เมื่อคืนวันที่ 14 ธันวาคมที่ผ่านมา หากใครได้เงยหน้าดูท้องฟ้าในคืนหนาว คงได้เห็นดวงจันทร์ทอแสงนวลกระจ่างตาสวยงามยิ่งนัก ใช่เพียงความโรแมนติก แต่สำหรับคนพื้นถิ่นเหนือแล้ว ในวันขึ้น 15 ค่ำที่ตรงกับวันพุธ คือหนึ่งในวันสำคัญทางพุทธศาสนา เราเรียกกันว่า “เป็งปุ๊ด” หลายวัดในดินแดนล้านนาจะจัดให้มีการตักบาตรในยามเที่ยงคืน ซึ่งนับเป็นประเพณีนิยมที่มีเฉพาะในภาคเหนือเท่านั้น สำหรับบ้านเรา วัดที่จัดต่อเนื่องกันมานาน คือ วัดพุทธสันติวิเวกและวัดประตูต้นผึ้ง
ความเป็นมาของการตักบาตรเที่ยงคืนนี้
เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อใดไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด
แต่เข้าใจว่าคนทางเหนือคงรับเอามาจากพม่าอีกต่อหนึ่ง ทั้งนี้ การตักบาตรกลางคืนเป็นประเพณีของชาวพม่ามาตั้งแต่ครั้งโบราณ
ชาวพม่าจะตื่นตอนดึกเพื่อเตรียมอาหารไว้ใส่บาตรพระอุปคุต โดยมีคติความเชื่อว่า ในวันนี้พระอุปคุตจะออกจากนิโรธสมาบัติ
เนรมิตกายเป็นเณรน้อยมาบิณฑบาตในยามเช้ามืดใครได้ทำบุญใส่บาตรกับพระอรหันต์ที่ออกจากนิโรธสมาบัตินั้น
เป็นการสร้างมหากุศล เพราะโอกาสที่จะได้ทำบุญกับพระอรหันต์นั้นยากเต็มที
แล้วยิ่งได้ทำบุญกับพระอรหันต์ที่ออกจากนิโรธสมาบัตินั้น ยิ่งยากกว่า
ผลจากการสร้างมหากุศลนี้ สามารถพลิกชะตาให้แก่ผู้สร้างในชั่วข้ามคืน แม้แต่เทพเทวดาก็ยังอยากทำบุญกับพระอุปคุตเถระ
ในยามที่ท่านแขวนบาตรไว้บนต้นไม้ เทพเทวดาจะนำอาหารทิพย์มาใส่บาตรไว้ พอถึงเวลาฉัน
พระอุปคุตใช้วิธีการแหงนดูดวงอาทิตย์เป็นการดูเวลา เพราะการฉันเพลของพระภิกษุนั้น
จะฉันก่อนดวงอาทิตย์เคลื่อนมาตรงกลางศีรษะ
สอดคล้องกับการสร้างพระพุทธรูปพระอุปคุตปางจกบาตรหยุดตะวัน
ซึ่งเป็นปางที่พระอุปคุตแหงนหน้าหยุดดวงอาทิตย์เพื่อฉันข้าว และด้วยเหตุที่พระอุปคุตเป็นพระเถระผู้อุดมไปด้วยโภคทรัพย์
(แม้ไม่บิณฑบาตก็มีอาหารอันเป็นทิพย์ที่เหล่าเทพเทวดานำมาถวาย)
คุณวิเศษของพระอุปคุตจึงเป็นไปในทางขจัดอุปสรรคขวากหนาม
เพราะพระอุปคุตเป็นผู้กำราบพญามาร แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ มีกินมีใช้
และความยิ่งใหญ่ของท่าน พระอุปคุตปางนี้จึงเป็นที่นิยมในการสร้างไว้บูชาอย่างแรก
พระอุปคุตนิยมเข้านิโรธสมาบัติ ก็เลยกลายเป็นพระมหาลาภโดยปริยาย
การบูชาท่านก็จะมีลาภผลมากไปด้วย อีกนัยหนึ่งเป็นความเชื่อในระยะหลัง คือดูจากพระพุทธรูปแล้วเป็นลักษณะท่านล้วงบาตรกำลังฉันอยู่
ก็คิดว่าถ้าบูชาอย่างไรเสียเราคงไม่อดแน่ มีกินแน่นอน
จากการสันนิษฐานตามตำนาน
พระอุปคุตเกิดหลังจากที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพานแล้ว
ท่านเป็นพระเถระสำคัญองค์หนึ่งในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ผู้เปี่ยมด้วยพุทธานุภาพและฤทธิ์เดชเกรียงไกร
สามารถปราบพญามารและกำจัดสิ่งชั่วร้ายที่จะมาทำลายพิธีกรรมใหญ่ ๆ มาแต่ครั้งโบราณ
พระอุปคุตเป็นชาวเมืองปาตลีบุตร เมื่อบวชแล้วบำเพ็ญเพียรจนสำเร็จเป็นพระอรหันต์
ด้วยความสันโดษและมักน้อย จึงลงไปจำศีลบำเพ็ญเพียร ณ สะดือทะเล
เมื่อมีเหตุเภทภัยเกิดขึ้นในทางพระพุทธศาสนา เมื่อมีพิธีกรรมสำคัญ หรือมีผู้นิมนต์
ท่านก็จะขึ้นมาช่วยเหลือด้วยความเต็มใจเสมอ
อย่างไรก็ตาม
การออกมาบิณฑบาตในตอนกลางคืนของพระภิกษุและสามเณรตามหลักของพระพุทธศาสนาถือว่าผิดวินัย
เพราะเป็นยามวิกาล พระสงฆ์จะออกมาบิณฑบาตได้ในเวลาประมาณตีห้า
หรือแบมือแล้วเห็นเส้นลายมือ หากยังไม่ปรากฏเส้นลายมือ ให้ถือว่ายังไม่รุ่งอรุณ
จะออกไปบิณฑบาตไม่ได้ ซึ่งเรื่องนี้ทางคณะสงฆ์ได้มีการหารือกันหลายครั้ง แต่เพื่อเป็นการอนุรักษ์ประเพณีนี้เอาไว้
ก็ได้มีการยืดหยุ่นกันไป บ้างก็ปรับเปลี่ยนมาจัดพิธีกันในวัด
ให้ชาวบ้านมารวมตัวกันตักบาตรเป็งปุ๊ดในวัดแทน
ซึ่งก็เป็นทางออกที่เหมาะสมและได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่พุทธศาสนิกชนล้านนา
(หนังสือพิมพ์ลานนาโพสต์ ฉบับที่ 1109 วันที่ 16 - 22 ธันวาคม 2559)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น