หลังมีการตรวจสอบพบเงินหายไปจากบัญชีกว่า 3 แสน ทางวัดจึงมอบอำนาจมาแจ้งความเอาผิด
เมื่อวันที่ 23 ก.ค. 57 เวลาประมาณ
14 .00 น. ขณะที่ ร.ต.อ.วิเชียร ใจสันกลาง
พนักงานสอบสวน สภ.เมืองลำปาง ปฏิบัติหน้าที่เวร ได้มีนายเสรี สุกัน อายุ 57 ปี ราษฎรบ้านหมู่ 5 ต.ชมพู
อ.เมืองลำปาง และเป็นอดีตกำนันตำบลชมพู พร้อมด้วยชาวบ้านจำนวนหนึ่ง
ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ เพื่อให้ช่วยดำเนินคดีกับนายสมพงษ์ หาญเหมย
นายพินิจ จันทร์หอมไกล นายฉลอง
แสงทอง และคนที่เกี่ยวข้องอีกจำนวนหนึ่งในข้อหายักยอกทรัพย์
โดยทางอดีตกำนันรายนี้
ได้ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า
โดยก่อนหน้านี้ทางบุคคลที่กล่าวมานั้นเป็นไวยาวัจกรประจำวัดกาดเมฆ ต.ชมพู
และได้มีหน้าที่ดูแลรายได้ต่างๆของวัด ไม่ว่าจะเป็นเงินกฐิน ผ้าป่า รวมทั้งค่าเช่าตลาดหน้าวัด
และกระทั่งเมื่อวันที่ 18 ก.ค.
ที่ผ่านมาตนและทางวัดได้มีการตรวจสอบบัญชีเงินเข้าออกของวัด
และได้ตรวจพบว่ามีเงินหายไปจากบัญชีจำนวน 367,209 บาท
และได้สอบถามเกี่ยวกับเงินที่หายไปจำนวนมากกับบุคคลที่กล่าวอ้างข้างตน แต่ทั้ง 3
ก็ได้ปฏิเสธ และแจ้งว่าไม่เอาเงินของทางวัดไปแต่อย่างใด
เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ทางวัดได้รับความเสียหาย
ดังนั้นทางนายเสรี อดีตกำนันตำบลชมพู
กล่าวว่า ทางเจ้าอาวาส จึงได้มอบหมายให้ตนเข้ามาแจ้งความร้องทุกข์
เพื่อให้ดำเนินคดีกับบุคลทั้ง 3 รายดังกล่าว
หลังที่เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบเรื่องที่เกิดขึ้นก็ได้บันทึกคำให้การไว้
และจะได้เรียกผู้ถูกกล่าวหามาทำการสอบสวนปากคำว่าเกี่ยวข้องกับเงินที่หายไปหรือไม่
ก่อนจะดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดต่อไป
สำหรับนายสมพงษ์
หาญเหมย ได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกสภาเทศบาลเมืองเขลางค์นคร เมื่อวันที่ 20 มี.ค.57 หลังจากที่ศาลฎีกาได้พิจารณาคดีให้จำคุก
2 ปี และตัดสิทธิ์ทางการเมือง 10 ปี
เนื่องจากถูกร้องคัดค้านการเลือกตั้งเกี่ยวกับการซื้อเสียง เมื่อปี 2545 และได้ต่อสู้คดีมายาวนานจนถึงชั้นศาลฎีกาจนถูกตัดสินคดีดังกล่าว
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 988 ประจำวันที่ 25 - 31 กรกฎาคม 2557)