส่งไปรษณีย์นั้น นายประเวท ปิ่นแก้ว คณะกรรมการสมาชิกของกลุ่มครือข่ายสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ จังหวัดลำปาง ได้อ่านแถลงการณ์ของกลุ่มฯ ผ่านตัวแทนของจังหวัดลำปาง คือนายสุทัศน์ สมคำ รักษาราชการป้องกันจังหวัดลำปาง ที่มารับฟังแถลงการณ์และรับหนังสือครั้งนี้ จากนั้น สมาชิกของกลุ่มครือข่ายสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ จังหวัดลำปาง ได้พากันเดินเข้าไปยังที่ ทำการไปรษณีย์ พร้อมทั้งส่งไปรษณีย์ทั้งหมดเพื่อที่จะ ส่งไปถึง หน.คสช.ต่อไป

ขณะที่ นายประเวท ปิ่นแก้ว คณะกรรมการสมาชิกของกลุ่มครือข่ายสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ จังหวัดลำปาง แกนนำในครั้งนี้ กล่าวว่า หลังจากมีคำสั่ง 64/2557 และ 66/2557 เรื่องปราบปรามและการหยุดยั้งการบุกรุกทำลายทรัพยากรป่าไม้ โดย คสช.มีเจตนารมณ์ ที่จะปราบปรามนายทุน ผู้มีอิทธิพล และกลุ่มขบวนการลักลอบตัดไม้ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งเน้นย้ำว่าการดำเนินการตามคำสั่งดังกล่าวต้องไม่กระทบต่อประชาชนผู้ยากไร้ ผู้มีรายได้น้อย และผู้ไร้ที่ดินทำกิน ซึ่งได้อาศัยอยู่พื้นที่เดิมนั้นๆก่อนมีผลบังคับใช้  แต่ ข้อเท็จจริงที่ปรากฏตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้มีเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่ เกี่ยวข้องนำไปปฏิบัติการโดยไม่แยกแยะ ว่าเป็นนายทุน ผู้มีอิทธิพล หรือประชาชนผู้ยากไร้ ผู้ที่มีรายได้น้อย และผู้ไร้ที่ดินทำกิน ซึ่งอยู่อาศัยในพื้นที่นั้นมาก่อน ตลอดจน บางครั้งมีเจ้าหน้าที่บางส่วนอ้างคำสั่ง ดังกล่าวเข้าไปข่มขู่คุกคาม ทำให้กลุ่มชาวบ้านวิตกหวาดกลัว จนไม่สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างปกติ จึงได้มีการประชุมเครือข่ายและได้มีมติออกมาเคลื่อนไหว เขียนข้อความใส่ไปรษณียบัตร เพื่อส่งไป ถึง หน.คสช.โดยขอให้เร่งดำเนินการตามข้อเรียกร้อง ในมาตรการเร่งด่วนคือ ให้ หัวหน้า คสช.กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปฏิบัติการด้วยความรอบคอบ เป็นธรรมและยึดถือตามคำสั่งที่ 66/2557 เร่งรัดให้สำนักนายกรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการแก้ไขปัญหา ที่ดินทำกิน เร่งรัดการแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการบริหารสถาบันบริหารจัดการ ที่ดินให้เป็นไปตามพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสถาบันฯ พร้อมทั้งอนุมัติงบประมาณสนับสนุนการดำเนินงานของสถาบันฯ และอนุมัติโครงการนำร่องธนาคารที่ดินจำนวน 167 ล้านบาทตามนัยยะมติคณะรัฐมนตรี 21 พฤษภาคม 2557ส่วนมาตรการระยะกลาง และระยะยาว ให้ผลักดันให้เกิดการกระจายการถือครองที่ดินโดยมาตรการจัดเก็บภาษีในอัตรา ก้าวหน้าและนำภาษีที่ได้มาจัดตั้งธนาคารที่ดินให้แก่คนจนและเกษตรกรรายย่อย ได้มีโอกาสเข้าถึงที่ดินที่ทำกินและที่อยู่อาศัยอย่างเป็นธรรม ผลักดันให้เกิดการกระจายการถือครองที่ดินโดยมาตรการจัดเก็บภาษีที่ดินใน อัตราก้าวหน้าและนำภาษีที่ได้มาจัดตั้งธนาคารที่ดินให้แก่คนจนและเกษตรกรราย ย่อยได้มีโอกาสเข้าถึงที่ดินทำกินและที่อยู่ อาศัยอย่างเป็นธรรม ผลักดันกฎหมายรองรับสิทธิชุมชนในการจัดการที่ดิน ป่าไม้ น้ำ และทะเล เพื่อเป็นการกระจายอำนาจในการจัดการทรัพยากรไปสู่ชุมชนอย่างมีประสิทธิภาพ และ บรรจุเนื้อหาว่าด้วยการคุ้มครองสิทธิชุมชนไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับถาวรเพื่อให้ ชุมชนท้องถิ่นและชุมชนท้องถิ่นดั้งเดิมมีสิทธิในการดูแลรักษา จัดการ และใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่มีอยู่ในชุมชนอย่างสมดุลและยั่งยืน โดยแกนนำเครือข่าย ฯ ได้เน้นย้ำว่าจะมีการติดตามผลการส่งไปรษณียบัตรถึงหัวหน้า คสช.อย่างใกล้ชิดเพื่อให้เกิดการแก้ไขปัญหาที่ดินของเกษตรกร ต่อไป


(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 989 ประจำวันที่ 1 - 7 สิงหาคม 2557)


Share:

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์