ผกก.ทุ่งฝายครวญ รับไม่ไหวคนจัดมวยชิ่ง อ้างขาดทุนไม่ยอมเอาเงินมาให้ จึงต้องหาหยิบยืนเพื่อนๆ กว่าสามแสนมาชดใช้แทน
จากกรณีมีชาวบ้านรวมตัวกันประมาณ
50 ราย เดินทางมาร้องทุกข์ที่ศูนย์ดำรงธรรม ศาลากลางจังหวัดลำปาง เมื่อวันที่
29 ก.ค.59 ที่ผ่านมา เพื่อให้ศูนย์ดำรงธรรมเป็นตัวกลางประสานผู้จัดงานขายบัตรมวยการกุศล
“ศึกมวยไทยห่างไกลยาเสพติด” จัดขึ้นโดย สภ.ทุ่งฝาย หารายได้สนับสนุนการปราบปรามยาเสพติดในพื้นที่
และจัดตั้งกองทุนสวัสดิการเพื่อช่วยเหลืออาสาสมัครตำรวจบ้าน ต.ต้นธงชัย
และอาสาสมัครช่วยเหลือกิจกรรมตำรวจ นำมาคืนให้กับชาวบ้าน เนื่องจากถูกคะยั้นคะยอเชิงบังคับให้ซื้อบัตรงานมวยการกุศลกันจำนวนมาก โดยเฉพาะคนในพื้นที่ ต.ทุ่งฝายและใกล้เคียง
ในราคาบัตรใบละ2,000 บาท
ซึ่งการจัดงานได้ดำเนินการไปแล้ว ณ สนามมวยค่ายสุรศักดิ์มนตี เมื่อวันที่ 31 ก.ค.59
ที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวจึงได้สอบถามกรณีการคืนเงินค่าบัตรมวยดังกล่าว
ไปยัง พ.ต.อ.ศุภกร ศรีพฤกษ์ ผกก.สภ.ทุ่งฝาย เปิดเผยว่า
ก่อนหน้าที่จะมีการจัดชกมวยการกุศลเพื่อหารายได้มอบให้กับตำรวจบ้าน
เนื่องจากที่ผ่านมาไม่เคยได้จ่ายเงินหรือค่าเบี้ยเลี้ยงให้กับกลุ่มตำรวจบ้านที่มาช่วยงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจทุ่งฝายแต่อย่างใด
เพราะไม่มีงบประมาณในส่วนนี้ ดังนั้นเมื่อมีพรรคพวกที่เป็น ผกก.อยู่
สภ.แห่งหนึ่งได้แนะนำว่า มีคนกลุ่มหนึ่ง นำโดยนายอภิวัฒน์ ลิ้มสกุล เป็นชาว
จ.นนทบุรี แต่มาตั้งรกรากอยู่ที่ จ.นครสวรรค์มีฝีมือในการจัดงานการกุศล ตั้งแต่งานคอนเสิร์ต
งานทอล์คโชว์ ต่างๆ โดยจะมีแบ่งเงินในการจัดงานทุกครั้งให้กับหน่วยงาน
หรือเจ้าของสถานที่ เพื่อนำเงินไปใช้จ่ายตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งเอาไว้
ต่อมาไม่นานนายอภิวัฒน์
ก็มาติดต่อขอจัดชกมวยการกุศล ซึ่งตนเองเห็นว่าเป็นเรื่องที่ดี
เพราะจะได้นำเงินมามอบให้เป็นสวัสดิการของกลุ่มตำรวจบ้าน โดยไม่ต้องหาเงินที่ไหนอีก
และทางผู้จัดงานยังบอกอีกว่าเจ้าของสถานที่ไม่ต้องทำอะไรเลย
ทางผู้จัดงานจะเป็นคนดำเนินการเองทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการจัดทำบัตร การขายบัตร
หรือการประกบคู่มวย มีเพียงแต่ให้ทางเราหาสถานที่ในการจัดงานเท่านั้น จึงตกลง
และได้แนะนำกับทางผู้จัดงานด้วยว่า ให้ระวังในการจำหน่ายบัตรไม่ให้ไปกระทบกับประชาชน
หรือหน่วยงานต่างๆด้วย ใครที่ไม่อยากซื้อก็ไม่ต้องขายให้ เพราะอาจจะเป็นการไปเพิ่มภาระให้กับคนซื้อก็เป็นได้
แต่ไม่นานก็เริ่มมีข่าวคราวว่ามีประชาชนส่วนหนึ่งถูกคนกลุ่มนี้ไปยัดเยียดขายบัตรมวยการกุศลให้ทั้งที่ไม่เต็มใจ
ตนจึงได้เรียกมาสอบถามและให้หยุดพฤติกรรมแบบนี้เสีย
กระทั่งทราบว่ามีประชาชนส่วนหนึ่งไปร้องเรียนที่ศูนย์ดำรงธรรมและขอคืนบัตรพร้อมกับขอรับเงินคืน
ซึ่งตนเองก็ยอมให้ แต่ต้องขอให้จบงานก่อนเพราะจะต้องนำเงินจากผู้จัดมาจ่ายคืนให้
แต่ก็มีบางส่วนที่ตนจ่ายคืนไปให้แล้วกว่า 30 ราย
ผกก.สภ.ทุ่งฝาย
กล่าวอีกว่า กระทั่งถึงวันงาน พบว่ามีประชาชนเข้ามาชมมวยเป็นจำนวนมากเรียกได้ว่าเกือบจะเต็มสนาม
แต่ก็ยังมีประชาชนบางส่วนที่ซื้อบัตรไปแล้วและไม่ได้เข้าชม มาขอรับเงินคืน
ซึ่งตนก็ขอให้รอก่อนเพราะทางผู้จัดยังไม่นำเงินมาให้ ทางด้านอภิวัฒน์ ก็บอกให้รอก่อนเพราะกำลังเคลียร์ค่าใช้จ่ายในส่วนของตัวเอง
ก่อนที่จะส่งมอบเงินส่วนที่เหลือให้กับทาง สภ.ทุ่งฝาย แต่พอนานวันเข้าทางผู้จัดก็มาบอกว่าขาดทุน และจะกลับไปหาเงินมาจ่ายให้ในภายหลัง ซึ่งตนก็รอมาโดยตลอด
ขณะที่รอก็ยังมีประชาชนทยอยมาขอรับเงินค่าบัตรคืออยู่ตลอดเวลา
ทำให้ตนต้องไปหาหยิบยืมจากเพื่อนๆ กว่า 3 แสนบาท มาจ่ายคืนให้แทนไปก่อน และตลอดเวลาตนก็ยังพยามโทรหานายอภิวัฒน์
เพื่อสอบถามถึงการดำเนินการหาเงินมาจ่ายให้ ซึ่งเจ้าตัวก็พยายามขอผัดผ่อนมาจนถึงบัดนี้
ดังนั้น
จึงอยากให้ผู้ที่ต้องการจะจัดงานการกุศลต่างๆ พึงระวังเอาไว้ด้วยไม่ควรเชื่อหรือไว้ใจกลุ่มคนที่จะเข้ามาขอจัดงาน
เพื่อแบ่งรายได้ให้กับเจ้าของสถานที่ เพราะอาจจะถูกเบี้ยวและทำให้เจ้าของสถานที่จัดงานเสียชื่อเสียงก็เป็นได้
ครั้งนี้ตนเองยังนับว่าโชคดีที่เสียเงินไปไม่มากนัก หากต้องเสียหายเป็นล้านตนก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเหมือนกัน
พ.ต.อ.ศุภกร ศรีพฤกษ์ กล่าว
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1090 วันที่ 5 - 11 สิงหาคม 2559)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น