ไพฑูรย์ ห่วงเทศบาลเสียหายหลังหมดวาระ
ร่อนหนังสือถึงหัวหน้า คสช.ขอให้ย้ายปลัดเทศบาล เหตุจากมีพฤติกรรมทุจริต เคยถูก
ป.ป.ช.ฟันผิดวินัยร้ายแรง มีประวัติปฏิบัติหน้าที่ประมาทเลินเล่อ
ผู้สื่อข่าวลานนาโพสต์ได้รับรายงานว่า
เมื่อวันที่ 21 ก.ค.57 ที่ผ่านมา
นายไพฑูรย์ โพธิ์ทอง นายกเทศมนตรีเมืองเขลางค์นคร ได้ยื่นหนังสือที่ ลป 52301/24 เรื่องร้องเรียนพฤติการณ์ของพนักงานเทศบาลเมืองเขลางค์นคร ถึงหัวหน้าคณะรักษาคณะรักษาความสงบแห่งชาติ
(คสช.) เพื่อขอให้
คสช.ซึ่งเคยมีประกาศคำสั่ง ฉบับที่ 69/2557 เรื่องมาตรการป้องกันและแก้ไขปัญหาการทุจริตประพฤติมิชอบ
เพื่อให้การบริหารราชการของ คสช. ในการดูแลความปลอดภัยให้แก่ประชาชน
รวมทั้งเพื่อให้เกิดความสงบสุขแก่สังคมและผลประโยชน์ของประเทศชาติโดยรวมในการป้องกันและแก้ไขปัญหาทุจริตประพฤติมิชอบ
พิจารณาย้ายปลัดเทศบาลเมืองเขลางค์นครออกไปปฏิบัติหน้าที่อื่นในระหว่างถูกดำเนินคดีและถูกสอบสวนทางวินัย
จนกว่าการดำเนินคดีจะสิ้นสุด
ซึ่งในหนังสือดังกล่าว
มีเนื้อหาระบุว่า จากประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 85/2557 วันที่ 10 ก.ค.57
เรื่องการได้มาซึ่งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นเป็นการชั่วคราว ในข้อ 11 ระบุว่า ในกรณีที่ผู้บริหารท้องถิ่นครบวาระหรือว่างลง
ให้ปลัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นปฏิบัติหน้าที่นายกองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นนั้น
คณะผู้บริหารของเทศบาลเมืองเขลางค์นคร
จะครบวาระในวันที่ 25 ก.ย.57 แต่ด้วยเหตุที่ประกาศ คสช.
ตามที่กล่าวข้างต้น ซึ่งกรณีของเทศบาลเมืองเขลางค์นครนั้นปรากฏข้อเท็จจริงว่า
นายอมร ทองประดิษฐ์ ปลัดเทศบาลเมืองเขลางค์นคร
ได้ถูกกล่าวหาทางอาญาและถูกดำเนินการทางวินัย กระทำผิดวินัยร้ายแรง
กรณีได้ใช้หรือมีส่วนรู้เห็นในการให้พนักงานจ้างของเทศบาลไปอยู่เฝ้าบ้านและไปทำสวน
การนำรถดับเพลิงไปรดน้ำต้นไม้ เติมน้ำในสระและเติมน้ำในถังเก็บน้ำบ้านพักของตนเอง
โดยนายพันธ์ศักดิ์ คำแก้ว อดีต สท.เมืองเขลางค์นคร
ได้แจ้งความกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนเมื่อวันที่ 24 ส.ค.
54 ต่อมาเมื่อวันที่ 9
ต.ค.56 พนักงานสอบสวนมีความเห็นให้สั่งฟ้องนายอมร ทองประดิษฐ์ ปัจจุบันยังอยู่ในการพิจารณาของอัยการ
นอกจากนั้น ถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยฯ
ตามคำสั่งเทศบาลเมืองเขลางค์นคร เพื่อสอบสวนวินัยเรื่องที่นายอมร ทองประดิษฐ์
ปลัดเทศบาลเมืองเขลางค์นคร
ได้ใช้หรือมีส่วนรู้เห็นในการให้พนักงานจ้างของเทศบาลไปอยู่เฝ้าบ้านและไปทำสวน
นำรถดับเพลิงไปรดน้ำต้นไม้ เติมน้ำในสระ ดังกล่าว
คณะกรรมการฯมีมติเอกฉันท์ให้ลงโทษทางวินัยอย่างร้ายแรงโดยให้ ไล่ออก
และนายกเทศมนตรีได้เสนอคณะกรรมการพนักงานเทศบาลจังหวัดลำปาง
(ก.ท.จ.ลำปาง)พิจารณา แต่ปรากฏว่าคณะกรรมการพนักงานเทศบาลจังหวัดได้มีมติในการประชุมครั้งที่
1/2557 เมื่อวันที่ 24 ม.ค.57 ว่า
พฤติการณ์ถือว่าเป็นความผิดไม่ร้ายแรง
ฐานอาศัยหรือยอมให้ผู้อื่นอาศัยอำนาจหน้าที่ราชการของตนไม่ว่าจะโดยทางตรง
หรือทางอ้อม หาประโยชน์ให้แก่ตนเองหรือผู้อื่น ตามข้อ 3
วรรคสอง แห่งประกาศ ก.ท.จ.ลำปาง
เรื่องหลักเกณฑ์และเงื่อนไขในการสอบสวนการลงโทษทางวินัย การให้ออกจากราชาร
การอุทธรณ์และการร้องทุกข์ จึงเห็นควรลงโทษ ลดขั้นเงินเดือน 1 ขั้น แต่หากผลคดีทางอาญาเป็นที่สุดให้ลงโทษ จึงพิจาณาลงโทษทางวินัยให้เหมาะสมโทษทางอาญาอีกครั้งหนึ่ง
การใช้เชื้อเพลิงของทางราชการไปในทางทุจริต
เทศบาลได้มีหนังสือแจ้งความร้องทุกข์ให้ดำเนินคดีอาญาไปยัง สภ.เมืองลำปาง ลงวันที่
20 พ.ค. 56 โดยนายอมร ทองประดิษฐ์ ปลัดเทศบาลฯ
และนายวิสุทธิ์ อุ่นผูก พนักงานจ้างทั่วไป
ได้ร่วมกันกระทำการในขณะที่เป็นเจ้าพนักงาน มีหน้าที่ ซื้อ ทำ จัดการ
หรือรักษาทรัพย์ใด เบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตน หรือเป็นของผู้อื่นโดยทุจริต
หรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์สินนั้นเสีย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147
และเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ใดผู้หนึ่ง หรือปฏิบัติ
หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ก่อให้เกิดความเสียหายแก่เทศบาลฯ เทศบาลฯได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยร้ายแรงแก่นายอมร
ทองประดิษฐ์ และนายวิสุทธิ์ อุ่นผูก ตามคำสั่งเทศบาลฯที่ 763/2556 วันที่ 14 พ.ย.56 ขณะนี้อยู่ระหว่างการสอบสวน
ทั้งนี้ เมื่อครั้งที่นายอมร ทองประดิษฐ์
เคยปฏิบัติหน้าที่ปลัดเทศบาลเมืองนครนายก ได้ถูกแจ้งให้ดำเนินการสอบสวนทางวินัย
และผลออกมาว่านายอมร
มิได้ใช้ความระมัดระวังและตรวจสอบให้ดีกว่าการเบิกจ่ายเงินเป็นไปตามระเบียบ กฎหมาย
และหนังสือสั่งการของทางราชการหรือไม่
โดยมีพฤติกรรมซึ่งถือได้ว่าเป็นการปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาณเลินเล่ออย่างร้ายแรง
นายอมร จึงต้องรับผิดชอบค่าสินไหมให้แก่ทางเทศบาลฯ จำนวน 375,000 บาท
ในการนี้
เทศบาลเมืองเขลางค์นครเห็นว่าหากคณะผู้บริหารได้ครบกำหนดวาระลง ในวันที่ 25
ก.ย.57 นายอมร ทองประดิษฐ์ ในฐานะปลัดเทศบาลเมืองเขลางค์นคร
ได้เข้ามาดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรี ตามประกาศของ คสช. ที่ 85/2557
จะทำให้ขั้นตอนของการดำเนินคดีอาญาและการดำเนินการทางวินัยจะถูกกระทบกระเทือน
ขาดความเป็นธรรมและโปร่งใส ซึ่งคดีดังกล่าว เป็นคดีที่ร้ายแรงเนื่องจากถูกกล่าวหาว่ากระทำโดยทุจริตต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการและปฏิบัติหน้าที่ด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง
ด้วยเหตุผลดังกล่าว ประกอบกับคำสั่ง คสช.ที่ 65/2557
ขอให้พิจารณาโยกย้ายนายอมร ทองประดิษฐ์
ปลัดเทศบาลเมืองเขลางค์นครไปปฏิบัติหน้าที่อื่น จนกว่าคดีจะสิ้นสุด
เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้น
ทั้งนี้ ทางสำนักปลัดนายกรัฐมนตรี โดยนางสุปราณี
จันทรัตนวงศ์ ผอ.ศูนย์บริการประชาชน ปฏิบัติราชการแทนปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
ได้มีหนังสือที่ นร.
0105.02/42461 ลงวันที่ 31 ก.ค.57 มาถึงนายไพฑูรย์ โพธิ์ทอง นายกเทศมนตรีเมืองเขลางค์นคร โดยสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้ประสานให้จังหวัดลำปาง
ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบกรณีที่นายกเทศมนตรีได้ร้องเรียนดังกล่าว
พิจารณาดำเนินการต่อไปและให้แจ้งผลต่อนายกเทศมนตรีโดยตรง
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 993 ประจำวันที่ 29 สิงหาคม - 4 กันยายน 2557)