ติดตามอาการเด็กนักเรียนประสบเหตุ “โนเน” หวิดตัดขา หมอเก่งต่อเส้นเลือดได้ “มุก”ต้องผ่าตัดขาดามเหล็ก แต่ทั้งคู่ยังคงต้องทำกายภาพบำบัดอีกเป็นปี ขณะที่ “ปาย” อาการหนักผ่าสมองยังไม่ฟื้น
กรณีอุบัติเหตุรถทัวร์ชนรถตู้นักเรียน ส่งผลให้มีเด็กนักเรียนโรงเรียนเทศบาล 4 ได้รับบาดเจ็บจำนวน 5 คน และยังคงมีเด็กที่อาการหนัก ต้องพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลลำปาง 3 คนด้วยกัน คือ ด..ชฎาธาร ศิลัยพานิช หรือน้องปาย อายุ 9 ปี ได้รับกระทบกระเทือนศีรษะ มีเลือดคลั่งในสมอง ได้ทำการผ่าตัดสมองและยังพักรักษาตัวอยู่ในหอผู้ป่วยหนัก ยังไม่รู้สึกตัว ด.ญ.จารุวรรณ ทรายคำ น้องโนเน อายุ 8 ปี ที่เกือบต้องถูกตัดขาเพราะได้รับบาดแผลฉกรรจ์บริเวณน่องข้างขวา แต่ทางแพทย์ผ่าตัดต่อเส้นเลือดเส้นเอ็นได้สำเร็จ และ ด.ญ.พีรา พงษ์ทองหล่อ หรือน้องมุก อายุ 11 ปี ต้นขาซ้ายหักมีกระดูกยื่นออกมาได้ ได้รับการผ่าตัดดามเหล็กที่ขา
นางยุพิน ทรายคำ แม่ของ ด.ญ.จารุวรรณ ทรายคำ หรือน้องโนเน อายุ 8 ปี กล่าวว่า ตอนแรกที่ทราบข่าวรู้จากเพื่อนที่ลูกชายทำงานอยู่กู้ภัย ว่ารถตู้ที่ลูกนั่งไปโรงเรียนประสบอุบัติเหตุ แต่ทางญาติไม่ให้ไปที่โรงพยาบาลเพราะกลัวว่าจะทำใจไม่ได้ ก่อนหน้านี้เห็นมีการลงรูปทางอินเตอร์เน็ตก็ไม่คิดว่าจะเป็นลูกของตัวเอง เพื่อนของตนและลูกชายจึงไปตามหาน้องแทน ในวันเกิดเหตุเพื่อนที่ไปโรงพยาบาลเล่าให้ฟังว่า ไม่เจอชื่อน้องในรายชื่อผู้บาดเจ็บก็ตกใจมากได้พยายามตามหา พอทราบอีกทีคือน้องอยู่ในห้องผ่าตัดแล้ว พอมีข่าวว่าจะต้องตัดขาก็ยิ่งช็อค เห็นสภาพลูกตอนแรกแล้วแทบจะเป็นลม มีบาดแผลน่ากลัวมาก ตรงน่องข้างขวาหนังเปิดเห็นกระดูก เส้นเลือดขาดแผลใหญ่ รู้สึกสงสารลูกมาก และยังมีแผลที่ต้นขาและเข่าอีก แต่หมอก็ได้ให้การช่วยเหลือผ่าตัดจนสำเร็จ ดีใจมาก
ตอนได้พูดคุยกับน้องโนเน บอกว่า น้องนั่งรถตู้แถวที่สาม ซึ่งแถวแรกจะเป็นนางเพ็ญศรี กระจ่างจันทร์ ที่เสียชีวิต นั่งมากับสามีซึ่งตอนนี้ทราบว่าอาการหนักเช่นกัน ส่วนแถวที่สองจะเป็นน้องมุก ส่วนน้องปายนั่งอยู่แถวที่สี่ติดกับหลังรถ ทุกครั้งน้องโนเนจะนั่งแถวแรก แต่วันเกิดเหตุมีลุงและป้านั่งไปด้วย น้องจึงย้ายมานั่งแถวที่สามแทน
เมื่อพูดคุยกับน้องโนเน ด.ญ.จารุวรณ ทรายคำ น้องบอกเพียงว่าเจ็บขา แต่ไม่ได้พูดคุยอะไรมากกว่านี้ ซึ่งสภาพจิตใจโดยรวมแล้วน้องโนเนมีอาการดีขึ้นมาก ร่าเริง เวลามีเพื่อนมาเยี่ยมก็จะหัวเราะเฮฮาตามประสาเด็กทั่วไป แต่เมื่อจะต้องล้างแผลน้องก็จะร้องไห้งอแงบ้างเพราะเจ็บแผล
นพ.เจริ ชีวินเมธาศิริ แพทย์ศัลยกรรมหัวใจและหลอดเลือด กล่าวว่า น้องมีกระดูกหักบริเวณต้นขา น่อง เส้นเลือดมีการช้ำได้ผ่าตัดทำบายพาทเส้นเลือดให้ ซึ่งหลังผ่าตัดเส้นเลือดสามารถไปหล่อเลี้ยงจนถึงเท้าได้ดี แต่ยังคงต้องเฝ้าระวังเรื่องแผลติดเชื้อต่อไป กระดูกหักต้องนอนพักรักษาตัวนานและทำกายภาพบำบัดอีกระยะหนึ่ง เนื่องจากกล้ามเนื้อบริเวณน่องบวมมาก จำเป็นต้องกรีดหนังให้อ้าออกเพื่อให้กล้ามเนื้อหายบวม หากแผลหายดีต้องใช้หนังมาแปะไว้ ซึ่งเป็นการรักษาในอนาคตต่อไป ที่แน่นอนในตอนนี้คือน้องไม่ต้องตัดขา ไม่เสียขาอย่างแน่นอนเพียง แต่ต้องทำกายภาพบำบัดนานจึงจะเดินได้ตามปกติ
ส่วนน้องปาย หรือ ด..ชฎาธาร ศิลัยพานิช มีอาการหนักที่สุดเนื่องจากได้รับการกระทบกระเทือนทางศีรษะทำให้มีเลือดคลั่งในสมอง แพทย์ได้ทำการผ่าตัดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่ง นพ.สุรศักดิ์ มีพันธ์ แพทย์ด้านศัลยกรรมสมอง กล่าวว่า หลังการผ่าตัดแล้วอาการของน้องดีขึ้นมาก เริ่มขยับตัวมากขึ้น แต่ยังไม่รู้สึกตัว ยังอยู่ในขั้นวิกฤตที่ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด
นางชลธิชา ศิลัยพานิช แม่น้องปาย กล่าวว่า น้องอาการดีขึ้น ลืมตา และขยับแขนขาได้ แต่ยังไม่รู้เรื่อง แม่ได้แต่หวังว่าน้องจะกลับมาตอนแรกที่ทราบข่าวช็อคมากทำอะไรไม่ถูก ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้กับลูก ทุกวันนี้ได้แต่เฝ้ารอยังไม่รู้ว่าน้องจะฟื้นขึ้นมาเมื่อไร
ด..พีชา พงษ์ทองหล่อ หรือน้องมุก ได้รับบาดเจ็บขาข้างซ้ายหักต้องผ่าตัดเพื่อดามเหล็ก เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุนั่งรถตู้มาโรงเรียนกับเพื่อนๆ น้องมุกนั่งแถวที่สองเบาะเดี่ยว ส่วนน้องปายนั่งอยู่หลังสุด ระหว่างทางได้งีบหลับไป พอรู้สึกตัวอีกทีตัวเองก็นอนอยู่บนฟุตบาทและเจ็บที่ขามาก ตอนนั้นมีสติดี จึงได้บอกเบอร์โทรศัพท์คุณแม่ให้พยาบาลโทรบอกคุณแม่ว่าประสบอุบัติเหตุ
น้องมุกยังอยากให้ทุกคนหมั่นไหว้พระ ทำบุกันให้มากๆ เพราะไม่รู้ว่าจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับตนเองเมื่อไร ซึ่งน้องมุกได้ทำบุไหว้พระ ใส่บาตรในตอนเช้าทุกวัน
นายศราวุธ พงษ์ทองหล่อ พ่อน้องมุก กล่าวว่า ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ลูกได้รับบาดเจ็บ หัวอกของพ่อแม่ก็ไม่อยากให้ลูกเป็นแบบนี้ น้องมุกได้รับบาดเจ็บบริเวณต้นขาขวาซ้าย บนหัวเข่าประมาณ 1 คืบ ได้ผ่าตัดดามเหล็กไปเมื่อวันที่ 3 มิ.ย.ที่ผ่านมา เนื่องจากต้องขอยืมอุปกรณ์จาก จ.เชียงใหม่ ซึ่งการผ่าตัดก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
นายศราวุธ กล่าวถึงการให้ความช่วยเหลือว่า ทางบริษัท จักรพงษ์ทัวร์ ได้ติดต่อมา 3 ครั้ง ว่ามีประกันภัยของบริษัทวิริยะอยู่ โดยทางศูนย์สร้างทางแม่ทะฯหน่วยงานที่ตนทำงานอยู่ ได้ตั้งคนประสานงานกับบริษัทประกันให้ เบื้องต้นทราบว่าจะได้รับเงินคนละ 350,000 บาท ส่วนเรื่องคดีให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่จะดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย คงไม่เรียกร้องไรเพิ่มเติม เพราะเป็นอุบัติเหตุ เพียงแค่ลูกของตนปลอดภัยก็เพียงพอแล้ว
ทั้งนี้ วันที่ 4 มิ.ย.58 นายกิตติภูมิ นามวงค์ นายกเทศมนตรีนครลำปาง ได้เข้าเยี่ยมอาการของเด็กทั้ง 3 คน พร้อมกับให้กำลังใจผู้ปกครองของเด็กด้วย
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1031 วันที่ 5 - 11 มิถุนายน 2558)