ผู้สื่อข่าวรายงานจากการสำรวจตลาดผลไม้ในช่วงเทศกาลตรุษจีน
2558 ว่า
ผู้ประกอบการค้าและค้าปลีกผลไม้ทุกรายบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่า เทศกาลตรุษจีนปีนี้เงียบเหงากว่าปีที่ผ่านมามาก
ประกอบกับราคาผลไม้ถีบตัวสูงขึ้นหลายสิบบาท โดยเฉพาะราคาส้มน้ำผึ้งมีราคาสูงมากเป็นประวัติการ
เนื่องจาก 2-3 ปี ที่ผ่านมาผลผลิตส้มไทยลดลง และชาวสวนส้มที่อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่
บางส่วนลดการผลิต และถูกส้มจากประเทศจีนซึ่งมีราคาถูกมาตีตลาดจนชาวสวนส้มหันไปส่งออกมากกว่าขายในประเทศ
ทำให้ส้มไทยขาดตลาด ส่งผลให้ปีนี้มีการปรับราคาหน้าสวนขึ้นถึงวันละ
10 บาท และราคาเฉลี่ยปรับขึ้นจากปีที่แล้วประมาณ 30-40 บาท/กก.
ส่งผลให้พ่อค้าคนกลางและยี่ปั๊วต่างงดการตุนสินค้า และรับออเดอร์ตามสั่ง
และลงของส่งขายรายวันแทน
ผู้ประกอบการร้านขายส่งส้มรายหนึ่งเผยว่า ปีนี้ส้มมีราคาสูงจนรู้สึกว่าหนักต่อภาระทุนมาก
ส้มสายน้ำผึ้งปรับราคาขายส่งมากกว่า 30 % ราคาขายปลีกจากเดิม ราคา กก.ละ 45-60 บาท เป็น 70-90 บาท
และคาดว่าส้มสายน้ำผึ้งคัดเกรดเอจะขึ้นถึงราคากิโลกรัมละ 120 บาท ในช่วงวันจ่ายเทศกาลตรุษจีน
อย่างไรก็ตามผู้ค้าส่งยังไม่กล้าสั่งตุนสินค้ารองรับเทศกาลตรุษจีนมากนัก เนื่องจากขณะนี้ยังไม่มีการสั่งซื้อล่วงหน้าเช่นเดียวกับทุกปี
“ขณะนี้พฤติกรรมการบริโภคเปลี่ยนไป คนหันไปเดินห้างใหญ่แมคโครกันหมด
เพราะมีชนิดส้มและผลไม้อื่นๆให้เลือกซื้อไม่ต่างจากแผงขายในตลาด
หรือร้านขายส่งที่ขายส้มไหว้ตรุษจีน และส้มบรรจุกล่อง
เดี๋ยวนี้ในห้างมีบรรจุภัณฑ์ที่สวยงาม ราคาก็ถูกกว่า เพราะเขามีอำนาจการต่อรองในการสั่งซื้อและมีศักยภาพในการสต๊อคสินค้า
แต่อาศัยว่าเราขายลูกค้าขาประจำที่สามารถเลือกซื้อหรือ คัดขนาด คุณภาพ ราคา
ตามต้องการได้”
พ่อค้าคนกลางขายส่งร้านผลไม้ย่านตลาดหลักเมืองรายหนึ่ง ระบุว่า
ปีนี้เชื่อว่ามียอดขายส้มและผลไม้ไหว้เทศกาลตรุษจีนลดลงจากปีที่แล้วกว่า 50 % ช่วงก่อนเทศกาล ยังมีการจับจ่ายน้อยมากเนื่องจากราคาส้ม
และผลไม้เกรดเอทุกรายการ ขึ้นราคา 30-50 % โดยเฉพาะส้มไทยและส้มสายน้ำผึ้ง
ราคาส่งลังละเกือบ 2,000 บาท ราคาขายปลีก ขยับขึ้นตามจนผู้บริโภคทั่วไปรับไม่ไหว
และผู้บริโภคที่มีกำลังซื้อก็ซื้อน้อยลง ส่งผลให้ ผู้ขายปลีกตามตลาดสดและ
ร้านขายผลไม้เขตนอกเมือง ซื้อไปขายน้อยลง บางรายเคยซื้อ เช่นชนิดละ 5-10 ลัง
ลดลงเหลือ 2-3 ลัง เป็นต้น
พ่อค้าขายปลีก ย่านตลาดหลักเมือง ระบุว่า
เทศกาลตรุษจีนและฤดูขายส้มเมื่อปีที่แล้วเคยสั่งซื้อวันละ 50-60 ลัง
แต่ทุกวันนี้สั่งซื้อมาขายปลีกไม่เกินวันละ 10 ลังเท่านั้น เนื่องจากต้นทุนต่อลังสูงขึ้น
หลายร้อยบาท แต่ยอดขายปลีกก็อืดมาก ผู้บริโภคส่วนใหญ่ซื้อแต่ส้มบางชนิดที่มีราคาถูก
ประมาณ 50-60 บาท แต่ส้มราคาแพง 70-90 บาทขายยากกว่าปกติมาก
“ช่วงสองสามปี ส้มจีนเป็นที่นิยมมากแต่เดี๋ยวนี้ส้มจีนไม่มีคนซื้อ
และผมก็ไม่เอามาขายเพราะเอามาแล้วเหลือเยอะมาก คนนิยมส้มไทยมากกว่าเพราะมีรสชาติดี
อย่างส้มน่านราคาถูกแต่ก็ดีกว่าส้มจีน ส้มสายน้ำผึ้งยังมีราคาสูงและเป็นที่นิยม
แต่คนซื้อละลดปริมาณลงจากที่เคยซื้อคนละ 2-3 กก. ก็ ซื้อเพียงคนละ 1 กก.เท่านั้น
เมื่อภาวะตลาดเป็นแบบนี้เราก็ขายตามความต้องการตลาด และใช้วิธีคัดส้มเกรดเอ
ใส่ถุงปรับราคาเพิ่มกำไรได้อย่างน้อย กก.ละ 5-10 บาท” พ่อค้าขายปลีกผลไม้กล่าว
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1016 ประจำวันที่ 13 - 19 กุมภาพันธ์ 2558)
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1016 ประจำวันที่ 13 - 19 กุมภาพันธ์ 2558)