สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือและเครือข่ายชาติพันธุ์ จ.ลำปาง ขอชะลอประกาศแนวเขตอุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท อ้างพื้นที่ทับซ้อนที่ทำกินราษฎร ขอความชัดเจนก่อนประกาศ
เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.58 กลุ่มสมาชิกสหพันธ์เกษตรภาคเหนือ จ.ลำปาง นำโดย นายสมชาติ หละแหลม ได้เข้ายื่นหนังสือต่อนายวรวิทย์ ชัยสวัสดิ์ นายอำเภอแม่เมาะ เพื่อส่งไปถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขอให้ชะลอการประกาศอุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท หรือหาข้อยุติร่วมกันให้ชัดเจนระหว่างหน่วยงานอุทยานกับชุมชน และให้มีคำสั่งดำเนินการสานต่อเรื่องโฉนดชุมชน เพราะเป็นสิ่งที่ชุมชนพึงได้รับเพื่อความยั่งยืนในการดำรงชีวิต
นายสมชาติ กล่าวว่า เนื่องจากการเร่งรัดให้มีการประกาศเขตอุทยานเพิ่ม และตามระยะเวลาการประกาศเขตอุทยานของรัฐ ซึ่งอุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท อ.งาว จ.ลำปาง อยู่ในระหว่างรอการประกาศ ทางชุมชนผู้ได้รับผลกระทบจากการประกาศเขตอุทยาน ซึ่งมีที่อยู่อาศัยรอบเขตอุทยาน ทางหน่วยงานอุทยานยังไม่มีขอบเขตที่ชัดเจนในการจัดทำระหว่างหน่วยงานรัฐและชุมชน จึงได้ขอให้ชะลอการประกาศแนวเขตฯดังกล่าว
ทั้งนี้ การขีดเส้นแนวเขตพื้นที่เตรียมประกาศอุทยานไม่มีการลงพื้นที่สำรวจข้อมูลและข้อเท็จจริงว่า พื้นที่ดังกล่าวมีชุมชนอาศัยอยู่หรือไม่ จำนวนเท่าไร แต่ใช้การตรวจวัดด้วยเครื่องมือแผนที่มาตราส่วน 1:50,000 เป็นฐานข้อมูล ทางราษฎรที่ได้รับผลกระทบจึงรวมตัวกันยื่นหนังสือเสนอให้ยุติการประกาศเขตพื้นที่เตรียมการอุทยานแห่งชาติไว้ก่อน และปรับปรุงแก้ไขแนวเขตกรณีที่มีการประกาศพื้นที่อุทยานไปแล้ว โดยให้ราษฎรที่ได้รับผลกระทบเข้าไปมีส่วนร่วมในการตรวจสอบทุกกระบวนการ
นอกจากนั้น เครือข่ายชาติพันธุ์จังหวัดลำปาง ได้ร่วมยื่นหนังสือด้วย โดยระบุว่า พื้นที่เตรียมประกาศอุทยานแห่งชาติถ้ำผาไท คลอบคุลม 780,000 ไร่ 4 อำเภอ 7 ตำบล ซึ่งทับพื้นที่ชุมชนของชนเผ่าชาติพันธุ์ จ.ลำปาง ถึง 20 หมู่บ้าน ซึ่งทางอุทยานไม่ยึดตามแนวทางที่จัดทำประชาคมร่วมกับราษฎรในพื้นที่ จึงเกรงว่าหากมีการประกาศพื้นที่อุทยานจะเป็นเหตุให้เกิดความขัดแย้งขึ้น
เครือข่ายชาติพันธุ์จังหวัดลำปาง มีสมาชิก 3 ชนเผ่า รวม 12 หมู่บ้าน ประชากรประมาณ 2,000 คน ทางราษฎรไม่ได้จัดขวางการประกาศพื้นที่อุทยานแห่งชาติแต่อย่างใด หากการดำเนินการไม่ทับซ้อนที่อยู่อาศัยของราษฎร ที่ทำกิน และพื้นที่ป่าชุมชนที่ราษฎรมีการดำเนินการอยู่ตั้งแต่ในอดีตถึงปัจจุบัน จึงมีแนวทางข้อเสนอแนะในการหาทางออกร่วมกันอย่างเร่งด่วน คือ ชะลอการประกาศอุทยานแห่งชาติพื้นที่เตรียมการไปก่อนจนกว่าจะมีการสรุปข้อมูลที่จัดเชน และเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย รวมทั้งให้มีบันทึกความร่วมมือและจัดทำแผนการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติป่าไม้ ที่ดิน และสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ จัดทำแผนร่วมการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติ เพิ่มประสิทธิภาพชุมชนที่มีการจัดการอยู่แล้ว โดยไม่ต้องประกาศเป็นพื้นที่อุทยาน และทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต้องจัดทำแผนพัฒนาคุณภาพชีวิตราษฎร ตามความเหมาะสม
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1059 วันที่ 18 - 24 ธันวาคม 2558)
