วันเสาร์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2559

เจาะใจภักดิ์ คนลำปางเข้าเฝ้าใกล้ชิด

จำนวนผู้เข้าชม URL Counter

พสกนิกรชาวลำปางปลาบปลื้มเข้าเฝ้าในหลวง เจ้าป้ากาญจนาถวายพวงมาลัยใกล้ชิด  ส่วนนายสัตวแพทย์เผยเป็นกุศลสูงสุดได้ก้มกราบแทบพระบาท ขณะที่อดีตผู้ใหญ่บ้านซาบซึ้งทรงรับพระกริ่งไพรีพินาศใส่กระเป๋าเสื้อ  ด้านผู้สื่อข่าวอาวุโสเข้าฉายพระรูปขนลุกทั้งตัว อัดเสียงขณะทรงปฎิสันถารกับหลวงพ่อเกษมไม่ติด ทุกคนต่างหลั่งน้ำตา ไม่เชื่อว่าเป็นเรื่องจริง  
           
ข่าวการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ สร้างความโศกเศร้าเสียใจให้กับพสกนิกรชาวไทยทั้งประเทศ รวมไปถึงชาว จ.ลำปาง ผู้ที่เคยมีโอกาสเฝ้ารับเสด็จครั้งหนึ่งในชีวิต ที่ได้ถ่ายทอดเรื่องราวเมื่อครั้งเคยเข้าเฝ้าพระองค์ท่านอย่างใกล้ชิด ซึ่งยังคงจดจำเรื่องราวนั้นไว้ในหัวใจ

พระบุญทา ปุณญฺมโน  1 ใน 7 บุคคลในภาพ ที่เคยเข้าเฝ้าในหลวงเมื่อครั้งเป็นอดีตผู้ใหญ่บ้านผาแมว ต.หัวเสือ อ.แม่ทะ จ.ลำปาง  ขณะที่พระองค์เสด็จพระราชดำเนิน เยี่ยมโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยเคียน อ.แม่ทะ จ.ลำปาง  เมื่อวันที่ 5 ม.ค.2524  ยังคงรู้สึกปลาบปลื้มอย่างมากที่ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าพระองค์อย่างใกล้ชิด ถึงแม้จะโศกเศร้าแต่เข้าใจ เรื่องการเกิดแก่เจ็บตายเป็นวัฎจักรของชีวิต

พระบุญทา ปุณญฺมโน อายุ 87 ปี เป็นพระลูกวัด วัดสิงห์ชัย  ต.สบตุ๋ย อ.เมือง จ.ลำปาง  กล่าวว่า อาตมายังคงรู้สึกปลาบปลื้มปิติและภูมิใจอย่างมาก ที่ครั้งหนึ่งได้ถวายรายงานอย่างใกล้ชิด และได้เดินทางไปถวายพระพรพระองค์ท่าน ณ ศาลาสหทัยสมาคม พระบรมมหาราชวัง  พร้อมๆบุคคลที่อยู่ในภาพทั้ง 7คน เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. 59  ที่ผ่านมา แม้ครั้งนั้นจะไม่ได้เข้าไปใกล้ชิดได้ แต่ก็ปราบปลื้ม และดีใจที่ได้มีโอกาสถวายพระพรพระองค์ท่าน

แต่หลังจากที่ ทราบข่าวเสด็จสวรรคต ตนเองก็เศร้าโศกเสียใจ แต่ก็เข้าใจวัฎจักรของชีวิต พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าทุกคนต้องมีเกิดแก่เจ็บตายกันหมด  ถึงเวลาของพระองค์แล้วการตายละเว้นไม่ได้  ถือว่าเป็นบุญสมภารของอาตมาแล้วที่ได้เข้าเฝ้าใกล้ชิดที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต

           
นางกาญจนา ประชาพิพัฒน์  ณ ลำปาง  อายุ 82 ปี  ซึ่งมีศักดิ์เป็นเหลนของเจ้าวรญาณรังสีภักดีราชธรรม เจ้าผู้ครองนครลำปางราชวงศ์ทิพย์จักร องค์ที่ 9  ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าถวายพวงมาลัยพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ  เมื่อครั้งเสด็จมาเยี่ยมราษฎรที่โรงงานอาหารสากล เมื่อวันที่  16 ม.ค.2515 
           
นางกาญจนา  เล่าว่า ขณะนั้นตนเองเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดล มาฝึกงานที่ จ.ลำปาง เมื่อรู้ว่าพระองค์จะเสด็จมาจึงได้รีบเตรียมพวงมาลัยไว้ถวายในหลวงและพระราชินี พระองค์ทรงขอบใจ ครั้งนี้ได้ใกล้ชิดพระองค์มาก ปลาบปลื้มดีใจมากที่เป็นตัวแทนถวายพวงมาลัย
           
ได้ติดตามข่าวการประชวรของพระองค์อยู่ตลอดเวลา ร้องไห้อยู่หน้าโทรทัศน์ถึง 2 วัน  ในตอนที่มีประกาศการเสด็จสวรรคต เราอยู่ในกลุ่มชมรมคนรักในหลวงได้ไปรวมตัวสวดมนต์กันที่วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม ในตอนนั้นทราบข่าวอยู่ก่อนแล้ว เพียงแต่เรารอการประกาศอย่างเป็นทางการ ทุกคนต่างกอดกันร้องไห้

นางกาญจนา กล่าวต่อไปว่า ทุกวันนี้ก็ได้ทำงานจิตอาสา เป็นนายกสมาคมเครือข่ายคนรักสิ่งแวดล้อม รวมทั้งทำงานเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริ และเผยแพร่ให้ผู้อื่นได้ดำเนินตาม จะทำงานต่อไปเท่าที่มีกำลังจะทำได้

และอีกบุคคลหนึ่งที่มีโอกาสได้ใกล้ชิดพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ ได้ฉายพระรูปของพระองค์ท่านขณะเสด็จมาเยี่ยมหลวงพ่อเกษม เขมโก  ทำให้ภาพดังกล่าวกลายเป็นภาพที่มีทุกบ้านของคนลำปาง  นั่นคือ นายประพัฒน์ศร รุ่งเรือง  ผู้สื่อข่าวอาวุโส จ.ลำปาง

นายประพัฒน์ศร รุ่งเรือง อายุ 65 ปี ปัจจุบันเป็นนักข่าวของหนังสือพิมพ์ไทยนิวส์  จ.เชียงใหม่   ได้เล่าถึงเหตุการณ์ประทับใจในครั้งนั้นว่า  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พร้อมสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินมายังสุสานไตรลักษณ์เพื่อมาเยี่ยมหลวงพ่อเกษม เขมโก เมื่อวันที่ 15 มี.ค.36 ขณะนั้นตนมีอายุเพียง 44 ปี ทำงานเป็นนักข่าวของหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ประจำอยู่ที่จังหวัดลำปาง  ในวันที่ในหลวงและพระราชินีเสด็จมาเยี่ยมหลวงพ่อเกษม จึงได้เสนอตัวเองเพื่อเป็นตัวแทนสื่อมวลชนในการเข้าไปถ่ายรูปในกุฏิของหลวงพ่อเกษม ขณะนั่งอยู่ข้างในกุฏิก่อนจะถ่ายรูปก็ต้องก้มคำนับ ถ่ายเสร็จแล้วก็ก้มคำนับ รูปที่ถ่ายได้มีทั้งหมด รูปด้วยกัน ประกอบด้วยรูปขณะในหลวงถวายเทียนแพ ภาพหลวงพ่อเกษมจับมือในหลวง ภาพในหลวงก้มลงกราบ และภาพที่พระราชินีก้มลงกราบหลวงพ่อเกษม
           
ในตอนนั้นห่วงแต่การถ่ายภาพ จึงไม่ได้ฟังว่าในหลวงทรงตรัสอะไรกับหลวงพ่อเกษมบ้าง เลยใช้เทปกดบันทึกเสียงไว้ แต่ปรากฏว่าพอมาเปิดฟังภายหลัง เสียงทั้งหมดไม่สามารถบันทึกไว้ได้เลย เช่นเดียวกับของลูกศิษย์หลวงพ่อที่อัดไว้ก็บันทึกไม่ได้เช่นกัน เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์มาก ตอนนั้นขนลุกตัวเย็นไปทั้งตัว  
           
นายประพัฒน์ศร กล่าวพร้อมกับน้ำตาไหล  เมื่อการสวรรคตของพระองค์ท่านมาถึง เราได้ทำใจไว้แล้ว แต่ด้วยความเห็นแก่ตัวไม่อยากให้เกิดขึ้น อยากให้พระองค์อยู่ต่อไป    

เช่นเดียวกับ นายบุญสาย สุรินทร์  อดีตผู้ใหญ่บ้านวังหม้อ หมู่ 2 ต.ต้นธงชัย  ศิษย์ใกล้ชิดหลวงพ่อเกษม เขมโก ได้ถวายพระไพรีพินาศให้ในหลวงด้วยตัวเอง และปลื้มใจมากที่พระองค์ทรงเก็บใส่กระเป๋าเสื้อ พร้อมรับสั่งให้ดูแลหลวงพ่อให้ดี
           
 นายบุญสาย เล่าว่า  ในหลวงทรงเสด็จมาหาหลวงพ่อเกษมที่กุฏิ  2 ครั้ง  ในปี 2536  เสด็จเป็นการส่วนพระองค์มากับพระราชินี 2 พระองค์  โดยไม่มีใครรู้มาก่อน ตนได้มีโอกาสถวายพระไพรีพินาศทองคำให้กับในหลวง พระองค์หยิบใส่กระเป๋าเสื้อ โดยไม่มอบให้มหาดเล็ก  และได้รับสั่งว่า ดูแลหลวงพ่อให้ดีๆนะ ให้หลวงพ่อฉันเยอะๆ อย่าให้ใครรบกวนหลวงพ่อ   และในหลวงยังเสด็จมาเยี่ยมหลวงพ่อที่โรงพยาบาลด้วย แต่ตนเองไม่ได้เข้าใกล้พระองค์ เพราะมีทหารและตำรวจคุ้มกันอยู่

นายบุญสาย กล่าวว่า การที่ได้เข้าเฝ้าพระองค์เป็นความรู้สึกที่ตื้นตันใจ ภาคภูมิใจ ปลื้มปิติอย่างหาที่สุดไม่ได้  ที่ทรงรับสั่งกับตนเองต่อหน้าอย่างใกล้ชิดทั้ง 2 พระองค์ ซึ่งครั้งนั้นเป็นครั้งที่ได้ใกล้ชิดกับพระองค์ท่านมากที่สุด  จึงเป็นที่สุดในชีวิตของตนเองที่ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าพระองค์ท่าน

ถึงแม้การสวรรคตของพระองค์ท่าน ได้สร้างความโศกเศร้าให้กับคนไทยทั้งประเทศ  แต่ตนเองเชื่อว่า พระองค์จะคงอยู่ในใจของคนไทยตลอดไป  เช่นเดียวกันตนเองที่ระลึกถึงพระองค์อยู่เสมอ 

น.สพ.สิทธิเดช มหาสาวังกูล ผู้อำนวยการโรงพยาบาลช้างศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย ได้บอกเล่าถึงความประทับใจได้กราบแทบฝ่าพระบาทในหลวง เมื่อครั้งเสด็จเยี่ยมพระเศวตอดุลยเดชพาหนฯ ช้างคู่พระบารมี   น.สพ.สิทธิเดช เล่าว่า เมื่อปี 2547 ในหลวงทรงมีพระราชกระแสรับสั่งให้ย้ายพระเศวตอุลยเดชพาหนฯ จากวังสวนจิตรลดา จ.กรุงเทพมหานคร ไปยืนโรงที่วังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ทีมงานของสถาบันคชบาลแห่งชาติ ได้ร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จึงทำการขนย้ายพระเศวตฯ เมื่อเดือนมีนาคม 2547 

หลังจากนั้นเป็นต้นมา สัตวแพทย์ของสถาบันคชบาลแห่งชาติ ต้องไปตรวจเยี่ยมสุขภาพของพระเศวตฯเป็นประจำ กระทั่งเมื่อปี 2549  พระองค์ท่านได้พาพระสหายมาดูพระเศวต เมื่อตนทราบข่าวจึงใส่ชุดสีกากีเข้าไปรับเสด็จที่โรงช้าง ได้มีโอกาสถวายรายงานใกล้ชิดเกี่ยวกับสุขภาพพระเศวต มอบพานใส่กล้วยและอ้อยให้พระองค์ท่าน พระราชทานให้พระเศวตฯ ในครั้งนั้นตนมีโอกาสได้ก้มลงกราบแทบพระบาท เป็นครั้งหนึ่งในชีวิต นึกถึงตอนนั้นแล้วพูดไม่ออก  เหมือนเป็นกุศลสูงสุดของตน

พระองค์ท่านยังได้ใช้กล้องฉายภาพพระสหายที่ป้อนกล้วยให้พระเศวต ซึ่งมีภาพของตนเองอยู่ในกล้องถ่ายรูปของพระองค์ท่านด้วย เป็นความปลื้มปิติอย่างที่สุด ในปี 2552 ได้ใกล้ชิดพระองค์ท่านอีกครั้ง ซึ่งพระองค์ได้พระราชทาน สคส.จากพระหัตถ์ของพระองค์ท่าน  ถือเป็นมงคลอย่างยิ่งและได้เก็บ สคส.ไว้อย่างดี

น.สพ.สิทธิเดช  น้ำตาคลอพร้อมกล่าวว่า ในวันที่มีการประกาศเรื่องพระองค์เสด็จสวรรคต ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่ช็อคแต่ทุกคนทั้งประเทศรู้สึกเหมือนกัน ถึงแม้จะทำใจมาแล้วว่าสักวันต้องมีวันนี้ แต่ไม่คิดว่าจะเร็ว อยากให้พระองค์ท่านอยู่ต่อไปอีกหลายปี  สิ่งที่จะทำต่อไป คือ ทำหน้าที่ของตนเองให้ดี  ตอนนี้มีช้างของพระองค์ท่านอยู่ที่ จ.ลำปาง  ช้างและ จ.สกลนคร ช้าง ต้องดูแลช้างสำคัญของพระองค์ท่านให้ดีที่สุด และจะยึดพระองค์ท่านเป็นต้นแบบใช้ชีวิตแบบพอเพียง

ด้านนักเขียนอาวุโส นางลออ พิศิษฐสุนธร  หรือ ลออ จีรวัฒนะ นักเขียนรางวัลนราธิป ประจำปี 2557   เคยมีโอกาสได้รับเสด็จพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ  เนื่องจากตนเองเป็นครอบครัวทหารจึงได้เข้าเฝ้าหลายต่อหลายครั้ง

เมื่อปี 2501  ทั้งสองพระองค์ ทรงเสด็จมาพลับพลาที่ประทับของรัชกาลที่ 7  เพื่อให้ประชาชนได้เข้าเฝ้า ด้วยพี่ชายของตนเองเป็นนายทหารจึงพาครอบครัวเข้าเฝ้าได้ แต่ต้องแต่งตัวให้เหมือนกันหมด ตอนนั้นใส่ชุดผ้าไหมสีฟ้าลายเทพพนมสีขาว ไปยืนตั้งแถวรอรับเสด็จกัน โดยเห็นพระองค์อยู่ตรงหน้าห่างไม่กี่ก้าว รู้สึกตื้นเต้นมากที่ได้ชื่นชมพระบารมี  ครั้งที่ 2 เมื่อปี 2507 รถไฟพระนี่นั่งได้ผ่านที่ จ.ลำปาง จึงได้เข้าแถวรอรับเสด็จ โชคดีมากที่รถไฟโบกี้ที่พระองค์ประทับ มาจอดตรงด้านหน้าแถวของตนเองพอดี  และครั้งที่ 3 ปี 2511 ได้ย้ายตามสามีไปอยู่ จ.เชียงใหม่  พระองค์ได้แปรพระราชฐานมาที่ตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ จ.เชียงราย เสด็จเยี่ยมหมู่บ้านชาวเขา ท่านได้รับสั่งให้นายทหารเข้าเฝ้ารับพระทานเลี้ยงอาหารค่ำ ก็ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าอีก ได้พบกับราชนิกูลทุกพระองค์ ตื้นเต้นทุกครั้งที่ได้เข้าเฝ้า 

นางลออ กล่าวว่า  ติดตามข่าวสารในหลวงทรงประชวรมาตลอด คืนที่มีประกาศออกมาใจหายมาก รู้ว่าพระองค์ต้องจากไปวันใดวันหนึ่ง แต่ทำใจไม่ได้ นอนไม่หลับ เวิ้งว้างบอกไม่ถูก เสียใจมาก พระองค์ท่านเสียสละเพื่อประชาชนมามาก  เราก็ต้องทำหน้าที่ของเราให้ดีต่อไป

(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์  ฉบับที่ 1101 วันที่  21 -  27 ตุลาคม 2559)
Share:

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

18 ปี ลานนาโพสต์

โครงการปั้นดาว

โครงการปั้นดาว
ขับเคลื่อนโดย Blogger.

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม

สถิติการเข้าชมเว็บไซต์