
พสกนิกรชาวลำปางปลาบปลื้มเข้าเฝ้าในหลวง เจ้าป้ากาญจนาถวายพวงมาลัยใกล้ชิด ส่วนนายสัตวแพทย์เผยเป็นกุศลสูงสุดได้ก้มกราบแทบพระบาท ขณะที่อดีตผู้ใหญ่บ้านซาบซึ้งทรงรับพระกริ่งไพรีพินาศใส่กระเป๋าเสื้อ ด้านผู้สื่อข่าวอาวุโสเข้าฉายพระรูปขนลุกทั้งตัว อัดเสียงขณะทรงปฎิสันถารกับหลวงพ่อเกษมไม่ติด ทุกคนต่างหลั่งน้ำตา ไม่เชื่อว่าเป็นเรื่องจริง
ข่าวการเสด็จสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 สร้างความโศกเศร้าเสียใจให้กับพสกนิกรชาวไทยทั้งประเทศ รวมไปถึงชาว จ.ลำปาง ผู้ที่เคยมีโอกาสเฝ้ารับเสด็จครั้งหนึ่งในชีวิต ที่ได้ถ่ายทอดเรื่องราวเมื่อครั้งเคยเข้าเฝ้าพระองค์ท่านอย่างใกล้ชิด ซึ่งยังคงจดจำเรื่องราวนั้นไว้ในหัวใจ

พระบุญทา ปุณญฺมโน อายุ 87 ปี เป็นพระลูกวัด วัดสิงห์ชัย ต.สบตุ๋ย อ.เมือง จ.ลำปาง กล่าวว่า อาตมายังคงรู้สึกปลาบปลื้มปิติและภูมิใจอย่างมาก ที่ครั้งหนึ่งได้ถวายรายงานอย่างใกล้ชิด และได้เดินทางไปถวายพระพรพระองค์ท่าน ณ ศาลาสหทัยสมาคม พระบรมมหาราชวัง พร้อมๆบุคคลที่อยู่ในภาพทั้ง 7คน เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. 59 ที่ผ่านมา แม้ครั้งนั้นจะไม่ได้เข้าไปใกล้ชิดได้ แต่ก็ปราบปลื้ม และดีใจที่ได้มีโอกาสถวายพระพรพระองค์ท่าน
แต่หลังจากที่ ทราบข่าวเสด็จสวรรคต ตนเองก็เศร้าโศกเสียใจ แต่ก็เข้าใจวัฎจักรของชีวิต พระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าทุกคนต้องมีเกิดแก่เจ็บตายกันหมด ถึงเวลาของพระองค์แล้วการตายละเว้นไม่ได้ ถือว่าเป็นบุญสมภารของอาตมาแล้วที่ได้เข้าเฝ้าใกล้ชิดที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต

นางกาญจนา เล่าว่า ขณะนั้นตนเองเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยมหิดล มาฝึกงานที่ จ.ลำปาง เมื่อรู้ว่าพระองค์จะเสด็จมาจึงได้รีบเตรียมพวงมาลัยไว้ถวายในหลวงและพระราชินี พระองค์ทรงขอบใจ ครั้งนี้ได้ใกล้ชิดพระองค์มาก ปลาบปลื้มดีใจมากที่เป็นตัวแทนถวายพวงมาลัย
ได้ติดตามข่าวการประชวรของพระองค์อยู่ตลอดเวลา ร้องไห้อยู่หน้าโทรทัศน์ถึง 2 วัน ในตอนที่มีประกาศการเสด็จสวรรคต เราอยู่ในกลุ่มชมรมคนรักในหลวงได้ไปรวมตัวสวดมนต์กันที่วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม ในตอนนั้นทราบข่าวอยู่ก่อนแล้ว เพียงแต่เรารอการประกาศอย่างเป็นทางการ ทุกคนต่างกอดกันร้องไห้
นางกาญจนา กล่าวต่อไปว่า ทุกวันนี้ก็ได้ทำงานจิตอาสา เป็นนายกสมาคมเครือข่ายคนรักสิ่งแวดล้อม รวมทั้งทำงานเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงตามแนวพระราชดำริ และเผยแพร่ให้ผู้อื่นได้ดำเนินตาม จะทำงานต่อไปเท่าที่มีกำลังจะทำได้
และอีกบุคคลหนึ่งที่มีโอกาสได้ใกล้ชิดพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ ได้ฉายพระรูปของพระองค์ท่านขณะเสด็จมาเยี่ยมหลวงพ่อเกษม เขมโก ทำให้ภาพดังกล่าวกลายเป็นภาพที่มีทุกบ้านของคนลำปาง นั่นคือ นายประพัฒน์ศร รุ่งเรือง ผู้สื่อข่าวอาวุโส จ.ลำปาง

ในตอนนั้นห่วงแต่การถ่ายภาพ จึงไม่ได้ฟังว่าในหลวงทรงตรัสอะไรกับหลวงพ่อเกษมบ้าง เลยใช้เทปกดบันทึกเสียงไว้ แต่ปรากฏว่าพอมาเปิดฟังภายหลัง เสียงทั้งหมดไม่สามารถบันทึกไว้ได้เลย เช่นเดียวกับของลูกศิษย์หลวงพ่อที่อัดไว้ก็บันทึกไม่ได้เช่นกัน เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์มาก ตอนนั้นขนลุกตัวเย็นไปทั้งตัว
นายประพัฒน์ศร กล่าวพร้อมกับน้ำตาไหล เมื่อการสวรรคตของพระองค์ท่านมาถึง เราได้ทำใจไว้แล้ว แต่ด้วยความเห็นแก่ตัวไม่อยากให้เกิดขึ้น อยากให้พระองค์อยู่ต่อไป

นายบุญสาย เล่าว่า ในหลวงทรงเสด็จมาหาหลวงพ่อเกษมที่กุฏิ 2 ครั้ง ในปี 2536 เสด็จเป็นการส่วนพระองค์มากับพระราชินี 2 พระองค์ โดยไม่มีใครรู้มาก่อน ตนได้มีโอกาสถวายพระไพรีพินาศทองคำให้กับในหลวง พระองค์หยิบใส่กระเป๋าเสื้อ โดยไม่มอบให้มหาดเล็ก และได้รับสั่งว่า ดูแลหลวงพ่อให้ดีๆนะ ให้หลวงพ่อฉันเยอะๆ อย่าให้ใครรบกวนหลวงพ่อ และในหลวงยังเสด็จมาเยี่ยมหลวงพ่อที่โรงพยาบาลด้วย แต่ตนเองไม่ได้เข้าใกล้พระองค์ เพราะมีทหารและตำรวจคุ้มกันอยู่
นายบุญสาย กล่าวว่า การที่ได้เข้าเฝ้าพระองค์เป็นความรู้สึกที่ตื้นตันใจ ภาคภูมิใจ ปลื้มปิติอย่างหาที่สุดไม่ได้ ที่ทรงรับสั่งกับตนเองต่อหน้าอย่างใกล้ชิดทั้ง 2 พระองค์ ซึ่งครั้งนั้นเป็นครั้งที่ได้ใกล้ชิดกับพระองค์ท่านมากที่สุด จึงเป็นที่สุดในชีวิตของตนเองที่ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าพระองค์ท่าน
ถึงแม้การสวรรคตของพระองค์ท่าน ได้สร้างความโศกเศร้าให้กับคนไทยทั้งประเทศ แต่ตนเองเชื่อว่า พระองค์จะคงอยู่ในใจของคนไทยตลอดไป เช่นเดียวกันตนเองที่ระลึกถึงพระองค์อยู่เสมอ

หลังจากนั้นเป็นต้นมา สัตวแพทย์ของสถาบันคชบาลแห่งชาติ ต้องไปตรวจเยี่ยมสุขภาพของพระเศวตฯเป็นประจำ กระทั่งเมื่อปี 2549 พระองค์ท่านได้พาพระสหายมาดูพระเศวต เมื่อตนทราบข่าวจึงใส่ชุดสีกากีเข้าไปรับเสด็จที่โรงช้าง ได้มีโอกาสถวายรายงานใกล้ชิดเกี่ยวกับสุขภาพพระเศวต มอบพานใส่กล้วยและอ้อยให้พระองค์ท่าน พระราชทานให้พระเศวตฯ ในครั้งนั้นตนมีโอกาสได้ก้มลงกราบแทบพระบาท เป็นครั้งหนึ่งในชีวิต นึกถึงตอนนั้นแล้วพูดไม่ออก เหมือนเป็นกุศลสูงสุดของตน
พระองค์ท่านยังได้ใช้กล้องฉายภาพพระสหายที่ป้อนกล้วยให้พระเศวต ซึ่งมีภาพของตนเองอยู่ในกล้องถ่ายรูปของพระองค์ท่านด้วย เป็นความปลื้มปิติอย่างที่สุด ในปี 2552 ได้ใกล้ชิดพระองค์ท่านอีกครั้ง ซึ่งพระองค์ได้พระราชทาน สคส.จากพระหัตถ์ของพระองค์ท่าน ถือเป็นมงคลอย่างยิ่งและได้เก็บ สคส.ไว้อย่างดี
น.สพ.สิทธิเดช น้ำตาคลอพร้อมกล่าวว่า ในวันที่มีการประกาศเรื่องพระองค์เสด็จสวรรคต ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวที่ช็อคแต่ทุกคนทั้งประเทศรู้สึกเหมือนกัน ถึงแม้จะทำใจมาแล้วว่าสักวันต้องมีวันนี้ แต่ไม่คิดว่าจะเร็ว อยากให้พระองค์ท่านอยู่ต่อไปอีกหลายปี สิ่งที่จะทำต่อไป คือ ทำหน้าที่ของตนเองให้ดี ตอนนี้มีช้างของพระองค์ท่านอยู่ที่ จ.ลำปาง 6 ช้างและ จ.สกลนคร 4 ช้าง ต้องดูแลช้างสำคัญของพระองค์ท่านให้ดีที่สุด และจะยึดพระองค์ท่านเป็นต้นแบบใช้ชีวิตแบบพอเพียง

เมื่อปี 2501 ทั้งสองพระองค์ ทรงเสด็จมาพลับพลาที่ประทับของรัชกาลที่ 7 เพื่อให้ประชาชนได้เข้าเฝ้า ด้วยพี่ชายของตนเองเป็นนายทหารจึงพาครอบครัวเข้าเฝ้าได้ แต่ต้องแต่งตัวให้เหมือนกันหมด ตอนนั้นใส่ชุดผ้าไหมสีฟ้าลายเทพพนมสีขาว ไปยืนตั้งแถวรอรับเสด็จกัน โดยเห็นพระองค์อยู่ตรงหน้าห่างไม่กี่ก้าว รู้สึกตื้นเต้นมากที่ได้ชื่นชมพระบารมี ครั้งที่ 2 เมื่อปี 2507 รถไฟพระนี่นั่งได้ผ่านที่ จ.ลำปาง จึงได้เข้าแถวรอรับเสด็จ โชคดีมากที่รถไฟโบกี้ที่พระองค์ประทับ มาจอดตรงด้านหน้าแถวของตนเองพอดี และครั้งที่ 3 ปี 2511 ได้ย้ายตามสามีไปอยู่ จ.เชียงใหม่ พระองค์ได้แปรพระราชฐานมาที่ตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ จ.เชียงราย เสด็จเยี่ยมหมู่บ้านชาวเขา ท่านได้รับสั่งให้นายทหารเข้าเฝ้ารับพระทานเลี้ยงอาหารค่ำ ก็ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าอีก ได้พบกับราชนิกูลทุกพระองค์ ตื้นเต้นทุกครั้งที่ได้เข้าเฝ้า
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1101 วันที่ 21 - 27 ตุลาคม 2559)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น