
ภาพหลวงพ่อเกษมสัมผัสพระหัตถ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถ่ายโดยนายประพัฒน์ศร รุ่งเรือง สื่อมวลชนอาวุโส เป็นภาพประวัติศาสตร์ ที่คนทั้งประเทศคุ้นเคยและจดจำได้ ภาพนี้เป็นเครื่องยืนยันว่า ศรัทธาที่มีต่อหลวงพ่อเกษมนั้น จำหลักอยู่ในใจของสามัญชนทั่วไป จนตลอดไปถึงในดวงพระหทัยของมหาบพิตรผู้เป็นพ่อของแผ่นดิน
ในการสนทนาธรรมคราหนึ่ง
ณ วัดคะตึกเชียงมั่น อำเภอเมือง จังหวัดลำปาง
ทรงมีพระราชปุจฉา :
หลวงพ่อประจำอยู่ที่วัดนี้หรือ
หลวงพ่อเกษม
: ขอถวายพระพร อาตมาประจำอยู่ที่สุสานไตรลักษณ์
พระราชปุจฉา :
อยากไปหาหลวงพ่อเหมือนกัน แต่หาเวลาไม่ค่อยได้ ได้ทราบว่าเข้าพบหลวงพ่อยาก
หลวงพ่อเกษม
: พระราชาเสด็จไปป่าช้าเป็น การไม่สะดวก เพราะสถานที่ไม่เรียบร้อย
อาตมาภาพจึงมารอเสด็จที่นี่ ขอถวายพระพร มหาบพิตรสบายดีหรือ
พระราชปุจฉา : สบายดี
หลวงพ่อเกษม
: ขอถวายพระพรมหาบพิตรพระชนมายุเท่าไร
พระราชปุจฉา : ได้ ๕๐ ปี
หลวงพ่อเกษม
: อาตมาภาพได้ ๖๗ ปี
พระราชปุจฉา :
หลวงพ่ออยู่ตามป่ามีความสงบ ย่อมจะมีโอกาสปฏิบัติธรรมได้มากกว่าพระที่วัดในเมือง
ซึ่งมีภารกิจเกี่ยวกับการปกครองและงานอื่นๆ จะเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า
หลวงพ่อเกษม
: ขอถวายพระพร อาจจะเป็นอย่างนั้นก็ได้ เพราะอยู่ป่าไม่มีภารกิจอย่างอื่น
แต่ก็ขึ้นอยู่กับศีลบริสุทธิ์ด้วย เพราะเมื่อศีลบริสุทธิ์จิตใจไม่ฟุ้งซ่าน
นิวรณ์ไม่ครอบงำก็ปฏิบัติได้
พระราชปุจฉา :
การปฏิบัติอย่างพระมีเวลามากย่อมจะได้ผลเร็ว ส่วนผู้ที่มีเวลาน้อยมีภารกิจมาก
จะปฏิบัติอย่างหลวงพ่อก็ไม่อาจทำได้ แล้วจะมีวิธีปฏิบัติอย่างไร
เราจะหั่นแลกช่วงเวลาช่วงเช้าให้สั้นเข้าจะได้ไหม คือ ซอยเวลาออกจากหนึ่งชั่วโมงเป็นครึ่งชั่วโมง
จากครึ่งชั่วโมงเป็นสิบนาที หรือห้านาที แต่ให้ได้ผล คือ ได้รับความสุขเท่ากัน
ยกตัวอย่างเช่น นั่งรถยนต์จากเชียงใหม่มาลำปางก็สามารถปฏิบัติได้
หรือระหว่างที่มาอยู่ในพิธีนี้มีช่วงที่ว่างอยู่ ก็ปฏิบัติเป็นระยะไป
อย่างนี้จะถูกหรือเปล่าก็ไม่ทราบ อยากจะเรียนถาม
หลวงพ่อเกษม
: ขอถวายพระพร จะปฏิบัติอย่างนั้นก็ได้ ถ้าแบ่งเวลาได้
พระราชปุจฉา :
ไม่ถึงแบ่งเวลาต่างหากออกมาทีเดียว
ก็อาศัยเวลาขณะที่ออกมาทำงานอย่างอื่นอยู่นั้นแหละ ได้หรือไม่ คือ
ใช้สติอยู่ทุกขณะจิตที่เกิดดับ ทำงานด้วยความรอบคอบให้สติตั้งอยู่ตลอดเวลา
หลวงพ่อเกษม
: ขอถวายพระพร มหาบพิตรทรงปฏิบัติอย่างนั้นถูกแล้ว การที่มหาบพิตรเสด็จพระราชดำเนินมาปฏิบัติงานอย่างนี้
ก็เรียกว่าได้ทรงเจริญเมตตาในพรหมวิหารอยู่
พระราชปุจฉา :
ก็คิดว่าเป็นอย่างนั้น เช่นว่ามาตัดลูกนิมิตนี้ ก็ถือว่าเป็นการปฏิบัติธรรม
ด้วยขี้เกียจมาจึงมีกำลังใจมา และเมื่อได้โอกาสได้เรียนถามพระสงฆ์ว่า
การปฏิบัติธรรมเป็นระยะเวลาสั้นๆ เป็นตอนๆ อย่างนี้จะได้ผลไหม
อุปมาเหมือนช่างทาสีผนังโบสถ์ เขาทาทางนี้ดีแล้วพัก ทาทางโน้นดีแล้วพัก
ทำอยู่อย่างนี้ก็เสร็จได้ แต่ต้องใช้เวลาหน่อย จึงอยากเรียนถามว่าปฏิบัติอย่างนี้
จะมีผลสำเร็จไหม
หลวงพ่อเกษม
: ปฏิบัติอย่างนั้นก็ได้โดยอาศัยหลัก ๓ อย่าง คือ มีศีลบริสุทธิ์
ทำบุญในชาติปางก่อนไว้มาก มีบาปน้อย ขอถวายพระพร
(จาก หนังสือหลวงพ่อเกษม เขมโก)
ถึงแม้หลวงพ่อเกษม
จะทูลสมเด็จว่า เป็นพระราชา เสด็จไปป่าช้า เป็นการไม่สะดวก
เพราะสถานที่ไม่เรียบร้อย แต่เมื่อวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๓๖ ก็ทรงเสด็จไปนมัสการ
และถวายยารักษาโรค ยัง ณ สุสานไตรลักษณ์
สามปีต่อมา
หลวงพ่อเกษม เขมโก ก็มรณภาพ ณ ห้องไอซียู โรงพยาบาลลำปาง จังหวัดลำปาง เมื่อเวลา ๑๙.๔๐ น.
ของวันจันทร์ที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๓๙ ซึ่งตรงกับวันแรม
๑๑ ค่ำ เดือน ๒
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1101 วันที่ 21 - 27 ตุลาคม 2559)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น