
จำนวนผู้เข้าชม
นอกจากลูกเฉลิม อยู่บำรุง ที่มักจะถามคนอื่นๆเสมอ ในยามที่อยู่ในช่วงวัยห่าม ว่า “มึงรู้ไหม กูลูกใคร” ก่อนที่จะทำร้ายคนอื่น ยังมีลูกตำรวจเลวๆอีกหลายคนในประเทศนี้ ที่ชอบถามคำถามนี้ และสำคัญผิดว่าลูกตำรวจจะทำร้ายข่มเหงใครก็ได้ โดยไม่มีความผิด
เพราะพ่อกูเป็นตำรวจ
นี่คือลักษณะพิเศษ ที่น่าภาคภูมิใจสำหรับสยามเมืองยิ้ม
เมืองไทย เมืองยิ้ม สยามเมืองยิ้ม คำนิยามที่มาจากความมีจิตใจโอบอ้อมอารี ยิ้มง่ายของคนไทยที่คอยต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง จนกลายเป็นคำพูดของต่างชาติว่า Thailand Land of Smile
แต่มาวันนี้ดูเหมือนว่าพฤติกรรมของวัยรุ่นที่ระยะหลังดูเหมือนว่าจะเกินเลยจนเกินกว่าเหตุจะบ่อยครั้งเกินไป จนรู้สึกได้ว่า เด็กวัยรุ่นทั้งรุ่นเล็กที่ยังเรียกได้ว่าเป็นผู้เยาว์ วัยรุ่นที่บรรลุนิติภาวะ จะก่อเหตุที่สะเทือนใจจนถึงแก่ความตายของคนบริสุทธิ์มาหลายครั้ง โดยที่กฎหมายดูจะให้ความเป็นธรรมที่ช้า....เสียเหลือเกิน
ความยุติธรรมที่ล่าช้า คือความไม่ยุติธรรม
วลีนี้ดูจะชัดเจนที่เหมาะสมกับประเทศไทยในยามนี้เสียเหลือเกิน เพราะหลายต่อหลายครั้งที่ผู้ก่อเหตุเป็นทายาทเศรษฐี เป็นผู้มีฐานะ มักจะรอดคุกรอดตะรางด้วยช่องว่างของกฎหมายไปเสียทุกครั้ง และแต่ละครั้งมักจะมาจากการทำงานที่ล่าช้าจะทำให้ “หมดอายุความ”
กรณีที่เกิดขึ้นไม่กี่วันที่ผ่านมา คดีวัยรุ่น 6 คน รุมทำร้ายชายพิการจนตาย คดีนี้ว่าเป็นเรื่องที่ เลวร้ายมาก เพราะดูผู้กระทำผิดดูจะมีความ “ตั้งใจ” มากกว่าที่จะเป็นการ “ป้องกันตัว” อย่างที่กล่าวอ้าง แต่ในความโชคร้ายยังมีความโชคดีที่มีภาพวงจรปิดและคลิปบันทึกเหตุการณ์ที่เป็นหลักฐานโดยไม่มีการบิดเบือนความจริงได้เหมือนอย่างถ้อยแถลงของผู้ต้องหา และยังมีพยานที่เห็นในเหตุการณ์ที่ “กล้า” มาเป็นพยานโดยไม่เกรงเกรงต่อ “ความเป็นนักเลง” ที่กระทำการอุกอาจในยามเช้าโดยที่ 4 ใน 6 ประกาศตัวชัดเจนว่าเป็น “กูเป็นลูกตำรวจ” และทำให้ตอนนี้หลายคนไม่กล้ามาเป็นพยาน
แต่ ทนายอนันตชัย ไชยเดช ที่มีสำนักงานทนายความในจุดเกิดเหตุ ให้ข้อมูลในฐานะพยาน ซึ่งน่าชื่นชมกับทนายความที่ยืนอยู่เคียงข้างความยุติธรรมและผู้ถูกกระทำโดยไม่หวั่นต่ออิทธิพล เพราะเมื่อหลายปีก่อนทนายอนันตชัยก็เคยถูกขู่ฆ่าและทำร้ายร่างกายเมื่อครั้งที่ทำคดีให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส อดีตผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มาแล้ว และในคดีที่น่าสะเทือนขวัญกลางกรุงครั้งนี้นอกจากจะเป็นพยานที่อยู่ในเหตุการณ์แล้ว ยังเป็นทนายความผู้ตายอีกด้วย
แต่ที่น่าเป็นห่วงและเป็นกังวลต่อเหตุการณ์นี้ คือเรื่องอิทธิพลมือ ที่หลายต่อหลายครั้งประเทศไทยเหมือนเป็น “บ้านเมืองไร้กฎหมาย” เพราะถึงแม้จะมีหลักฐานชัดเจน แต่ความยืดยาด ล่าช้า ดูจะทำให้ไม่สามารถทำให้ผู้กระทำความความผิดมาชดใช้กรรมที่ก่อไว้ แต่หากผู้ทำผิดเป็นคนทั่วไป เด็กแว้นไร้เส้นสายคดีจะรวดเร็วชนิดตดยังไม่ทันหายเหม็นกันเลยทีเดียว
เพราะในกรณีนี้ เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ในในขณะนี้ ส่วนหนึ่งเนื่องจากกลุ่มวัยรุ่นก็ยังเข้าไปแทงคอชายพิการจนถึงแก่ความตายอย่างไม่เกรงกลัวแม้ว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะมาถึงจุดเกิดเหตุก็ตาม อีกทั้งในคลิปยังมีเสียงที่สร้างคำถามแก่สังคมว่าที่นายตำรวจคนนั้นบอกให้ “ไปโรงพยาบาล” นั้นบอกกับผู้กระทำความผิดหรือบอกใคร และ ทำไมยังไม่จับกุมผู้กระทำความผิดทันที ทำไมถึงปล่อยให้หนีไปได้อย่างต่อหน้าต่อตา !!!
นับตั้งแต่ก้าวข้ามปี 2559 มา ดูเหมือนว่าหลายคดีที่โด่งดัง ถ้าไม่มาจากกลุ่มวัยรุ่นก่อเหตุ ก็มาจากการทำงานของตำรวจที่ไม่ตรงไปตรงมา
ไม่ว่าจะเป็น กรณีเสี่ยเบนซ์ชนรถฟอร์ดเป็นเหตุนักศึกษา ป.โท 2 คน เสียชีวิต เมื่อกลางเดือนมีนาที่ผ่านมา ซึ่งเหตุการณ์นี้มีหลายจุดที่ผิดปกติและล่าช้าในกระบวนการสืบสวนจนในที่สุดคณะกรรมการสอบระบุ ผกก.สภ.พระอินทร์ราชา ผิดวินัยแต่มาร้ายแรง ถัดมาไม่กี่วันในเดือนเดียวกันนั้นเอง มีคลิป 3 ตำรวจ ทำร้ายนักศึกษาที่จังหวัดพิษณุโลก ถึงขั้นใช้ปืนยิง ซึ่งมาถึงตอนนี้ก็ยังอยู่ในระหว่างการสอบสวน
หรือกรณีที่ กลุ่มวัยรุ่นรุมทำร้ายครอบครัวนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่มาเที่ยวสงกรานต์ที่หัวหิน แต่เดินชนกันและไม่พอใจจนทำร้ายนักท่องเที่ยว 3 คนแม้ว่าจะเป็นผู้หญิงและคนชราก็ตาม
ภาพของประเทศไทยที่เคยเป็นเมืองสงบสุข ตอนนี้ดูจะสั่นคลอนความรู้สึก เพราะเราไม่รู้ว่าถ้าเผลอไปเดินเหยียบเท้าใครโดยไม่เจตนาจะถูกฆ่าได้แม้กล่าวคำขอโทษ และเราก็ไม่สามารถรู้ได้ว่า คนในเครื่องแบบ หรือลูกหลานของคนในเครื่องแบบจะเป็นผู้ร้ายเองหรือไม่ เพราะทุกวันนี้ก็ก็แทบจะยืนปล้นกลางแดดกันอยู่แล้ว เพิ่งโดนมากับตัวเอง
แต่ที่หนักที่สุดคือการที่กฎหมายเมืองไทยไม่มีความศักดิ์สิทธิ์ กว่าจะลากตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษก็กินเวลาไปหลายปีจนคนไทยลืม เมื่อไหร่เราจะมีกฎหมายแก้เกรียนที่คนทำผิดต้องมารับโทษอย่างรวดเร็วเสียที
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1077 วันที่ 6 - 12 พฤษภาคม 2559)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น