
พ่อจากไปแล้ว ลูกตาบอด ศาลสั่งจ่ายค่าเสียหาย แต่จนวันนี้ทุกสิ่งล้วนล่องลอยอยู่ในสายลม จนเธอต้องมีจดหมายถึงคนไทยเช่นนี้
ย้อนเวลาไปเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2557 หลายคนคงจำข่าว
“น้องการ์ตูน” ได้ จากอุบัติเหตุรถกระบะแต่งซิ่งพุ่งชนร้านสเต็กแห่งหนึ่งย่านบางบอน
เมื่อผู้เป็นแม่วิ่งออกมาดู ภาพที่ปรากฎต่อหน้าคือภาพสามีนอนกระอักเลือดกอดน้องการ์ตูน
ลูกสาววัย 5 ขวบไว้แน่น
ขณะนี้ผู้เสียหายเสียเสาหลักของครอบครัวอย่างไม่อาจยื้อไว้ได้ เหลือเพียง “น้องการ์ตูน” อาการโคม่า สมองถูกทำลาย จากนั้นเรื่องราวของน้องการ์ตูน
ก็เข้าสู่กระบวนยุติธรรม
วันที่ 18 สิงหาคม 2558 ศาลอาญาธนบุรี มีคำพิพากษาชั้นต้นว่าให้
คนขับรถกระบะ ได้รับโทษทางอาญาปรับ 3,000 บาท จำคุก 1
ปี ไม่รอลงอาญา (โทษ 5 ปี แต่รับสารภาพลดเหลือ
2.5 ปี แต่ไม่เคยทำผิดเลยลดเหลือ 1 ปี)
ส่วนโทษทางคดีแพ่ง ศาลสั่งให้ชดใช้เงินสินไหมทดแทน จำนวน 10 ล้าน 7 แสนบาท ดังนี้
ค่ารักษาพยาบาลน้องการ์ตูน จำนวน 2 ล้าน 8 แสนบาท
ค่าเดินทางของคุณแม่ไปยังโรงพยาบาลที่น้องการ์ตูนรักษาตัวอยู่ เป็นเวลา 6
เดือน จำนวน 36,000 บาท ค่าใช้จ่ายในการดูแลน้องการ์ตูน เป็นเวลา 5
ปี จำนวน 2 ล้านบาท ค่าทนทุกข์และสูญเสียโอกาสในชีวิตของน้องการ์ตูน
จำนวน 2 ล้านบาท ค่าขาดอุปการะ
เนื่องจากบิดาเสียชีวิต จำนวน 3 ล้าน 6 แสนบาท
ส่วนในกรณีที่ คุณพ่อของน้องการ์ตูนเสียชีวิต
ศาลสั่งให้จ่ายทั้งหมด 300,000 บาท ขณะที่ค่าซ่อมรถที่ถูกชนจนพังเสียหายนั้น
ศาลให้แยกฟ้องเป็นอีกคดีหนึ่ง
แต่โชคร้ายก็ยังไม่สิ้นสุด เมื่อ พฤษภาคม 2559 แพทย์แจ้งว่า
ประสาทตาฝ่อ จากการตรวจการมองเห็น พบว่ามีอาการตาบอด แพทย์สุดที่จะเยียวยา แม้ว่าอาการของน้องพัฒนาดีขึ้น
ขยับแขนขาได้บ้างแล้ว คนเป็นแม่แทบใจสลาย แต่ก็ต้องสู้ต่อไปเพื่อน้องการ์ตูน
จากวันนั้นถึงวันนี้ ราว 2 ปีได้
ล่าสุด คุณแม่น้องการ์ตูน ได้เขียน “จดหมายถึงคนไทย” ลงเฟซบุ๊ก
ร้านสเต็กคุณแม่การ์ตูน Mother's Grill Steak House "ย่างด้วยรัก หมักด้วยใจ" ความว่า
“ ชีวิตเป็นเพียงเส้นด้าย ขอฝากอุทาหรณ์ ให้คนไทยได้ตระหนักถึง
หากเหตุการณ์นี้ไม่เกิดขึ้น เราจะไม่รู้จักคำว่าชีวิตเป็นเพียงแค่เส้นด้ายเลย
ทุกคนทราบกันดีว่าครอบครัวดิฉันต้องพังลงเพียงเพราะความคึกคะนองของคนขับขี่รถแข่งบนถนนสาธารณะ
ที่ได้ยื่นความตายและความเสียหายใหญ่หลวงให้กับครอบครัวดิฉัน 1 คนตาย 1 คนพิการตลอดชีวิต 3 ชีวิตที่ต้องแบกรับภาระทุกๆอย่างวางบนบ่า
มันหนักมาก หนักจนเข่าคุณจะทรุดลงแถบติดพื้น แต่ขาคุณจำเป็นต้องก้าวออกไปข้างหน้า
แม้คุณจะมีแรงเหลืออยู่น้อยนิดก็ตาม เทียบกับนักกีฬายังมีหยุดพัก แต่ชีวิตดิฉันไม่มีกรรมการคอยเป่านกหวีดหยุดเวลาให้
ทั้งๆที่ฉันไม่ได้อยากลงสนามแข่งขันเลยก็ตาม
วันนี้ได้รับทราบขั้นตอนการชดใช้ค่าเสียหายของคู่กรณีแล้ว
เข่าดิฉันได้ทรุดติดพื้นดินไปแล้วค่ะ
ใครที่คิดว่าคนผิดต้องชดใช้ กฎหมายบังคับได้
ในความจริงมันไม่ได้จบสวยแบบนั้นเลยค่ะ ศาลตัดสินให้คู่กรณีจ่ายค่าเสียหาย
แต่ศาลไม่มีอำนาจในการบังคับให้จำเลยจ่ายได้
ในส่วนของกรมบังคับคดีจะสืบทรัพย์และถ้าคู่กรณีมีถึงจะยึดทรัพย์มาขายทอดตลาดเพื่อชดใช้ให้
แต่กรณีที่คู่กรณีไม่มีอะไรเลย เขาก็แค่เป็นบุคคลล้มละลายเท่านั้น
สรุปแล้ว ดิฉันมีเพียงกระดาษจากศาล 1 ใบว่าตัดสินให้แล้ว
มีของแถมเป็นภาระทุกอย่างที่ฉันไม่ได้ก่อแต่ต้องเป็นคนแบกรับไว้แต่เพียงผู้เดียว
แลกกับอีกคนที่กลายเป็นเพียง บุคคลล้มละลาย เราจะต้องอยู่กันอย่างมีความเสี่ยงแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน
ต้องมีอีกกี่เคสที่มาเจอสภาพเช่นนี้ สภาพที่ไม่มีทางเลือกอะไรนอกจากก้มหน้ายอมรับในสิ่งที่เราไม่ได้ยินดีจะรับมัน
และเราก็ไม่มีโอกาสพูดปฏิเสธออกไปได้เลย”
หวังว่า จดหมายถึงคนไทย จะเข้าสู่หัวใจคนไทยทุกคน
และสะท้อนความจริงของความยุติธรรมของสังคมนี้
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1094 วันที่ 2 - 8 กันยายน 2559)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น