ตามรวบลูกเลี้ยงเนรคุณ
ฆ่าพ่อแม่บุญธรรมชิงทรัพย์ หนีไปหางานทำที่กรุงเทพฯ
สารภาพลงมือโหดเพราะแค้นที่ถูกทั้งสองคนดุด่า
เหยียดหยาม
เมื่อวันที่ 1 พ.ย.
57 ที่สำนักงานตำรวจภาค
5 พล.ต.ท.ประวุฒิ
ถาวรศิริ ผู้ช่วยผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ธนิตศักดิ์
ธีระสวัสดิ์ รรท.ผบช.ภ.5 ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมตัว
นายชัยวัฒน์ หรืออู๊ด จันทะมาตย์ อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 303/8 หมู่ 5 ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดลำปาง
ที่ 146/2557 ลงวันที่ 21 ต.ค.2557 ในข้อหา “ฆ่าผู้อื่นตายโดยเจนตา
ไตร่ตรองไว้ก่อน” หลังจากก่อเหตุฆ่าโหดสองสามีภรรยา คือ นายบุญส่วน
สบายจิต อายุ 60 ปี และนางสำเนียง สบายจิต อายุ 60 ปี ภายในสวนลำไยไม่มีเลขที่
เขตบ้านแพะ หมู่ 5 ต.วังเหนือ อ.วังเหนือ จ.ลำปาง เมื่อวันที่ 20 ต.ค.57 ที่ผ่านมา
โดยเจ้าหน้าที่ได้นำของกลางเป็น
โทรศัพท์มือถือยี่ห้อซัมซุง จำนวน 1 เครื่อง แหวนทอง จำนวน 1 วง กระเป๋าใส่เงิน จำนวน 1 ใบ สร้อยคอทองคำพร้อมพระ
จำนวน 1 เส้น ต่างหูทองคำ 1 เส้น
แหวนหยก จำนวน 1 วง สร้อยคอถักด้วยผ้าพร้อมพระ จำนวน 2 องค์ ตระกรุด จำนวน 1 คู่ พระเครื่อง จำนวน 6 องค์ สร้อยคอทองแดง จำนวน 1 เส้น สมุดธนาคาร จำนวน 5 เล่ม สร้อยคอทองคำพร้อมลูกปัดสีชมพู จำนวน 1 เส้น
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสืบสวนทราบว่า
นายชัยวัฒน์ หรืออู๊ด ได้หลบหนีมากบดานทำงานเป็นช่างไดนาโม อยู่เขตหนองแขม
กรุงเทพฯ จึงได้ประสานกับเจ้าหน้าที่ กก.สส.บก.น.9
แบ่งกำลังกันเฝ้าจุดต่างๆ จนกระทั่งพบ นายชัยวัฒน์
ที่บริเวณหน้าตลาดศูนย์การค้าหนองแขม ซอยเพชรเกษม 81/1
ถนนเพรชเกษม แขวงหนองค้างพลู เขตหนองแขม กรุงเทพฯ จึงได้แสดงหมายศาลเข้าจับกุมตัวได้
และนายชัยวัฒน์ ให้การว่า เป็นคนคนเดียวกันกับผู้ถูกออกหมายจับ จึงได้ทำการควบคุมตัวมาตรวจค้นหาหลักฐานพยาน
และหลักฐานทางนิติเวช และตรวจหาหลักฐานของกลาง ก่อนควบคุมตัวมาดำเนินคดี
นายชัยวัฒน์ ให้การรับสารภาพว่า
มีปากเสียงทะเลาะวิวาทกับนายบุญส่วน และนางสำเนียง บ่อยครั้ง
ทำให้เกิดความแค้นในใจ และเกิดอารมณ์โกรธอย่างมาก ได้อาศัยช่วงที่นางสำเนียงออกไปตลาดในตอนเช้า
และนายบุญส่วนอยู่บ้านคนเดียว จึงได้ใช้ด้ามเสียมฟาดศีรษะนายบุญส่วนเสียชีวิต
เมื่อนางสำเนียง กลับมาจากตลาดมาถึงกลางสวน จึงได้ใช้ด้ามเสียมฟาดหัวนางสำเนียง
จนกึงแก่ความตายเช่นกัน จากนั้นได้รื้อค้นเอาทรัพย์สินจำนวนมากหลบหนีไปอยู่ที่กรุงเทพฯ
โดยนำทองหนักกว่า 2 บาท ไปขายเป็นทุนในการเช่าห้องพัก
และทำงาน จนมาถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมตัวดำดังกล่าว
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ฉบับที่ 1003 ประจำวันที่ 7 - 13พฤศจิกายน 2557)