กุลธิดา
สืบหล้า...เรื่อง
เงาพระธาตุเป็นภาพสะท้อนจากภายนอกที่เรียกว่า
Camera
Obscura คือ ปรากฏการณ์หักเหของแสงในหลักการเดียวกันกับกล้องรูเข็ม แบบที่เราเคยทำการทดลองสมัยเรียนวิชาวิทยาศาสตร์
ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น กล้องรูเข็มนี้ใช้กระดาษสีดำปิดปลายด้านหนึ่งแล้วเจาะรูเล็ก
ๆ ไว้ ส่วนปลายอีกด้านปิดกระดาษไข จากนั้นเอากล้องไปส่องกับเทียนไข ก็จะปรากฏภาพเทียนไขหัวกลับให้เห็นบนกระดาษไข
เงาพระธาตุที่วัดพระธาตุลำปางหลวง ซึ่งโด่งดังเลื่องชื่อจนเป็น
Unseen
in Thailand ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) โดยมีอยู่ถึง 2
แห่ง แห่งแรก คือ ภายในมณฑปพระพุทธบาท (เข้าชมได้เฉพาะผู้ชาย) เวลาเข้าชมต้องปิดประตูให้สนิท
แสงจากภายนอกจะลอดผ่านรูเล็ก ๆ บนผนังเข้ามา โดยทางวัดได้นำผืนผ้าสีขาวมาวางรับภาพไว้
เราจึงเห็นเงาพระธาตุและเงาพระวิหารในลักษณะหัวกลับปรากฏอย่างคมชัดสวยงาม
รวมทั้งภาพผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาด้วย
อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงสามารถเข้าไปดูได้ในวิหารพระพุทธ ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กัน โดยเงาพระธาตุที่ลอดผ่านรูผนังมาปรากฏบนผืนผ้าภายในวิหารพระพุทธนั้น เป็นเงาพระธาตุหัวตั้งที่มีสีสันเหมือนพระธาตุองค์จริงทุกอย่าง เพียงแต่ไม่ชัดเจนเท่ากับในมณฑปพระพุทธบาทเท่านั้น
วัดพระธาตุจอมปิง อำเภอเกาะคา เป็นอีกวัดหนึ่งที่ชื่อเสียงในเรื่องเงาพระธาตุที่กล่าวกันว่ามีความสวยงามและชัดเจนกว่าทุกที่
โดยเงาพระธาตุจะปรากฏให้เห็นภายในอุโบสถ ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของพระธาตุเจดีย์สีเหลืองทอง
ทั้งนี้ หน้าต่างของอุโบสถจะมีรูเล็ก ๆ ที่แสงลอดเข้ามาทำให้เกิดเงาพระธาตุทาบลงบนพื้นตลอดเวลาที่มีแสง
ต่อมาทางวัดได้นำกรอบผ้าขาวมาเป็นฉากรับภาพให้เห็นได้ชัดขึ้น โดยมีขนาดและสีเหมือนพระธาตุองค์จริงอย่างน่าทึ่ง
สำหรับวัดที่ปรากฏเงาพระธาตุให้เห็นมากที่สุดถึง
5 เงา คือ วัดพระธาตุดอยน้อย อำเภอเกาะคา ที่นี่ปรากฏเงาพระธาตุในวิหารหลังเปียง
โดยปรากฏอยู่ทางฝั่งขวาของวิหารในกรอบเดียวกันถึง 5 เงา ลักษณะเป็นเงาของพระธาตุหัวตั้งซ้อนกันเป็นชั้น
ๆ 4 เงา และเงาที่ด้านข้างเล็ก ๆ ส่วนบนอีก 1 เงา ส่วนทางฝั่งซ้ายยังปรากฏเงาพระธาตุหัวตั้งอีก 1 เงา
และมีความชัดเจน ทั้งนี้ องค์พระธาตุที่ปรากฏเงาให้เห็นนั้น
ตั้งอยู่ทางด้านหลังของวิหาร องค์พระธาตุมีสีดำ ส่วนยอดมีสีทองอร่าม
มีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับองค์พระธาตุลำปางหลวง
เงาพระธาตุที่วัดพระธาตุดอยน้อยถูกค้นพบอย่างบังเอิญโดยเจ้าอาวาสเมื่อปี
พ.ศ. 2548 ขณะท่านนั่งสมาธิอยู่ในวิหารแล้วเห็นเงาของนกที่บินไปมาทางด้านนอก
จึงนำผ้าขาวมาขึงตรงที่มีรูบริเวณหน้าประตู ก็เห็นเงาพระธาตุ หลังจากนั้นท่านได้ไปดูเงาพระธาตุที่วัดพระธาตุจอมปิง
ซึ่งก็ปรากฏว่าเป็นเงาพระธาตุในลักษณะเดียวกัน
วัดอักโขชัยคีรี อำเภอแจ้ห่ม ปรากฏเงาพระธาตุให้เห็นในวิหารพระยืน
โดยจะเห็นได้อย่างชัดเจนทางทิศตะวันออกเสมอ แม้ดวงอาทิตย์จะเคลื่อนคล้อยไปทางใดก็ตาม
เงาพระธาตุก็จะปรากฏให้เห็นในตำแหน่งเดิมเสมอ ชาวบ้านจึงพากันเรียกว่า “เงาพระธาตุศักดิ์สิทธิ์”
เทคนิคในการชมเงาพระธาตุ ก็คือ
ช่วงใกล้เที่ยงนับเป็นเวลาที่ดีที่สุดในการดูเงาพระธาตุ
และภายในวิหารต้องมืดสนิทด้วย
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 1005 ประจำวันที่ 21 - 27 พฤศจิกายน 2557)