วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2558

เช่ามดลูก ปลูกชีวิต


ธุรกิจอุ้มบุญ น่าจะทำรายได้ดี ถ้าไม่มีกฎหมายคุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ หรือกฎหมายอุ้มบุญมากำหนดกฎเกณฑ์ว่า ผู้ว่าจ้างอุ้มบุญจะต้องเป็นคู่สามีภรรยา สัญชาติไทย หรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมีสัญชาติไทยเท่านั้น

แปลว่า คู่สามีภรรยาต่างชาติ รวมทั้งคู่เกย์ ก็ไม่สามารถจ้างผู้หญิงไทยให้อุ้มบุญได้
           
จำได้ว่า ช่วงเดือนสิงหาคมของปีที่แล้ว  ก็มีข่าวดังอย่างกรณีน้องแกมมี่ ซึ่งแน่นอนว่าก็ไม่ใช่กรณีแรก เพียงแค่ เป็นกรณีแรกที่ถูกเปิดเผย” แต่กรณีอย่างนี้มีมากมายที่ต่างประเทศในลักษณะเดียวกันกับน้องแกมมี่ คือได้สเปิร์มจากคุณพ่อและได้ผสมกับไข่ที่อ้างว่าได้จากการบริจาคมาซึ่งไม่ใช่จากหญิงที่เป็นคู่สมรส และ เช่ามดลูก” ผู้หญิงที่ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่มีปัญหาเรื่องเงินกันแทบทั้งสิ้น
           
โดยเฉพาะในประเทศที่กำลังพัฒนาอย่าง ประเทศไทย อินเดีย ฯลฯ ที่ต้องการ เงิน” ในการจุนเจือครอบครัว แต่หลายคนก็เต็มใจเพราะถือว่าได้บุญไปในตัวที่สามารถช่วยให้คนที่อยากมีลูกได้สมปรารถนา ส่วนคุณแม่อุ้มบุญก็มีรายได้ไปใช้จ่ายในหลักแสนจากค่าเวลาในการดูแลและบำรุงเด็กในครรภ์
           
ส่วนกฎหมายอุ้มบุญของไทยเรา ก็ประกาศใช้แล้วนั่นคือ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)คุ้มครองเด็กที่เกิดโดยอาศัยเทคโนโลยีช่วยการเจริญพันธุ์ทางการแพทย์ พ.ศ.2558 ซึ่ง พ.ร.บ.ได้กำหนดเงื่อนไขอย่างน้อยต้องเป็นสามีและภรรยาที่ชอบด้วยกฎหมายโดยให้หญิงอื่นตั้งครรภ์แทน ต้องมีสัญชาติไทย ในกรณีที่สามีหรือภรรยามิได้มีสัญชาติไทย ต้องจดทะเบียนสมรสมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 ปี ซึ่งนั่นหมายความว่าหนึ่งในสองสามีภรรยาที่ประสงค์จะให้มีการอุ้มบุญต้องมีสัญชาติไทยแต่ที่ผ่านมาเป็นการรับจ้างเช่ามดลูกจากคนต่างชาติเป็นส่วนใหญ่
           
ทั้งนี้ หญิงที่รับตั้งครรภ์แทนต้องเป็นหญิงที่เคยมีบุตรมาก่อนแล้วเท่านั้น ถ้าหญิงนั้นมีสามีที่ชอบด้วยกฎหมายหรือชายที่อยู่กินฉันสามีภรรยา จะต้องได้รับความยินยอมจากสามีที่ชอบด้วยกฎหมายหรือชายดังกล่าวด้วย
           
กระแสการรับจ้างอุ้มบุญเพียงแค่ค้นหาใน กูเกิล ก็โผล่รายละเอียดมาให้พรึบ มีชาวต่างชาติมากมายเดินทางมาใช้โรงพยาบาลเมืองไทยผลิตทารกตามออเดอร์ ผ่านไป 9 เดือนก็เดินทางกลับประเทศพร้อมทารกไปดูแลในฐานะลูก
           
หลังจากกรณี น้องแกมมี่โด่งดังก็ดูเหมือนจะมีการขยายผลคนตำรวจบุกแหล่งอุ้มบุญที่คอนโดแห่งหนึ่งกลางกรุงเทพมหานคร พบเด็กอุ้มบุญ 9 คน ที่เกิดจากน้ำเชื้อของพ่อชาวญี่ปุ่นคนเดียวกัน แต่ไข่นั้นมาจากไหนไม่มีใครทราบ โดยทนายกรณีเด็กอุ้มบุญทั้ง 9 คน ได้ยืนยันว่าทำถูกต้องตามกฎหมายทุกอย่าง และเด็กได้รับการดูแลอย่างดี โดย เจ้าของน้ำเชื้อผู้เป็นพ่อของเด็กเป็นนักธุรกิจที่ร่ำรวยมหาศาล และต้องการมีลูกไว้คอยดูแลกิจการที่สร้างมา แต่ท้ายที่สุดคดีนี้ก็เงียบหายไป
           
จนมาถึงกรณี คาร์เมน เด็กหญิงอุ้มบุญที่เกิดจากชายรักร่วมเพศที่ประสงค์จะมีลูกอีกคนโดยวิธีการอุ้มบุญเช่นเดียวกับลูกคนแรกของเขาทั้งสอง ซึ่งคุณแม่อุ้มบุญผิดสัญญาที่ทำกันไว้ตั้งแต่แรกโดยคุณแม่อุ้มบุญกรณีนี้ได้ปิดบังสามีตัวเองในการอุ้มบุญเพราะสามีไม่ยินยอม และตลอดเวลาที่ตั้งครรภ์ก็ได้รับเงินค่าจ้างตามสัญญา แต่สุดท้ายมาทราบทีหลังว่าคู่สัญญาเป็นชายรักร่วมเพศและกลัวว่าจะเป็นขบวนการค้ามนุษย์จึงกลับลำไม่ยกคาร์เมนให้ เกรงว่าจะทำให้คาร์เมนมีปัญหาภายภาคหน้าได้จึงไม่ยอมเซ็นเอกสารมอบสิทธิการเลี้ยงดู
           
ถึงวันนี้คาร์เมน ก็ยังอยู่ในประเทศไทย คุณพ่อเจ้าของเชื้อก็พยายามทุกทางเพื่อให้ได้ลูกสาวกลับไป เรื่องราวนี้จะลงเอยอย่างไร เหตุผลที่แท้จริงของปัญหานี้คืออะไร ไม่มีใครตอบได้นอกจากคุณแม่อุ้มบุญ และคุณพ่อน้องคาร์เมน 
           
หนึ่งชีวิตที่บริสุทธิ์กลับถูกสั่งให้เกิด สั่งให้ตาย ซื้อขายกันราวกับสินค้า หรือนี่จะเป็นการค้ามนุษย์แบบเบาะ โดยที่ เด็ก ไม่มีโอกาสได้เลือกชีวิต แต่ถูกกำหนดให้เกิดตามคำสั่ง
           
การเป็นคุณแม่อุ้มบุญทำให้คู่สมรสที่อยากมีบุตรได้สมหวังนั่นก็คือเป็นบุญอย่างแท้จริงโดยส่วนใหญ่ไม่ได้หวังอามิสสินจ้าง แต่ที่เป็นข่าวทุกวันนี้ อย่างได้เรียกว่าคุณแม่อุ้มบุญเลยจะดีกว่า เพราะนั่นเป็นเพียง มดลูกให้เช่าเพียงเท่านั้น
           
หากอุ้มบุญกลายเป็นการเช่ามดลูกเชิงพาณิชย์ที่สามารถทำได้อย่างอิสระ ในอนาคตคงได้เห็นการ ซื้อ-ขาย อวัยวะ มาใช้เป็นอะไหล่สำรองแบบในหนังฮอลลีวู๊ดก็เป็นได้

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์  ฉบับที่ 1042 วันที่ 21 - 27  สิงหาคม 2558)

Share:

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์