
“จะได้สงบสุขเสียที”ป๋าลออนุโมทนาบุญ พระเกรียงไกร หลังนุ่งผ้าเหลืองเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์แล้ว ได้ฉายา วชิรญาโณ ผู้มีญาณดุจเพชร
หลังจากมีกระแสข่าวว่านายเกรียงไกร เตชะโม่ง จะบวชเพื่อหนีอาถรรพ์เพชรซาอุ เมื่อวันที่ 17 มี.ค. 59 เวลา 09.00 น. ที่บ้านเลขที่ 54 หมู่ 3 ต.แม่ปะ อ.เถิน จ.ลำปาง ได้มีพิธีทำขวัญนาคให้กับนายเกรียงไกร เตชะโม่ง ที่ได้ตัดสินใจปลงผมบวชพระ ด้วยอายุ 57 ปี ซึ่งบรรยากาศภายในงานเป็นไปด้วยความเรียบง่าย มีนางทองเพียร เตชะโม่ง ภรรยา อายุ 57 ปี พร้อมด้วยบุตรชาย บุตรสาว และญาติๆ ร่วมพิธี จากนั้นจึงได้เดินทางไปที่วัดท่ามะเกว๋น ต.แม่ปะ ที่อยู่ห่างจากบ้านประมาณ 200 เมตร เพื่อทำพิธีบวชพระ ร่วมกับนาคอีก 2 คน โดยที่นายเกรียงไกร และครอบครัวไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆทั้งสิ้น

เมื่อสอบถามนายเกรียงไกรว่ามีกำหนดบวชกี่วัน นายเกรียงไกรปฏิเสธไม่ตอบคำถามและไม่ให้สัมภาษณ์ เพราะต้องทำจิตใจให้สงบและท่องจำบทสวดต่างๆ ซึ่งบางครั้งระหว่างที่นั่งพูดคุยกันนายเกรียงไกรได้แสดงสีหน้าเคร่งเครียด
ในพิธีบวชมีพระครูสิริพัฒนกิจพิศาล รองเจ้าคณะอำเภอเถิน เป็นพระอุปัชฌา โดยพระเกรียงไกรได้รับฉายา วชิรญาโน แปลว่าผู้มีญาณดุจเพชร โดยนายชลอ เกิดเทศ และบรรดาญาติๆได้ร่วมใส่บาตรทำบุญกับพระใหม่ ซึ่งพระเกรียงไกร จะจำวัดอยู่ที่วัดท่ามะเกว๋น ยังไม่มีกำหนดสึก
หลังทราบฉายาของพระเกรียงไกร นายชลอ เกิดเทศ ยังกล่าวติดตลกว่า ยังไงก็ไม่พ้นเพชร อาถรรพ์จริงๆ และยังได้เชิญชวนไปเที่ยวที่คุ้มพลอ จ.ตาก ปัจจุบันได้ทำธุรกิจเพาะเห็ด และทำสวนต่างๆ หลังจากได้รับการอภัยโทษออกจาเรือนจำบางขวาง ก็ได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างสงบสุขอยู่ที่บ้านดังกล่าว
สำหรับจุดเริ่มต้นของคดีเพชรซาอุ โดยเฉพาะอาถรรพ์เพชรเม็ดสำคัญ “บลูไดมอนด์” มาจากนายเกรียงไกร เตชะโม่ง ซึ่งได้เดินทางไปทำงานในพระราชวังของกษัตริย์ซาอุดิอาระเบียในช่วงเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2532 นายเกรียงไกรได้ขโมยเครื่องเพชรของเจ้าชายไฟซาล บิน ฟาฮัด แห่งราชวงศ์ไฟซาล ของซาอุดิอาระเบียมาได้ถึง 2 ครั้ง โดยที่ด่านศุลกากรของทั้งสองประเทศไม่สามารถตรวจสอบได้ โดยเครื่องเพชรดังกล่าวถูกนำมายังจังหวัดลำปาง หลังจากนั้นไม่นานรัฐบาลซาอุดิอาระเบีย จึงประสานมายังรัฐบาลไทย ขอให้ติดตามเครื่องเพชรประจำราชวงศ์ส่งคืน
โดยก่อนหน้านี้ นายเกรียงไกรเคยให้สัมภาษณ์กับลานนาโพสต์ถึงชีวิตความเป็นอยู่ว่า มีอาชีพทำไร่ข้าวโพด ทำนา ชีวิตความเป็นอยู่ทุกวันนี้ก็พอมีพอกิน ไม่ได้จะร่ำรวย ส่วนสิ่งที่เกิดขึ้นก็ไม่อยากจะพูดถึง เพราะเกิดมานานกว่า 20 ปีแล้ว อยากจะลืม หากพูดถึงหรือนึกถึงก็จะทำให้คิดมากและเป็นผลเสียกับตัวเองทำให้เครียดขึ้นมา ไม่อยากจะกลับไปคิดอะไรอีก
“หากย้อนเวลากลับไปได้จะไม่ทำแบบนี้ ตอนนั้นไม่ได้คิดเลยว่าจะเกิดอะไร พอเกิดเรื่องลำบากมาก ตอนที่ไปอยู่ในเรือนจำแทบจะเป็นบ้า เป็นคดีที่อื้อฉาวใครพ่วงกับคดีนี้ก็เดือดร้อนกันเกือบทุกคน” นายเกรียงไกร กล่าว
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น