วันอาทิตย์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

หล่มภูเขียว มรกตกลางพงไพร



จากยอดเนิน ทางเดินเล็ก ๆ นั้นดิ่งลงไปสู่หมู่ไม้ในป่าดิบแล้ง จนกระทั่งเกือบจะสุดทาง ภาพเบื้องหน้าก็ค่อย ๆ เผยให้เห็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่สีเขียวมรกต โอบล้อมไปด้วยหน้าผาหินปูนสูงชัน ในน้ำสวยใสนั้นยังมีฝูงปลาตัวเล็กตัวใหญ่หลายชนิด

หล่มภูเขียวเปรียบดังโอเอซิสกลางผืนไพร ทำให้ใครก็ตามที่ได้พบเห็นถึงกับตื่นตะลึงในความงามที่เจือกลิ่นอายแห่งความลี้ลับ แอ่งน้ำเนื้อที่ราว 2 ไร่แห่งนี้อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท ตั้งอยู่ที่หมู่ 6 ตำบลบ้านอ้อน อำเภองาว ในอดีตเล่ากันว่า เคยเป็นที่ตั้งของสำนักวิปัสสนาหล่มภูเขียว ชาวบ้านให้ความเคารพนับถือในความเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ มีข้อห้ามที่รับรู้กันว่าจะไม่มีการจับสัตว์น้ำในหล่ม หรือตัดต้นไม้โดยรอบ ซึ่งก็เป็นผลดีที่ทำให้บริเวณนี้ร่มครึ้มไปด้วยต้นไม้นานาพรรณ




ในทางธรณีวิทยา หล่มภูเขียวเกิดจากการยุบตัวลงมาของหินปูน ซึ่งเคยเป็นเพดานถ้ำมาก่อน แล้วจมลงใต้น้ำ หรือที่เรียกว่า หลุมยุบ (sink hole) เกิดเป็นแอ่งขนาดใหญ่ที่มีหินปูนโอบรอบ โดยสายน้ำได้พัดพาตะกอนหินปูนลงมา ซึ่งตะกอนหินปูนนี้ไม่ได้ทำให้น้ำขุ่น เพราะมาจับตัวกันเป็นชั้น ส่วนสีเขียวเกิดจากการสะท้อนแสงของตะไคร่น้ำและแพลงก์ตอน

หลุมยุบ คือ หลุม หรือแอ่งที่พบในภูมิประเทศแบบคาร์สต์ (karst) ซึ่งหมายถึงภูมิประเทศที่เกิดจากการที่น้ำชะละลายชั้นหินออกไป เกิดได้ในหินหลายชนิด แต่ส่วนใหญ่เกิดในหินปูน มีลักษณะเป็นตะปุ่มตะป่ำ เต็มไปด้วยหลุมบ่อ ถ้ำ และทางน้ำใต้ดิน ทั้งนี้ หลุมยุบมีรูปร่างได้หลายแบบ เช่น ทรงกระบอก กรวย อ่าง หรือจาน มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางตั้งแต่ 2-3 เมตร จนถึงหลายร้อยเมตร เกิดจากหลายสาเหตุ แต่ที่พบมาก ได้แก่ การยุบตัวของเพดานถ้ำ

ไกลจากหล่มภูเขียว แหล่งท่องเที่ยวอันซีนของบ้านเรา ระยะทางพันกว่ากิโลเมตรที่อำเภอควนโดน จังหวัดสตูล มีแหล่งธรรมชาติทางธรณีวิทยาคล้าย ๆ กันชื่อ ทะเลบัน ในเขตอุทยานแห่งชาติทะเลบัน แวดล้อมไปด้วยป่าดงดิบชื้นผืนใหญ่ชายแดนไทย-มาเลเซียที่อุดมสมบูรณ์มาก

ชื่อทะเลบันมีที่มาจากภาษามลายูถิ่นว่า ลาโอตเรอบัน ลาโอต หมายถึง ทะเล ส่วนเรอบัน หมายถึง ยุบตัว เล่าขานกันมาว่า เมื่อหลายร้อยปีก่อนบริเวณนี้เคยเป็นที่ราบแสนอุดมสมบูรณ์ ต่อมาแผ่นดินค่อย ๆ ยุบตัวลงไป โดยบ้างก็ว่าเป็นผลมาจากแผ่นดินไหวนานนับเดือน จนเกิดเป็นแอ่งและมีน้ำขังในเวลาต่อมา ชาวบ้านซึ่งไม่เคยเห็นทะเลก็เข้าใจว่าบึงน้ำจืดขนาดใหญ่นี้เป็นทะเล เลยเรียกกันว่าทะเลยุบ หรือลาโอตเรอบัน กระทั่งเปลี่ยนมาเป็นทะเลบันในที่สุด

ขณะที่นักธรณีวิทยาสันนิษฐานว่า พื้นที่ข้างล่างอาจเป็นโพรงถ้ำขนาดใหญ่ เพราะทะเลบันถูกขนาบข้างด้วยเทือกเขาทั้งสองด้าน ต่อมาเมื่อโพรงถ้ำพังทลายลง พื้นที่บริเวณนี้จึงยุบตัวกลายเป็นบึงน้ำกว้างใหญ่กว่า 125 ไร่

เรียกว่าความกว้างใหญ่นั้นเทียบกันไม่ได้เลยกับหล่มภูเขียว ส่วนความลึกของหล่มภูเขียวก็ยังไม่มีการสำรวจยืนยันอย่างชัดเจน แต่หากใครเป็นนักดำน้ำ เห็นแอ่งน้ำสีเขียวใสลึกลับอยู่กลางป่าก็คงอดสงสัยไม่ได้ว่า เบื้องล่างนั้นจะมีสภาพเป็นอย่างไรหนอ

มีหลุมยุบที่เกิดขึ้นในทะเล รู้จักกันในชื่อหลุมน้ำเงินดีน หนึ่งในหลุมน้ำเงินที่ลึกที่สุดในโลกของประเทศบาฮามาส เคยถูกใช้เป็นสถานที่แข่งขัน Freediving World Cup ด้วยความลึกราว 202 เมตร ปากหลุมมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง  25-35 เมตร ทุกวันนี้หลุมน้ำเงินดีนยังเป็นแหล่งดำน้ำที่ท้าทายและได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก

เมื่อ 3 ปีก่อน อภินันท์ บัวหภักดี นักเขียนและช่างภาพอนุสาร อ.ส.ท. ซึ่งนับเป็นนักดำน้ำที่มากประสบการณ์คนหนึ่งของเมืองไทย เคยมาเยือนหล่มภูเขียวแล้วเปรย ๆ ไว้ว่า สักวันหนึ่งจะลองมาดำน้ำถ่ายภาพใต้น้ำของหล่มภูเขียวดูบ้าง ถึงวันนั้นเราคงมีข้อมูลของหล่มภูเขียวมากขึ้น แต่หากใครเคยดูภาพยนตร์เรื่อง Sanctum ของเจมส์ คาเมรอน ที่เล่าถึงการสำรวจถ้ำใต้ทะเลของทีมนักดำน้ำสำรวจถ้ำ ก็คงพอใจที่จะนั่งซึมซับความงามของหล่มภูเขียวอยู่แค่บนบกมากกว่า

อย่างไรก็ตาม นักธรณีวิทยาจัดว่าหลุมยุบคือธรณีพิบัติภัยประเภทหนึ่งที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยพบว่า พื้นที่ที่เกิดหลุมยุบส่วนใหญ่อยู่บนที่ราบใกล้ภูเขาหินปูน นั่นหมายความว่า หลุมยุบใช่เพียงแหล่งธรรมชาติที่สวยงาม หากเกิดขึ้นในพื้นที่ชุมชนเมื่อไร มันจะกลายเป็นโศกนาฏกรรมทันที
Share:

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์