ตามที่คณะกรรมการสลากกินแบ่งรัฐบาล หรือบอร์ดกองสลากมีมติไม่ต่อสัญญาให้กับนิติบุคคลทั้งหมดที่ไม่เกี่ยวข้องกับองค์กรการกุศลและผู้พิการทั้งหมด 2,495 ราย รวมถึงในส่วนของมูลนิธิสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล และสมาคมผู้เกษียณอายุของสำนักงานสลากกินแบ่งเพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล คือการนำรายได้จากการขายสลากมาช่วยเหลือองค์กรและมูลนิธิผู้พิการ และเพื่อกระจายสลากให้ถึงมือผู้ค้ารายย่อย
โดยมติยกเลิกการต่อสัญญาโควตาสลากดังกล่าวจะหมดลงในงวดวันที่ 1 ธ.ค.นี้ การยกเลิกดังกล่าว มีผลให้สัดส่วนการพิมพ์สลากเปลี่ยนแปลงไป จากปัจจุบันที่พิมพ์สลากงวดละ 50 ล้านฉบับคู่ แบ่งเป็นระบบ โควตา 37 ล้านคู่ และผ่านโครงการสั่งซื้อ – จองสลากล่วงหน้า 13 ล้านฉบับคู่ โดยงวดวันที่ 16 ธันวาคม 2558 จะมีสลากให้สั่งซื้อเพิ่มขึ้นอีกเกือบ 8 ล้านฉบับคู่ และในงวดวันที่ 30 ธันวาคม 2558 จะมีสลากให้สั่งจองถึง 22 ล้านฉบับคู่ ทำให้ประชาชนสามารถสั่งซื้อ จองสลากได้เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้จะมีปริมาณสลากกลับคืนมาจำหน่ายผ่านระบบจองซื้อสลากผ่านระบบออนไลน์ในงวดวันที่ 1 ม.ค.2559 จำนวน 79,106 เล่มคู่ โดยมีสัดส่วนการจำหน่ายผ่านตัวแทน 28 ล้านฉบับ ผ่านระบบจองซื้อออนไลน์ 20 ล้านฉบับ และอีก 2 ล้านฉบับที่อยู่ในสัญญาของผู้ค้ารายย่อย ซึ่งเป็นงวดสุดท้ายของสัญญาฉบับเดิม ส่วนงวดวันที่ 1 ก.พ. 2559 จะมีสลากในระบบตัวแทนจำหน่าย 28 ล้านฉบับ ผ่านระบบจองซื้อออนไลน์ 22 ล้านฉบับ รวม 50 ล้านฉบับ
ขณะที่ผู้ประกอบการขายสลากกินแบ่งรัฐบาลรายใหญ่ในจังหวัดลำปาง ระบุว่าหลังจากรัฐบาลกำหนดปรับราคา สลากกินแบ่งรัฐบาลเป็น 80 บาท มาจนถึงการเปิดจองหวยเสรีซื้อตรงจากรัฐบาลผ่าน ธนาคารและระบบออนไลน์ของกองสลากฯ ส่งผลกระทบกับยี่ปั๊ว และซาปั้วได้ผลกำไรน้อยลง โดยผู้ขายส่งลำดับแรก ที่ซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลจากองค์กรผู้รับโควต้า หลัก 100 เล่มขึ้น ลำดับที่สองซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ซื้อต่ำกว่า 100 เล่มแล้วขายต่อให้กับคนขายตามแผง เหลือส่วนต่างผลกำไรน้อยลง และการปลดล็อคระบบโควต้าครั้งนี้ ถือว่าเป็นการตัดวงจรขายส่งอย่างชัดเจน แม้จะมีผู้ขายส่งบางส่วนที่มีกำลังซื้อสูงสามารถไปจองในระบบหวยเสรี โดยใช้ ญาติพี่น้องหรือ คนในครอบครัวไปจองแทน แต่ก็ยังถือว่าเป็นการแข่งขันเสรี เพราะแย่งชิงกันตามกำลังเงินและ การช่วงชิงเวลาของระบบการจอง
นางนพวรรณ ธนะสุวัตน์ หรือเจ๊แจง หนึ่งในผู้ประกอบการขายสลากกินแบ่งรัฐบาล รายใหญ่ของลำปาง ที่มียอดขายสลากต่องวด หลักร้อยเล่ม เปิดเผยว่า ตนเป็นหนึ่งในผู้ประกอบการที่เลิกจำหน่ายสลากกินแบ่งรัฐบาลมา 5 งวด ก่อนหน้าที่จะมีการปลอดล๊อคระบบโควต้าครั้งนี้ เนื่องจากส่วนหนึ่งตนขายส่งให้กับผู้ขาย(แผง)รายย่อย และขายหน้าร้านอีกส่วนหนึ่ง แต่หลังจากมีการปรับราคาลง 80 บาท ผลกำไรต่องวดก็ลดลง และเมื่อมีการเปิดระบบหวยเสรี ทำให้ลูกค้าเดิมที่เคยซื้อกับตน สามารถไปจองซื้อตรงได้แล้ว เมื่อวิเคราะห์ถึงทิศทางการทำธุรกิจสลากกินแบ่งรัฐบาล มีแนวโน้มที่จะไม่คุ้มค่ากับผลตอบแทน จึงหันมาทำธุรกิจศูนย์การค้า (เจเจพาร์ค) ซึ่งตนได้ลงทุนและกำลังพัฒนาอยู่อย่างเต็มที่
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1051 วันที่ 23 - 29 ตุลาคม 2558)