กุลธิดา
สืบหล้า...เรื่อง
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า
เครื่องดื่มเก่าแก่ที่โลกรู้จักอย่างกาแฟ
ได้เข้ามาสู่ความนิยมของเมืองลำปางระยะหนึ่งแล้ว ไม่นับรวมรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์และความหอมกำซาบ
หากกาแฟคือพืชพรรณที่เปี่ยมไปด้วยรายละเอียด ซึ่งหลอมรวมเรื่องราวแห่งเมล็ดพันธุ์ ผู้คน
และขุนเขา เข้าไว้ด้วยกัน
ฟังดูโรแมนติก ละมุนละไม
ทว่าในความเป็นจริง ขณะที่ใครสักคนกำลังดื่มกาแฟ
ป่าเขตร้อนก็กำลังถูกทำลายลงอย่างช้า ๆ เช่นเดียวกับสัตว์ป่าที่อาศัยอยู่ในนั้น
ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยยูท่าห์
สหรัฐอเมริกา ศึกษาความหลากหลายและการบริการทางนิเวศในไร่กาแฟและโกโก้ของประเทศคอสตาริกา
เพื่อเปรียบเทียบระบบการทำไร่กาแฟ 2 แบบ คือ ระบบไร่เชิงเดี่ยว
คือ มีกาแฟอย่างเดียวและพื้นที่ระหว่างต้นเปิดโล่ง กับระบบวนเกษตร คือ
ปล่อยให้มีพืชอื่นขึ้นแทรกได้ตามธรรมชาติ พบว่า หากเกษตรกรใช้ระบบวนเกษตรในการทำกาแฟ
จะได้ประโยชน์จากร่มเงาของต้นไม้มากกว่าการทำไร่เชิงเดี่ยวแบบเปิดโล่ง
เพราะทำให้มีความหลากหลายของชนิดนกสูงกว่า ทำให้นกที่กินแมลงช่วยควบคุมศัตรูพืช
นกที่กินน้ำหวานก็ช่วยผสมเกสร และที่สำคัญ
นกที่กินเมล็ดกาแฟยังช่วยขยายพื้นที่เพาะปลูกให้โดยเกษตรกรไม่ต้องออกแรง
แถมพืชที่ขึ้นตามธรรมชาติใต้ร่มเงาของต้นกาแฟและโกโก้ก็มักมีประโยชน์ อาทิ กระวาน จึงมีการนำความจริงที่พบนี้ไปสร้างโอกาสทางธุรกิจ
โดยดึงเอาความโดดเด่นของการเกษตรที่เป็นมิตรกับธรรมชาติ เช่น Bird
Friendly-กาแฟเพื่อนนก หรือ Shade Coffee-กาแฟร่มไม้
นำไปสู่ Bird Friendly Coffee
ซึ่งก็คือ เครื่องหมายรับรองมาตรฐานสินค้า สร้างขึ้นโดยศูนย์นกอพยพสมิธโซเนียน-Smithsonian
Migratory Bird Center (SMBC)
ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรสวนสัตว์แห่งชาติ สหรัฐอเมริกา กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. เป็นเครื่องหมายมาตรฐานที่เข้มงวดที่สุด
ที่เกี่ยวข้องกับมาตรฐานการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม กาแฟที่ได้รับรองการผลิตมาตรฐานนี้แล้ว
ถึงจะมีสิทธิ์ติดเครื่องหมายนี้ได้
ข้อกำหนดที่สำคัญสำหรับกาแฟที่จะได้รับเครื่องหมาย
Bird
Friendly Coffee
1. ต้องได้การรับรองมาตรฐานการผลิตแบบออร์แกนิกแล้ว
คือ ต้องผ่านการตรวจสอบและได้รับการรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกที่กำหนดโดย U.S.
Department of Agriculture แล้วว่า ไม่ใช้ปุ๋ยเคมี
หรือสารเคมีในการทำลายวัชพืชและแมลงต่าง ๆ และสามารถติดเครื่องหมาย USDA
ORGANIC ได้
2. ต้องปลูกในที่ที่มีต้นไม้ใหญ่ปกคลุมไม่ต่ำกว่า
40 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ (Shade-grow Coffee
Plantations)
มีลักษณะเป็นการปลูกกาแฟในป่าที่ไม่ทำลายต้นไม้จนโล่งเพื่อปลูกกาแฟอย่างเดียว
เป็นข้อกำหนดเพื่อให้สวนกาแฟที่ได้เครื่องหมายนี้เป็นป่าอนุรักษ์
สามารถเป็นที่อยู่อาศัยและหากินของสัตว์ป่าต่าง ๆ โดยเฉพาะนก ซึ่งมีการสำรวจแล้วว่า
สวนกาแฟลักษณะนี้เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่าได้พอ ๆ กับป่าที่คนยังไม่ได้เข้าถึง นอกจากนี้
กล่าวกันว่า แม้กาแฟที่ปลูกใต้ร่มเงาไม้จะโตช้ากว่ากาแฟที่ปลูกกลางแดดถึง 3
เท่า ทำให้ผลผลิตน้อย แต่ด้วยความที่มันโตช้า
เขาก็ว่ามันอบบ่มรสชาติไว้ในเมล็ดกาแฟมากกว่า
เครื่องหมาย Bird Friendly Coffee และ USDA ORGANIC จึงเป็นสิ่งที่นักดื่มกาแฟที่รักธรรมชาติ
รักสุขภาพ ต้องมองหา เท่านั้นยังไม่พอ สำหรับคนที่รักธรรมชาติ รักสุขภาพ และรักความยุติธรรมด้วย
คงต้องมองหาเครื่องหมาย Fair Trade อีกอย่างหนึ่ง
Fair Trade เป็นเครื่องหมายมาตรฐานการผลิตกาแฟที่กระตุ้นประเทศที่นำเข้ากาแฟให้ซื้อกาแฟจากผู้ผลิตที่ได้มาตรฐานนี้ในราคาสูงกว่าราคาตลาดทั่วไป
เพื่อให้ผู้ผลิตนำเงินไปจ่ายค่าแรงที่สูงกว่าให้แก่คนงานในไร่กาแฟ
ซึ่งมักจะอยู่ในประเทศที่ยากจน เพื่อยกมาตรฐานความเป็นอยู่ สุขภาพ และความปลอดภัยในการทำงานของพวกเขา
และกระตุ้นการปลูกกาแฟแบบยั่งยืน ทั้งนี้
ชาวไร่กาแฟมักถูกเอาเปรียบจากพ่อค้าคนกลาง จึงน่าดีใจที่มีบริษัทกาแฟหลายรายหันมาให้ความสนใจกับเรื่องนี้
โดยเปลี่ยนมาซื้อตรง และให้ราคาที่เป็นธรรม ซึ่งกาแฟดอยช้าง
มีลักษณะของสหกรณ์กาแฟเช่นเดียวกัน Fair Trade จึงเป็นทางเลือกของผู้บริโภคที่จะมีส่วนช่วยชาวไร่กาแฟได้ทางหนึ่ง
สรุปว่า
มาตรฐานกาแฟที่ถือว่าสูงสุด คือ กาแฟที่ผลิตโดยผู้ผลิตที่ได้รับมาตรฐาน 3 อย่าง
คือ Bird Friendly Coffee, USDA ORGANIC และ Fair Trade ซึ่งคอกาแฟตัวยงที่รักธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
รักสุขภาพ ขณะเดียวกันก็รักความเป็นธรรมด้วย คงต้องมองหา
และนั่นอาจทำให้คอกาแฟกลายเป็นคน 3 มาตรฐานไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
หมายเหตุ
: วิชา พรหมยงค์ ผู้ร่วมก่อตั้งกาแฟดอยช้างที่ล่วงลับไปแล้ว ได้พยายามผลักดัน
ต่อสู้ จนสามารถได้เครื่องหมาย Fair Trade และ USDA
ORGANIC มาติดได้ แต่ยังไม่ได้เครื่องหมาย Bird Friendly
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 991 ประจำวันที่ 15 - 21 สิงหาคม 2557)